Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว – ตอนที่ 50 ปีสองแล้วค่ะ

ตั้งแต่เข้าโรงเรียน มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย และตอนนี้ฉันกำลังย่างเข้าสู้ชั้นปีสองแล้วล่ะ

 

สวัสดีค่ะ แมรี่ เลกาเลีย อายุ11ปีค่ะ

 

ฉันสวมชุดยูนิฟอร์มใหม่ที่ออกแบบเองซึ่งทุตเต้เตรียมมาให้ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นนักเรียนของโซลออสแต่เป็นอาเรย์ออส เลยตัดสินใจเปลี่ยนดีไซน์ของชุดยูนิฟอร์ม จากแบบเบลเซอร์มาเป็นเซลเลอร์แทนล่ะ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีปกรูปสามเหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์ กับลายเส้นขอบสีขาวบนพื้นหลังสีดำ ตรงปลายสามเหลี่ยม บริเวณหน้าอกประดับด้วยริบบิ้นขนาดใหญ่ที่จับจีบให้ออกมาเป็นรูปผีเสื้อซึ่งตรงกลางมีเข็มกลัดเอาไว้ติดเสื้อ สวมกระโปรงสีดำพริ้วที่มีคอร์เซ็ตทับลงบนเสื้อเชิ้ตตัวนั้น ซ่อนสายรัดไหล่เอาไว้หลังผ้าสามเหลี่ยม ตัวกระโปรงเองมีการจีบสามครั้ง ซึ่งปลายกระโปรงที่ยาวถึงเข่ามีการประดับลูกไม้สีขาวน่ามอง ส่วนบริเวณที่รัดนั้น ตรงช่วงเอวด้านหลังที่เป็นคอร์เซ็ตได้ใช้ริบบิ้นสีขาวมัดเป็นรูปผีเสื้อตัวใหญ่เอาไว้ นอกจากนี้ ถัดจากกระโปรงลงมาก็จะมองเห็นถุงน่องสีดำที่ขาทั้งสองข้าง เข้าคู่เป็นเซ็ตกับรองเท้าบู๊ตสีดำ ในครั้งนี้ฉันลองออกแบบให้ทั้งหมดเป็นสีดำ ปิดท้าย โดยไม่ใช้ผ้าพันคอ เป็นเสื้อแจ็กเก็ตชายสั้นสีขาวยาวระดับอก ปล่อยให้ปลายสามเหลี่ยมยื่นออกมา ตรวจสอบว่าตราโรงเรียนและชั้นเรียนถูกเย็บไว้ที่แขนเสื้อและบริเวณหน้าอกเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ฉันก็หมุนตัวอยู่หน้ากระจกเพื่อตรวจสอบว่าใส่สบายแค่ไหนรวมถึงดูเป็นอย่างไรบ้าง

 

「อื้ม… ขนาดพอดีเลยล่ะ」

 

「แทนชุดยูนิฟอร์มตัวเดิมที่เล็กเกินไปแล้วได้พอดีเลยค่ะ」

 

ฉันกล่าวออกมาอย่างพึงพอใจ โดยมีทุตเต้พูดโต้ตอบในขณะที่เริ่มทำงานชิ้นต่อไป ตามที่ได้เคยพูดไปแล้ว ว่าดูเหมือนมนุษย์ในโลกนี้จะมีการเจริญเติบโตเร็วกว่าที่ฉันคิด ขนาดเสื้อผ้าเองก็เพิ่มวันเพิ่มคืนเป็นปัญหามากเลยล่ะ สำหรับคนอื่นแล้วดูจะไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก แต่สำหรับฉันที่มีความทรงจำของคนญี่ปุ่นแล้วมันรู้สึกขัดแย้ง มองเห็นทุกคนรวมถึงตัวเองเป็นเด็กมัธยมต้นที่แบกกระเป๋านักเรียน เป็นความรู้สึกคลุมเครืออะไรประมาณนั้น

 

นอกเรื่องไปซะแล้ว ชุดยูนิฟอร์มแบบเบลเซอร์ตัวก่อนได้รับการรับรองจากท่านแม่ และออกวางจำหน่ายในร้านเสื้อผ้าซึ่งขึ้นตรงกับดยุคเลกาเลียเท่านั้น เกิดข่าวลือในหมู่ขุนนางซึ่งเป็นนักเรียนใหม่ในปีนี้「เด็กหญิงที่ใส่ชุดนี้จะกลายเป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยม」 และด้วยความเชื่อแบบนั้นทำให้มีคนซื้อกันเป็นจำนวนมาก ตราของคลาสสามารถเปลี่ยนได้ หรือปรับเปลี่ยนนี่นั่นได้ในแต่ละร้าน ก็เป็นกลไกในเชิงพาณิชย์นั่นล่ะ

 

ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตรงหน้ากระจก ปล่อยให้ทุตเต้หวีและตัดแต่งทรงผม รวบผมบริเวณใบหูทั้งสองแล้วถักเปียอย่างประณีต รวบเข้าหากันที่ด้านหลังศีรษะ มัดเก็บด้วยคลิปผมที่ทำจากเงิน ปล่อยปลายผมพริ้วสยายไปด้านหลัง

 

「เริ่มต้นใหม่ กับเปิดเทอมใหม่สินะคะ คุณหนู」

 

「ใช่แล้ว เก็บเรื่องราวในปีก่อนเป็นบทเรียน คราวนี้ฉันจะต้องทำให้สำเร็จ จะใช้ชีวิตแบบตัวประกอบให้ได้เลยค่ะ!」(モブキャラ)

 

「โม โมบุคาระ… หรือคะ? ถึงจะไม่รู้ว่าหมายถึง แต่ฉันก็พร้อมสนับสนุนค่ะ」

 

พวกเรายืนยันเป้าหมายในปีนี้ พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกจากห้อง ขึ้นรถม้าไปตามเส้นทางเดิมที่ทำอยู่เป็นประจำ

 

 

ขอย้อนความเดิม หลังจากที่ตอบรับข้อเสนอของผู้อำนวยการโรงเรียน ก็ให้ฉันเรียนที่โซลออส และศึกษาพวกเวทย์มนต์ระดับพื้นฐานไปก่อน แต่ พอฉันแสดงให้เห็นว่าสามารถใช้เวทย์ระดับสองอย่าง magic arrow ต่อหน้าอาจารย์ฟรีท จำนวนคาบที่จะต้องเรียนก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ และสามารถมาเข้าร่วมกับฝั่งนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา

 

อย่างไรก็ตาม พอได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของเวทย์มนต์แล้ว ความคาดหวังของฉันก็แผ่ขยายออกไปอย่างมากเลยล่ะ

 

ทำไมน่ะเหรอ เพราะว่าเวทย์มนต์ของโลกนี้นั้นมันไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้ใช้ยังไงล่ะ โดยสรุปคือ magic arrow ของคนที่มีพลังเวทย์สูงอย่างฉันกับ magic arrow ของคนอื่นๆ จะเท่ากันทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและความรุนแรง และอย่างที่บอกไปแล้วว่าไม่มีความแตกต่างในเรื่องนั้นก็หมายความว่าไม่จำเป็นต้องควบคุมพลังยังไงล่ะ กับคนที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมพลังอย่างฉันแล้ว มันช่างเป็นคำที่ยอดเยี่ยมเสียนี่กะไร

 

แล้วก็ ที่อาเรย์ออสนั้นไม่มีการจัดการประลองที่เป็นอีเวนท์หลักแบบโซลออส เหล่านักเวทย์นั้นไม่มีคอนเซปต์เรื่องการต่อสู้หรือประลองกับคนอื่น ซึ่งเหตุผลหลักๆเลยก็คือมันไม่มีความแตกต่างในเรื่องความแรงเวทย์ของแต่ละบุคคล และในทางกลับกันระดับของเวทย์มนต์เป็นตัวบ่งบอกที่แน่นอนกว่า นักเวทย์ที่ใช้ได้เพียงเวทย์ระดับ 2 ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะนักเวทย์ที่ใช้เวทย์ระดับ 3 ได้ เพราะความแตกต่างของแต่ละระดับมันกว้างขนาดนั้นนั่นล่ะ ผลแพ้ชนะมันจึงถูกตัดสินตั้งแต่ก่อนสู้แล้วตามระดับของเวทย์มนต์ และก็ จำนวนคนที่พุ่งเป้ามาที่การเป็นนักเวทย์แล้วมาเข้าอาเรย์ออสนั้นเมื่อเทียบกับคลาสอื่นแล้วถือว่าน้อยกว่ากันแบบท่วมทัน อาจจะเป็นเพราะอย่างนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงการประลองที่มีโอกาสทำให้สูญเสียทรัพยากรผู้มีพรสวรรค์ไป

 

ยังไงก็ตาม การที่อาเรย์ออสไม่มีการประลองซึ่งเป็นอีเวนท์ที่จะทำให้เกินความโดดเด่น รวมถึงไม่มีความแตกต่างในเรื่องของการใช้เวทย์มนต์ ใช่แล้ว มันคือคลาสที่ตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตวัยเรียนของฉันอย่างยิ่งเลยล่ะ

 

(ม่า ถึงจะดูเหมือนว่าโยนความผิดพลาดทุกอย่างทิ้งเอาไว้ที่โซลออสก็เถอะนะ)

 

