เมื่อเข้ามาภายในวิหาร และลอดผ่านประตูบานใหญ่ที่อยู่ในส่วนลึกที่สุด ที่นั่นเป็นโดมขนาดกว้างและมีเพดานสูง เป็นที่ๆถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบรรยากาศที่เงียบสงบ ฉันได้ให้ทุตเต้ช่วยหา ที่ๆไม่ค่อยเด่นสะดุดตาให้
(ถ้าถามว่าทำไมล่ะ? ก็เพราะว่าฉันเด่นเกินไปยังไงล่ะ)
ครั้งแรกที่ได้เห็นเหล่าเด็กคนอื่นๆนอกจากตัวเอง ทำให้ฉันเกิดความประหลาดใจจนซ่อนเอาไว้ไม่อยู่ อย่างแรกเลย สีผมยังไงล่ะ
คนส่วนใหญ่แล้วจะมีผมสีดำ สีทอง และสีน้ำตาลนั้นก็มีเข้มบ้างอ่อนบ้างแตกต่างกันไปตามแต่ละคน
ส่วนสีเงินนั้น และยังเป็นขาวเงินอีกยิ่งไม่มีใครมีเลยสักคนเดียว
ส่วนสีของดวงตานั้นถึงจะแตกต่างกันไป แต่ว่าก็ยังมีคนที่มีสีเหมือนกันกับฉันอยู่พอลองคิดดูแล้วหรือว่าคุณแม่อาจจะเป็นคนต่างแดนก็ได้
แล้วก็ ทุกคนนั้นต่างก็มีรอยคล้ำแดดแลดูสุขภาพดีกัน เพราะว่าที่อาณาจักรอัลเดียแห่งนี้มีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี แดดเลยค่อนข้างแรง
ฉันเองก็ชอบออกมาข้างนอกสัมผัสกับแสงแดดเหมือนกันแท้ๆ แต่ว่าคนที่โดนแดดเผากับมีแค่ทุตเต้ที่อยู่ด้วยกันเท่านั้นแต่ว่าฉันกลับไม่มีรอยแดดเผาเลยสักนิด…ทำไมอะ?
อย่างไรก็ตาม ตัวฉันที่ไม่ค่อยได้ปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นนั้นวันนี้ เป็นครั้งแรกที่ถูกสนใจ เพราะแบบนั้นก็เลยรู้สึกอาย จนต้องมายืนแอบเงียบๆในที่ๆไม่สะดุดตา
ด้วยความที่ฉันเป็นถึงบุตรีของตระกูลดยุค เลยมีแค่สายตาอยากรู้อยากเห็นแอบมองมาเท่านั้นไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรเกินเลยมากกว่านั้น
[ถ้าเช่นนั้น จะเริ่มพิธีพยากรณ์แล้วนะครับ ผู้ที่ถูกขานชื่อให้ออกมาข้างหน้าและนำมือมาสัมผัสที่ลูกแก้วนี้]
ภายในวิหารอันกว้างขวางมีกระไดหลายขั้นอยู่ ข้างบนนั้นมีลูกแก้วที่เปร่งแสงเลือนลางถูกวางอยู่บนฐานอันหรูหรา
แมรี่ : [จะว่าไปแล้วทุตเต้ ฉันได้ลำดับที่เท่าไหร่หรอ?]
