「บอกว่าเป็นญาติกับอาจารย์ที่ก่อเหตุคนนั้นหรือคะ」
「ก่อเหตุไว้เลยเป็นคนที่มีชื่อเสียงไม่ดีสินะคะ แต่ท่านปู่ไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นเลย ท่านก็แค่ทำตามอุดมคติของตนเท่านั้นค่ะ」
มากิลูก้าขึ้นเสียงเมื่อได้ยินคำสารภาพอันน่าเหลือเชื่อจากรุ่นพี่อลิส แต่เธอก็ตอบกลับแบบสบายๆ
「อุดมคติ? พิธีกรรมนี่น่ะหรือ?」
「ใช่ค่ะ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่เส้นทางสู่อุดมคติเท่านั้นค่ะ ฝ่าบาท」
องค์ชายถามในขณะที่จ้องมองไปยังอันเดทที่ยืนอยู่ในวงกลมเวทมนตร์ รุ่นพี่อลิซเผยรอยยิ้มเปี่ยมสุข จากนั้นก็สะบัดผ้าคลุม*พรึ่บ*ยกมือกางแขนทั้งสองขึ้น
「ทั้งหมดนี้ก็เพื่ออุดมคติ! ใช่ เพื่อจะได้วี๊ดว๊ายอุฟุฟุกับเหล่าอันเดทที่ห้อมล้อมยังไงล่ะคะ!」
「「…」」
ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นได้ที่หรือยังไง รุ่นพี่อลิสจึงเริ่มพูดถึงอุดมคติของเธอด้วยเสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งชั้นใต้ดิน ความคิดของพวกเราแข็งทื่อ ความตึงเครียดลบฮวบไปในทันใด
「หา? เมื่อครู่ ว่ายังไงนะ?」
มากิลูก้าที่ระบบความคิดกลับมาได้ก่อน แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินจบไป
「อุฟุฟุ ท่านปู่ ไม่สิ ความฝันของฉันในตอนนี้ คือการได้วี๊ดว๊ายอุฟุฟุกับเหล่าอันเดทที่ห้อมล้อมค่ะ!」
รุ่นพี่อลิสที่กำลังทำหน้าฟินกล่าวซ้ำออกมาอีกครั้ง แบบนี้ จะว่ายังไงดีล่ะ
(อา~ … จะว่าไป เธอ บอกว่าเชี่ยวชาญเรื่องอันเดทนี่นะ หรือว่า เธอชอบจะแนวสยดสยองแบบนี้…)
พอคิดว่าครอบครัวนี้เข้ามายุ่งกับโรงเรียนด้วยเหตุผลแบบนี้แล้ว เล่นเอาปวดหัวเลย
「ความปรารถนาของท่านปู่คือการมีเหล่าอันเดทมาคอยรับใช้ค่ะ แต่ว่า โบสถ์ที่ท่านทำงาน มองว่าอันเดทคือตัวตนที่ต้องถูกชำระล้าง การอัญเชิญอันเดทในโบสถ์ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ ดังนั้น ท่านปู่จึงมาที่โรงเรียนนี้ ทำงานไปพลางสร้างสรวงสวรรค์ในอุดมคติไปด้วยค่ะ」
รุ่นพี่อลิสที่อยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น*บลาบลา*พูดสิ่งที่พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนออกมาเรื่อยๆ
「เริ่มจาก การเตรียมพื้นที่ให้กว้างพอสำหรับวงเวทขนาดใหญ่โตเช่นนี้ รวบรวมกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกัน ผู้ใช้ไสยเวทย์ความตายในทางชั่วร้าย ปิดท้ายด้วยกลุ่มนักเรียนที่มีแนวคิดต่อต้านสังคมใช้ความรุนแรงและอื่นๆ และในวันนึง ก็ถูกผู้คนโดยรอบเรียกว่ากลุ่มลัทธิ แต่ความฝันของท่านปู่ไม่อาจถูกหยุดด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้น」