ฉันครุ่นคิดอยู่ในใจ ขณะที่มองทิวทัศน์ทางไปโรงเรียนผ่านกรอบไม้หน้าต่างรถม้า ไม่ไกลแล้ว เริ่มเห็นกำแพงอิฐและประตูโรงเรียนที่เห็นมาตลอดหนึ่งปี ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในโรงเรียน

 

รถม้ามาหยุดยังจุดจอดประจำ ทุตเต้เปิดประตูและลงจากรถม้า ฉันสูดหายใจลึกๆแล้วมองไปยังอาคารเรียน

 

「ว่าแต่ ห้องนั่งเล่นของอาเรย์ออสอยู่ไหนเนี่ย?」

 

ห้องนั่งเล่นใหม่ที่ไปมาไม่กี่ครั้ง แต่ทุตเต้กลับจำเส้นทางได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ตัวเองกลับลืมได้แต่ยืนตัวสั่นไม่ได้เรื่อง แต่ฉันมีทุตเต้ดังนั้นสบายมาก จะไม่ได้เรื่องยิ่งกว่านี้ก็ยังไหว

 

หลังตอบคำถามของฉัน ทุตเต้หลบมาอยู่ข้างหลัง ปล่อยให้ฉันเดินนำแล้วตัวเธอก็เดินตาม ระหว่างที่เดินก็จะคอยบอกทาง และฉันก็เดินตามที่บอก พอเดินมาถึงบริเวณตัวอาคารเรียน ตรงไปตามทางเดิน ก็มีบางสิ่งเล็กๆพุ่งตรงเข้ามาจากอีกฟาก

 

「ท่านแมรี่!」

 

「อร่า ซาฟีน่า อรุณส อุ๊ป」

 

ฉันจับชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวทักทายแบบคุณหนู โดยไม่สนเรื่องนั้น ซาฟีน่าพุ่งเข้าแทคเกิลช่วงอกของฉัน แม้จะไม่มีแดมเมจแต่แรงกระแทกก็ทำให้คำพูดสะดุดไป ซาฟีน่าผู้น่ารักในชุดยูนิฟอร์มใหม่แบบเดียวกัน ฉันกอดเธอในขณะที่เธอโอบเอวฉันแล้วเอาแก้มถูไถไปมา มองดูแล้วอย่างกับหมาน้อยผู้หงอยเหงากับเจ้าของเลยล่ะ

 

「โม่ ซาฟีน่าซัง ทำแบบนี้เนี่ย ไม่สมเป็นกุลสตรีเลยนะคะ」

 

ในขณะที่ฉันลูบผมสีเกาลัดนุ่มๆของซาฟีน่าด้วยความผ่อนคลาย ก็มีเสียงดังมาจากทิศที่ซาฟีน่าพุ่งเข้ามา มากิลูก้าซึ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกับฉันทำหน้าเอือมๆเดินเข้ามา

 

「…ใหญ่…」

 

「ฮะ?」

 

ฉันจ้องไปยังบางส่วนของมากิลูก้าที่กำลังเดินเข้ามา แล้วเผลอหลุดคำพูดออกไป พอมองมายังหน้าอกของตัวเองแล้ว รู้สึกเหมือนความมั่นใจในตัวเองถูกอะไรบางอย่างปักลงมาดัง*ฉึก* จากขนาด คิดว่า ชุดยูนิฟอร์มนี่ จะต้องมีการปรับดีไซน์เพื่อเน้นส่วนโค้งเว้าตรงนั้นเป็นแน่

 

「โห~… อะ ท่านแมรี่ อรุณสวัสดิค่ะ」

 

หลังจากที่ซาฟีน่าเติมพลังด้วยตัวฉันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกตัวด้วยบางอย่างที่ท่วมท้น และกล่าวทักทายฉันด้วยรอยยิ้มกว้าง

 

(จริงๆเลยน้า น่ารักจริงนะ ให้ตายสิ)

 

ท่าทางแบบนี้ ฉันคิดว่าช่างน่ารักสมวัยเข้ากับเธอ จนต้องกลั้นใจไม่ให้ตัวเองเข้าไปกอด นอกจากนี้ ตรงส่วนนั้นของซาฟีน่าเองก็สมวัยเช่นกัน

 

「ตั้งแต่วันนี้ท่านแมรี่จะย้ายมาอาเรย์ออสสินะคะ รู้สึกเหงาจังค่ะ」

 

ลูบศีรษะซาฟีน่าจนพอใจ พอนึกขึ้นได้ฉันก็พูดกับทุกคนในโซลออสเรื่องการย้าย

 

พอพูดจบ ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงมีสีหน้ายอมรับแบบแปลกๆ

 

「นี่น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วล่ะนะ」

 

「คงถึงที่สุดแล้วจริงๆสินะคะ」

 

「นี่ก็เพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปนั่นล่ะ」

 