เกี่ยวกับลำดับที่นั้นเป็นเรืองที่รู้กันว่ามีอิทธิพลต่อดุลอำนาจของตระกูลขุนนางตระกูลที่อยากจะโชว์มักจะขอเลือกอันดับต้นๆ ส่วนตระกูลที่ไม่ค่อยอยากจะเด่นเท่าไหร่นั้นจะเลือกกลางๆ ต่อมาจะเป็นเด็กๆที่ไม่ได้มาจากตระกูลอะไร…เป็นต้น สถานการณ์ของตระกูลก็มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน ส่วนจะยอมรับหรือปฏิเสธนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของตระกูล
ทุตเต้ : [นายท่านเป็นคนขอมาเองน่าจะได้ลำดับสุดท้ายค่ะ?เพราะน่าจะอยากจะให้ใช้โอกาสสุดท้ายนี้เพื่อเปร่งประกายค่ะ]
(ก็อดแดม! ทำเรืองไม่เป็นเรืองซะได้ คนเขายิ่งไม่อยากจะเด่นสะดุดตาอยู่ด้วย)
ฉันหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจออกมายาวๆ
ในระหว่างที่กำลังทำแบบนั้น พิธีพยากรณ์ก็เริ่มขึ้น คนที่ถูกเรียกก็ขึ้นไปยืนบนแท่น แลมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อลูกแก้วนั้นถูกมือสัมผัสลูกแก้วก็ปล่อยแสงจางๆออกมา แดง – เขียว – ฟ้า มีสีเหล่านั้นผสมกันและถูกเปร่งออกมา
หลังจากนั้น ก็หลับตาลง หลังจากอยู่ในท่าแบบนั้นสักพักเด็กคนนั้น จู่ๆก็ลืมตาขึ้นมา และทำท่าทางราวกับคิดอะไรได้และลงมาจากแท่น
แมรี่ : [สีพวกนั้นคืออะไรหรอ?]
ทุตเต้ : [นั้นคือ สิ่งที่จะแสดงความสามารถของผู้ที่สัมผัสค่ะ พลัง – สติปัญญา – เวทมนต์ ถ้าสีใดมีความเข้มข้นมากก็หมายถึงมีพลังในด้านนั้นสูง หรือก็คือใช้ความสว่างของแสงนั้นเป็นตัววัดค่ะ]
(หรือให้ยกตัวอย่าง ถ้าสีแดงส่องแสงขึ้นมาแสดงว่าคนๆนั้นมีพลังด้านนั้นเป็นเลิศ และถ้ายิ่งสว่างมากเพียงใดแสดงว่าพลังยิ่งสูงเท่านั้นสินะ?)
แมรี่ : [เฮ๋~~ จะว่าไป รู้เยอะจังเลยนะ]
ทุตเต้ : [เพราะว่าดิฉันเคยผ่านพิธีพยากรณ์มาแล้วค่ะ]
จะว่าไปแล้ว เธอหน้าจะได้มาร่วมก่อนที่ฉันจะอายุ 5 ปีนี่นะ เพราะงั้นก็เลยลืมไปซะสนิทเลยว่าได้เข้าร่วมพิธีก่อนฉัน
แมรี่ : [แหม่ อย่างงั้นหรอ?]
ก็อยากจะถามอยู่หรอกนะว่าเป็นยังไงบ้าง? แต่ว่ามันก็เป็นเรืองส่วนตัวของแต่ล่ะคนนี้นะคิดซะว่าเดี๋ยวจะเป็นการเสียมารยาท เพราะฉะนั้นจงอดทนไว้
แมรี่ : [เรืองของแสงนั้นพอจะเข้าใจแล้ว แต่ว่าหลังจากนั้นล่ะที่ยืนค้างอยู่เฉยๆนั้นคืออะไรหรอ?]
ทุตเต้ : [กำลังได้รับคำอวยพรจากพระเจ้าอยู่ยังไงล่ะคะ]
แมรี่ : [เอ๊ะ! ได้ยินเสียงของพระเจ้าด้วยหรอ?]
สำหรับเด็กที่เกิดในยุคสมัยใหม่อย่างฉันเรืองแบบนั้นก็เลยเป็นสิ่งเหลือเชื่อ เพราะคิดแบบนั้นก็เลยเผลอส่งเสียดัง ค่ะก็ตามนั้นแหละ แล้วทำไมล่ะ? ความรู้สึกแบบนั้นเลย ฉันทำหน้าตาสงสัยพลางมองทุตเต้ พระเจ้าเคยปรากฏตัวบนโลกนี้อย่างงั้นหรอ อย่างน้อยที่สุดก็ในอดีต แต่คิดว่าคงจะไม่ได้ถึงขั้นเสด็จลงมาเองหรอก สมกับที่เป็น แฟนตาซีจริงๆ!
