ตอนนี้ ฉันกำลังดื่มด่ำมื้ออาหารเย็นด้วยกันกับท่านพ่อท่านแม่ที่ห้องอาหารภายในบ้าน ทว่า ภายในหัวของฉันนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่พูดคุยกันวันนี้ในห้องนั่งเล่น
ตามที่องค์ชายพูดคือ ท่านพ่อที่เป็นนักเรียนใหม่ในตอนนั้นเป็นคนก่อเหตุกับอาจารย์ที่ทางโบสถ์ส่งมา ซึ่งสงสัยว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนั้นทำให้ทางโบสถ์ตัดความสัมพันธ์ แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ไปขุดคุ้ยก็ใช่ว่าจะได้อะไรดีขึ้นมา องค์ชายเองก็คิดเช่นนั้น ทว่า การที่ผู้อำนวยการโรงเรียนดูจะเพิกเฉยยังไงนั้น ราวกับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ มากิลูก้าบอกว่า ดูเหมือนทางโรงเรียนจะกังวลเรื่องบางอย่างมากกว่าความสัมพันธ์กับทางโบสถ์ ส่วนทางโบสถ์นั้น ถ้าไม่มีคำร้องขอจากทางฝั่งโรงเรียน 「งั้นก็ ผ่าน」และไม่ส่งคนมาประจำเป็นเหตุการณ์ประมาณนั้น
และ ในตอนนี้ ก็คนมีเพียงเขากับผู้อำนวยการเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น และเพราะอย่างนั้น จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถามท่านพ่อเฟรดดิทช์ขณะที่กำลังดื่มด่ำกับชาหลังมื้ออาหารเย็นตรงหน้า
「ท่านพ่อ มีเรื่องอยากจะถามซักหน่อยค่ะ」
「หืม? อะไรล่ะ? แมรี่」
ฉันรู้สึกเครียดในขณะที่พูดออกไป ท่านพ่อส่งยิ้มยินดีที่จะตอบและวางถ้วยลงบนจานรอง
「ไปได้ยินเรื่องเล่าในโรงเรียนมานิดหน่อยค่ะ ตอนที่ท่านพ่อเข้าโรงเรียน เอ่อ…คือ…แบบว่า อาจารย์ ที่มาจากโบสถ์… เกิดเรื่อง อะไรแบบนั้น」
เป็นการถามแบบตรงๆไม่อ้อมค้อม ในใจฉันเต้น*ตึกตัก*ขณะรอฟังคำตอบจากท่านพ่อ เพราะบางที มันอาจเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้แตะ รวมถึง การที่ท่านพ่ออาจจะอารมณ์เสียแล้วไปพูดอะไรกับทางโรงเรียนจนเป็นเรื่องอีก
「ตอนข้าเข้าเรียน? มีเรื่องกับอาจารย์? เหรอ?」
*เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยเหรอ* ดูเหมือนท่านพ่อจะนึกไม่ออกในทันที จึงเอามือจับคาง มองเพดานด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ผ่านไปกว่านาที *อืมๆ*ท่านพ่อที่ครางแบบนั้นก็ ทุบมือกับฝ่ามือว่าจำได้แล้ว
「อ้อ เรื่องนั้นเรอะ! ที่ข้าไป*ตุ๊บๆตั๊บๆ*อาจารย์เข้าสินะ!」
(โอ้ยย! ทำอะไรลงไปคะเนี่ย ท่านพ่ออ)
อาจเป็นเพราะนึกออกจึงทำหน้าดีใจ ในขณะที่ฉันต้องยัดภาพท่านพ่อที่พูดเรื่องอันตรายบางอย่างด้วยสีหน้ามีความสุขเอาไว้ในใจ
「ทะ…ทำไม ถึงทำแบบนั้นล่ะคะ?」