อะไรแบบนั้น เข้าใจกันไปเองโดยไม่ขออนญาตอีกแล้ว คนที่ช็อคที่สุดก็คือซาฟีน่าที่มีอาการเศร้า แต่ว่า ก็ได้ทุกคนช่วยกันปลอบ หลังพูดคุยอยู่ซักพักเธอก็ถอยออกไป ดูเหมือนไม่อยากยอมรับเรื่องการย้ายคลาสของฉัน จะพูดยังไงดีนะ…

 

「แต่ผมรู้สึกเสียดายมากกว่า ที่ท่านแมรี่ชนะแล้วหนีไปแบบนี้」

 

ก็มีเสียงดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศอึมครึม ซาฮะเอามือไขว้ศีรษะเดินตรงเข้ามา ฉันจึงยิ้มตอบกลับรอยยิ้มกวนๆและเตะไปเบาๆเพื่อให้เงียบ

 

「ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจอกันอีกแล้วซะหน่อย มาเจอกันแบบนี้ก็ได้ หรือนัดเจอตอนที่ทุกคนว่างพร้อมกันก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะ」

 

ฉันไม่หันไปมองทางซาฮะที่คู้ตัวอยู่ใกล้ๆ ซาฟีน่าที่ได้ยินคำแนะนำแบบนั้นก็กลับมาร่าเริง

 

「นอกจากนี้ ที่โซลออสเองในปีสองก็จะมีการเรียนเวทย์มนต์ด้วยเหมือนกัน คิดว่าอาจจะมีคาบเรียนที่ตรงกันก็ได้นะ」

 

ซาฮะที่ยังคู้ตัวอยู่ทำหน้า*ไม่ไหวๆ*ออกมาอีกรอบ ในขณะที่มากิลูก้าเข้ามาช่วยปลอบซาฟีน่าต่อ

 

「นั่นสิคะ อ้อ ฉันเอง ก็รอที่จะได้เจอกันในคาบค่ะ 」

 

พูดคุยกันเช่นนั้น ซาฟีน่าก็ยิ้มแล้วโค้งให้ จากนั้นก็หันหลังกลับวิ่งไปตามทางที่จะไปยังห้องนั่งเล่นของโซลออส เห็นแบบนั้นแล้วฉันกับมากิลูก้าก็ยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น

 

「เดี๋ยว นายน่ะไม่ไปด้วยรึไง?」

 

「ไปแล้ว! ว่าแต่เธอไม่ปฏิบัติกับชั้นโหดร้ายเกินไปหน่อยเรอะ!」

 

คงเพราะยังเจ็บขาไม่หาย ซาฮะจึงประท้วงพวกเราที่ทำสีหน้าเย็นชาใส่ทั้งน้ำตา

 

「เรื่องนั้นช่างมัน ช่วยปกป้องซาฟีน่าจากพวกแมลงที่เข้ามาเกาะแกะด้วยนะ」

 

ฉันดึงซาฮะเข้ามาใกล้ *ชู่*ใช้มือหยุดเขา เพราะเป็นห่วงซาฟีน่าที่กำลังรู้สึกเหงาและอ้างว้าง จึงสั่งให้ซาฮะคอยดูแล

 

「โอ้! นั่นน่ะ เป็นหน้าที่ของอัศวินอยู่แล้ว! ไว้ใจได้เลย」

 

ดูเหมือนจะลืมเรื่องที่ท้วงก่อนนี้ไปแล้ว ซาฮะที่มีท่าทางอารมณ์ดีวิ่งตามหลังซาฟีน่าไป

 

「ท่านแมรี่ พวกเราเองก็ไปที่ห้องนั่งเล่นของอาเรย์ออสกันเถอะค่ะ」

 

「อื้อ…」

 

ฉันมองส่งเพื่อนสนิททั้งสองคน ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่นิดหน่อย มากิลูก้าส่งเสียงเรียกมาเบาๆ ฉันพยักหน้า ปรับอารมณ์เสียใหม่แล้วเดินตามไป

 

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Status: Ongoing
อ่านนิยาย เรื่องDouyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu neอ่านนิยาย เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว ชาติที่แล้วในช่วงชีวิตก่อนที่จะตายฉันได้วิงวอน [ถ้าได้เกิดใหม่ขอร่างกายที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่แพ้ได้ง่ายๆ] และดูท่าว่าคำขอนั้นจะถูกส่งไปถึง หลังจากมาเกิดใหม่ก็เป็นต่างโลกซะแล้ว ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน ทั้งพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งความเร็วที่เร็วที่สุด การโจมตีทางกายภาพก็ทำอะไรไม่ได้ การโจมตีด้วยเวทมนต์ก็ไร้ผล เพราะว่าไม่มีทางแพ้ทุกๆอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามเลยทำให้มีค่า สเตตัสทุกอย่างเต็ม MAX

Options

not work with dark mode
Reset