หลังจากสลับสับเปลี่ยน เหล่าเด็กๆที่ขึ้นไปบนแท่นและมีแสงสว่างวาบออกมา ตาของฉันก็เริ่มแสบแล้ว
และในขณะเดียวกัน หัวใจของฉันของเริ่มเต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง
(นี่มัน น่าจะถึงลำดับของฉันแล้วนี่นา? ถึงหรือยัง?)
ฉันเริ่มมองไปรอบๆ ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่รู้ลำดับที่เหลือที่แน่นอนล่ะก็ เพราะว่าไม่ได้เรียงตามลำดับยังไงล่ะ ทุกคน เลือกที่นั่งตามใจชอบกัน เพราะแค่ถูกเรียกก็ออกไปข้างหน้าเท่านั้น สุดท้าย ก็เลยไม่รู้เลยว่าเหลือเท่าไหร่
แถมคนที่เสร็จแล้วยังไม่ออกไปจากพิธีด้วย เพราะงั้นก็เลยไม่รู้จำนวนที่แน่ชัดยังไงล่ะ
แต่ว่า นั่นก็แค่ช่วงแรกๆเท่านั้น ตามคาดว่าพิธีนั้นใช้เวลานาน เพราะแบบนั้นเลยเข้าใจว่าสภาพของคนที่เสร็จแล้วกับยังแตกต่างกัน
และ พอรู้ว่ายังมีคนอีกหลายคนนอกจากตัวเองอยู่ เลยทำให้หัวใจของฉันเต้นเร็วขึ้นอีก
(ครั้งนี้จะต้องไม่ทำพลาดอีกไม่งั้น…ล่ะก็ ถ้าเกิดว่าเผลอทำลูกแก้วแหลกคามือคง…จบแน่นอน)
พอลำดับของตัวเองเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากความประหม่าของฉันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความกังวลแทน ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ เรืองน่าสงสัยทั้งหมดที่เกิดขึ้น คงจะตกมาที่ตัวฉันคนแรกแน่ๆ
(อ๊าาา…ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ล่ะก็ หาลูกแก้วมาฝึกซ้อมเองน่าจะดีแท้ๆ แต่คิดว่าคงจะไม่แหลกคามือง่ายๆแบบนั้นหรอกมั้ง แต่ว่าถ้าเกิดมีรอยร้าวก็คงจะไม่ดีเหมือนกันสินะ…อ๋าา ทำยังไงดี จะทำยังไงดี…เครียดจนมือสั่นเลยอะ)
และแล้ว ฉันก็ได้เห็นเด็กคนสุดท้ายถูกเรียกออกไป ไม่นานหลังจากนั้น ก็กลับมา
(ถึ…ถึงงงงงงงงงงง ถึงฉันแล้วสินะ)
ฉันเขียนอักษรคำว่าคน(人)ลงบนฝ่ามือและกลืนลงไป
นี่แหละ สิ่งที่คนสมัยใหม่ภาคภูมิใจ พลังของเครืองรางยังไงล่ะ!
[ต่อไป ตระกูลดยุคเรกาเลีย ท่านแมรี่ เรกาเลีย]
เสียงนั้นทำให้หัวใจของฉันเต้นราวกับจะระเบิด
(เครืองรางที่คนสมัยใหม่ภาคภูมิใจ ไม่ได้ผลอ้าาาาา)
ฉันที่ตัวแข็งทื่อไปแล้วทำให้ทุตเต้มองหน้าฉันราวกับจะถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ด้วยความเป็นห่วง
(จะทำให้เป็นห่วงได้ยังไงเล่า ฉันเป็นถึงบุตรีดยุคเลยนะ! ต้องหนักแน่นเข้าไว้สิ)
เมื่อฉันตัดสินใจได้แล้ว จึงเงยหน้าขึ้นและก้าวออกไปข้างหน้า
คึกๆ ๆ ๆ ๆ!