「หืม? ทำไมน่ะเรอะ? นั่นสินะ ตอนนั้น ตรงอาคารแยก ตอนนี้พวกแมรี่น่าจะเรียกว่าอาคารเรียนเก่าล่ะมั้ง? …ไปเจอที่งีบดีๆเข้าน่ะ แล้วตอนที่กำลังหลับสบายอยู่ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้มาทำเสียงดังในตึกนั่น พอเจอตัวก็เลยใช้กำลังทำให้เงียบซะ ในตอนนั้น… มีอาจารย์อยู่ด้วยรึเปล่านะ?」
(จริงๆเลย ทำอะไรลงไปคะเนี่ย ท่านพ่อ)
ฟังคำสารภาพอันสุดแสนงี่เง่าแล้ว ฉันที่อยู่ในอาการอึ้งปนทึ่งก็ตัดสินใจว่าจะเก็บมันเอาไว้
(แต่ว่า ถ้าที่ท่านพ่อพูดมาเป็นความจริงล่ะก็ จากการคาดเดาขององค์ชาย ก็ไม่มีเหตุผลที่ผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องระแวงทางโบสถ์เลยนี่นา ถึงทางโบสถ์อาจระแวงว่าจะโดนนักเรียนอัดร่วงแทนก็เถอะ)
แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะรู้สึกดีที่ได้หวนรำลึกความหลังรึยังไง ท่านพ่อจึงเล่าวีรกรรมในอดีตให้ฟังอีก แต่เพราะเคยได้ยินมาบ่อยแล้ว เลยฟังไปแบบผ่านๆ ขณะใช้ความคิด
(ม่า ถึงเรื่องราวจะไม่กระจ่างชัด แต่ถ้าฉันใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากการค้นเรื่องราวของอัศวินสีเงินในห้องสมุด ก็จบเรื่องได้ในทันทีเลยล่ะนะ แถมโชคดีที่มีเวทย์มนต์ระดับสองปรากฏในเนื้อเรื่องด้วย สามารถใช้ได้โดยไม่มีปัญหาใช่ไหมล่ะ
ฉันนึกถึงเมื่อวันก่อน ตอนที่ไปห้องสมุดด้วยกัน 4 คน เป็นห้องกว้างขนาดใหญ่แนวโมเดิร์นซึ่งมีชั้นหนังสือเรียงเป็นแนวเว้นระยะห่างระหว่างชั้นเท่าๆกัน มีหนังสือหลายหลายแบบอัดแน่นอยู่เต็ม นอกจากนี้ ยังมีหนังสือบางส่วนที่ไม่ได้วางเรียงบนชั้น แต่ถูกวางเป็นตั้งอยู่หน้าชั้นด้วย จะเป็นเพราะวางระบบไม่ดีหรือขาดการจัดการก็แล้วแต่ จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน พวกเรา 4 คนจึงต้องแยกกันไปหาเรื่องของอัศวินสีเงิน หลังจากใช้เวลาอยู่กว่าชั่วโมง ก็ประสบความสำเร็จได้หนังสือมาหลายเล่ม ฉันกล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยและอ่านแบบคร่าวๆ โชคดีที่พบว่ามีอยู่เล่มนึงในนั้นกล่าวถึงเรื่องที่อัศวินสีเงินชำระล้างวิญญาณได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเวทย์มนต์ที่คล้ายกับเวทย์มนต์ในเกมที่ฉันเคยเล่นอีกด้วย เมื่อตัดสินว่าน่าจะใช้ได้ พวกเราจึงออกจากห้องสมุด
(แล้วต่อไป ควรทำยังไงดี ควรจะเล่าเรื่องที่ท่านพ่อทำลงไปให้ทุกคนฟังดีรึเปล่านะ? ไม่ล่ะ เรื่องไม่ดีของคนในครอบครัวแบบนี้อย่าเล่าจะดีกว่า ให้รู้แค่ว่ามีคนเจ็บก็พอ)
ฉันตัดสินใจเช่นนั้น ก่อนหยุดการเล่าเรื่องราวดีๆในอดีตของท่านพ่อ แล้วเดินกลับห้อง ท่านพ่อที่ถูกหยุดการเล่าเรื่องราวกลางคัน ดูเหงาหงอยมากเลยล่ะ
――――――――――
ในวันต่อมา
ตอนนี้พวกเรายังคงมารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นของอาเรย์ออส ในตอนที่ทุกคนมารวมกันครบแล้ว ฉันก็เล่าเรื่องของท่านพ่อโดยปิดบางส่วนเอาไว้ รู้สึกกังวลว่าทุกคนจะคิดยังไง
「อืม~ คิดว่าลอร์ดเลกาเลียไม่น่าจะใช้กำลังโดยไม่มีเหตุผลนะครับ ในตอนนั้นคงจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมเชื่อแบบนั้นครับ」
「นั่นสิคะ ไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับการที่วิญญาณอาละวาดอยู่ในตอนนี้ก็ได้」
ฉันอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เพราะไม่นึกว่าว่าองค์ชายกับมากิลูก้าจะเชื่อมั่นจนพูดเช่นนั้นออกมาจากปาก
(ขอบคุณ ที่คนรอบตัวฉันต่างเข้าใจผิดกันไปเองแบบง่ายๆ ถึงแม้ว่าท่านพ่อจะค่อนข้างบ้าสุดๆเลยก็เถอะนะ)
พอฉันนึกถึงวีรกรรมในอดีตที่ท่านพ่อเล่ามาแล้ว จำได้ว่ามีอยู่หลายอย่างเลยที่เป็นการกระทำแบบไม่มีเหตุผล แต่ เพราะเป็นเรื่องน่าอายของคนในครอบครัวจึงตัดสินใจไม่เล่าให้ทุกคนฟัง
「ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมเองได้ให้คนในปราสาทช่วยหาข้อมูลในตอนนั้นจนถึงระดับข่าวลือครับ แต่กลับไม่มีข้อมูลว่ามีวิญญาณอาละวาด แม้แต่ข่าวลือก็ไม่มีครับ」
「เอ๋? เป็นความจริงหรือคะ」
พอได้ยินองค์ชายรายงานเช่นนั้น ฉันก็เผลอตะโกนออกไปโดยไม่ตั้งใจ จนคนรอบนอกหันมามอง ก่อนจะเอามือสองข้างปิดปากรีบก้มหน้าหลบ
「แล้ว มีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องที่วิญญาณอาละวาดในตอนนี้บ้างไหมคะ?」
「อาจเป็นการด่วนสรุปเกินไป แต่ผมเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน」
องค์ชายตอบคำถามของมากิลูก้าด้วยสีหน้ามั่นใจ
(เรื่องราวมันชักจะส่อเค้าไปในทางวุ่นวาย ตอนนี้ ฉันควรจะบอกทุกคนว่าสามารถใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ไล่ผีได้แล้ว ออกไปเพื่อจบปัญหาจะดีกว่ามั้ง)
ทุกคนพูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในตอนที่กำลังจะรดน้ำดับความวุ่นวายด้วยการเปิดเผยว่าฉันใช้เวทย์ได้ ก็มีเสียงเรียกมาจากทางด้านหลังก่อนที่จะได้พูดออกไป
「ทุกท่านมารวมตัวกันพูดคุยเรื่องอาคารเรียนเก่าอีกแล้วหรือคะ?」
พอทุกคนหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน ก็พบรุ่นพี่อลิสในชุดผ้าคลุมตัวเดิมโค้งทักทายอย่างสุภาพ มองมาทางพวกเรา
「เกี่ยวกับเรื่องที่วิญญาณออกอาละวาด ให้ฉันร่วมด้วยได้ไหมคะ? ทางฉันเองก็มีข้อมูลที่อาจช่วยแก้ปัญหาได้ค่ะ」
รุ่นพี่อลิสพูดเช่นนั้นและยิ้มอย่างอ่อนโยน ฉันไม่คัดค้าน องค์ชายมองเห็นเช่นนั้นพยักหน้าตกลง ทุตเต้จัดการเพิ่มจำนวนเก้าอี้ และเชิญเธอเข้าร่วมวงสนทนา
「เมื่อไม่นานมานี้ ฉันพบว่ามีการกางบาเรียวงกว้างรอบอาคารเรียนเก่าค่ะ ทว่า นั่นไม่ใช่ของที่เพิ่งทำ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นของเก่าทำไว้นานแล้วค่ะ」