และ ในตอนนั้น ประตูบานใหญ่ที่ปิดไว้อยู่ก็ถูกเปิดออก เหล่าอัศวินและผู้ติดตามหลายคนก็เข้ามาข้างใน
[องค์ชายลำดับที่หนึ่งแห่งอาณาจักรอัลเดีย องค์ชายเรย์ฟอส เสด็จมาถึงแล้ว]
เพียงเพราะคำพูดนั้นทำให้ภายในวิหารเกิดบรรยากาศกดดันขึ้นในพริบตาเดียว
จากคนที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดก็เริ่มหลีกทางให้ตามลำดับ
ส่วนฉันนั้น เกิดอาการลุกลี้ลุกลนเพราะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่จู่ๆก็เกิดขึ้น และยืนค้างอยู่ในท่าที่กำลังจะเดินไปขึ้นแท่น
และ คนที่พาเหล่าอัศวินมา ก็เดินมุ่งหน้าเข้าไปข้างใน
องค์ชายลำดับที่หนึ่งแห่งอาณาจักรอัลเดีย [องค์ชายเรย์ฟอส ลูคัว ดัลฟอร์ด]
ด้วยรูปลักษณ์นั้นไม่ว่าใครเห็นต่างก็หลงไหล ถ้าพูดให้ถูกก็เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น
แต่งกายด้วยชุดที่มีสีขาวและสีฟ้าเป็นพื้นฐาน ทวงท่าการเดินยืดแขนยืดขาอันสง่าทำให้ภาพลักษณ์ยิ่งดูงดงาม
เส้นผมที่ดูลื่นสลวยราวกับเส้นด้ายสีทองพริ้วไสวไปตามลม ภายในดวงตาสีฟ้าที่ส่องประกายที่ลึกราวกับถูกดึงดูด ช่างงดงาม
ด้วยหน้าตาแบบนั้นเลยทำให้ดูเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม และท่าทางอันองอาจผึ่งผายที่ดูสูงศักดิ์เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว
นี่แหละ องค์ชาย ตัวจริงเสียงจริง ไม่ต้องสงสัยเลย
แถม องค์ชายของอาณาจักรนี้ยังอายุเท่ากับฉันอีกด้วย เพราะแบบนั้น ถึงได้มาเข้าร่วมพิธีพยากรณ์ในวันนี้แต่ว่า เชื้อพระวงศ์ มีเรืองยุ่งอยู่หรอ ถึงได้มาสายแบบนี้ แต่ถึงจะมีหรือไม่มีก็ไม่พูดอะไรพร้อมกับปรากฏตัวอย่างอลังการ
แต่ว่า ก็ไม่มีใครบ่นอะไร นั่นแหละเชื้อพระวงศ์
องค์ชายคนนั้นเดินผ่านเหล่าคนที่โค้งทำความเคารพใกล้เข้ามา
(แย่แล้ว ถ้าฉันไม่รีบหลบล่ะก็)
ถึงภายในหัวของฉันจะตีกันยุ่งเหยิงไปหมดแต่ก็ พยายามจะตอบสนองโดยการขยับตัวไปรอบๆ และผลของการทำเช่นนั้น…
อึก!
ทำไม่ได้อีกแล้วค่าาาาาา!
ขณะที่ฉันกำลังเดินถอยหลัง ด้วยความที่ใส่รองเท้าที่ไม่ชิน ทำให้ฉันกำลังล้มลง
เรย์ฟอส : [โอ๊ะ…]
เสียงที่โอนโยนนั้นถูกส่งมาที่หูของฉัน
ฉันถูกใครบางคนกอดรับไว้
(เอ๊ะ? ใคร? อย่าบอกนะว่าาาาาาา!)
ฉันที่กำลังกลัวจนตัวสั่นก็ถูกสบตาเข้า และก็พบเข้ากับใบหน้าขององค์ชายคนนั้นในระยะประชิด
(ทำสิ่งที่ไม่ควรทำซะแล้ววววว!)
ภายในหัวใจของฉันนั้นกำลังกรีดร้องอยู่