พอรุ่นพี่อลิสนั่งลง พวกเราก็เล่าข้อมูลที่ได้มาจนถึงตอนนี้ พอพูดจบ เธอก็เปิดเผยข้อมูลที่รู้ออกมา
「หรือว่า วิญญาณจะถูกบาเรียนั่นขังเอาไว้คะ?」
มากิลูก้าถามถึงสิ่งที่รุ่นพี่อลิสพูดด้วยความสนใจ
「เปล่าค่ะ คิดว่าไม่น่าจะเป็นบาเรียแบบนั้น เพราะนั่นเป็นบาเรียสำหรับขังอันเดท ถึงอย่างนั้น คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ดึงดูดวิญญาณเข้ามาไม่ผิดแน่ค่ะ」
「งั้น ถ้าทำลายบาเรียนั่น วิญญาณก็จะไม่มารวมตัวกันที่อาคารเรียนเก่าอย่างงั้นสินะ?」
「ฉันเองก็คิดเช่นนั้นค่ะ จึงได้พยายามหาจุดกำเนิดของบาเรียภายในอาคารเรียนเก่าแต่ก็ยังไม่พบ เพราะเป็นบาเรียที่ครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้างจึงควรจะมีวงเวท คิดว่าคงหาเจอในเร็วๆนี้ค่ะ」
และอยู่ๆบทสนทนาระหว่างสองคนก็ถูกแทรก เกิดความเงียบไปชั่วขณะ
「อะโน… มีข้อสงสัย… นิดหน่อยน่ะค่ะ…」
*ขอโทษด้วยค่ะ*ซาฟีน่าที่ไม่เข้าร่วมสนทนามาจนถึงตอนนี้พยายามเค้นเสียงของเธอออกมา จุดปลายสายตานั้นมองไปทางองค์ชาย เป็นการถามเพื่อขออนุญาตออกความเห็น ซึ่งองค์ชายยิ้มและพยักหน้าให้ ถึงซาฟีน่าจะไม่สลบเมื่อเจอองค์ชายแล้ว แต่ก็ยังกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด จึงหลีกเลี่ยงที่จะเข้าร่วมสนทนามาตลอด
(ถ้าคุ้นชินได้เร็วๆฉันจะดีใจมากเลยล่ะนะ แต่ว่า เอาเถอะ ปล่อยให้ค่อยเป็นค่อยไป คอยเฝ้าดูแลไม่ต้องรีบร้อน)
「ตั้งแต่แรกเลย ทำไมถึงมีบาเรียแบบนั้นกางอยู่ที่อาคารเรียนเก่าล่ะคะ?」
「นั่นเป็น บาเรียที่เอาไว้กักขังอันเดท ดังนั้นอันเดท…」
ฉันตอบกลับคำถามของซาฟีน่าด้วยสีหน้าว่าเป็นเรื่องธรรมดา และพอรับรู้ถึงความเป็นไปได้ก็หน้าซีด
「สรุปคือ ที่อาคารเรียนเก่านั่นคงจะมีอันเดทมอนสเตอร์อยู่อย่างงั้นสินะ」
สิ่งที่อยู่ในความคิดของฉันนั้นถูกซาฮะพูดออกจากปากแทน ทำให้บุคคลโดยรอบที่กำลังฟังส่งเสียงกรีดร้องออกมา ฉันพยายามจะรีบเข้าไปปิดปาก แต่พอมองไปก็พบเขา*กึกๆ*ตัวสั่นกองอยู่บนโต๊ะแล้ว พอมองดูดีๆก็พบว่า มากิลูก้าที่นั่งอยู่ข้างๆกำลังส่งสายตาแช่แข็งใส่เขา
(มากิลูก้าเนี่ย ทำงานไวจังนะ)
「ในเมื่อยังไม่มีการยืนยัน ก็ไม่ควรคาดเดาไปเองแล้วด่วนสรุปครับ ตอนนี้คิดว่าไปสำรวจอาคารเรียนเก่าอีกครั้ง โดยเน้นไปที่การหาจุดกำเนิดของบาเรียเป็นสำคัญน่าจะดีกว่าครับ」
องค์ชายลดเสียงลงในช่วงท้ายของข้อเสนอเพื่อไม่ให้คนภายนอกได้ยิน พวกเราต่างพยักหน้าตกลงอย่างเงียบๆ ส่วน ซาฟีน่ากับทุตเต้นั้น เพราะอยู่ต่อหน้าองค์ชาย จึงไม่อาจพูดปฏิเสธได้แต่ปล่อยให้คำพูดติดอยู่ในลำคอ