(เป้าหมายของกลุ่มลัทธิมันเพี้ยนไปแล้วไม่ใช่รึไงน่ะ? ทางโรงเรียนคงระแวงว่าจะมีอะไรแบบนี้อีกล่ะมั้ง? เกิดมีการรวมตัวเป็นกลุ่มลัทธิแปลกๆแบบนี้ขึ้นมาอีกคงไม่ตลกล่ะนะ
「และ ในตอนที่พิธีกรรมมาถึงขั้นตอนสุดท้ายและกำลังจะเสร็จสิ้น ท่านปู่ที่กำลังดีใจจนเนื้อเต้น ก็ถูกชายคนนั้นเข้ามาขวางค่ะ」
พูดเช่นนั้นแล้วรุ่นพี่อลิสก็*กี้*จ้องมาทางฉัน พร้อมทั้งชี้นิ้วใส่
「เฟรดดิทช์.เลกาเลีย! ปรากฏตัวเข้ามาพังแผนการ! จากนั้นพวกอาจารย์ที่ได้ยินเสียงเอะอะก็กรูกันเข้ามายังสถานที่อัญเชิญราวกับเล็งช่วงเวลาไว้ ท่านปู่เล่าว่าโชคยังดีที่ซ่อนเอาไว้ได้ทันอย่างเฉียดฉิว ท่านบอกว่า มาลองคิดดูแล้ว ที่นักเรียนใหม่ทำตัวเป็นอันธพาลบุกเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างเหมาะเจาะนั่น คงจะเป็นแผนของผู้อำนวยการโรงเรียนค่ะ」
(ไม่ไม่ แค่เพราะต้องการจะงีบ แล้วถูกทำเสียงรบกวนเลยไปจัดการค่ะ รุ่นพี่ ไม่แน่ว่าพวกอาจารย์ที่วิ่งมาเองก็ น่าจะแค่มาตามหาตัวท่านพ่อที่โดดเรียนล่ะมั้ง)
ฉันพึมพำความจริงอยู่ภายในใจ แย้งการอนุมานจากรุ่นพี่อลิส แล้วก็ถอนหายใจ
「และ ก็เป็นอย่างที่คิด สมาชิกในครอบครัวเลกาเลียมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ฉันจึงเก็บซ่อนความเศร้าโศกของท่านปู่เอาไว้ แสร้งทำตัวเป็นฝ่ายเดียวกับพวกเธอ เพื่อในทางกลับกันจะได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และก็โชคดี ที่ทำให้มาเจอห้องทำพิธีนี่จนได้」
ไม่เกี่ยวกับว่ามันยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่อะไรยังไงหรือไม่ เพราะมันผิดตั้งแต่แรกแล้วที่ตั้งเป้าหมายสุดท้ายเป็นอะไรที่น่าสยดสยองแบบนี้ ทางฝั่งของพวกเราจึงไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นด้วยเลยซักนิด ผิดกับทางรุ่นพี่อลิสที่ติ่นเต้นสุดๆอยู่คนเดียว
「ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ที่พวกวิญญาณออกมา เป็นเพราะวงเวทย์นี่สินะคะ」
「ค่ะ เพราะวงเวทย์นี้ได้รับพลังเวทย์จากคนหลายคนและอันเดทก็มีความใกล้เคียงกับพวกมัน จึงถูกดึงดูดเข้ามา นอกจากนี้ ตัววงเวทย์นี้จะตอบสนองเฉพาะกับผู้ที่มีสายเลือดเดียวกับท่านปู่ค่ะ พอท่านปู่ออกจากโรงเรียนไป จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอฉันมาถึงที่อาคารเรียนเก่า วงเวทย์ที่ตอบสนองกับตัวฉันจึงกลับมาทำงานอีกครั้งและเริ่มดึงดูดวิญญาณเข้ามา ฉันจึงรับรู้ได้ว่าจะต้องมีห้องประกอบพิธีอยู่ที่ใดที่หนึ่งในอาคารเรียนเก่าแห่งนี้ค่ะ」
รุ่นพี่อลิสตอบคำถามของมากิลูก้าอีกครั้ง
「อัญเชิญอันเดทออกมาในที่แบบนี้ แล้วถ้าเกิดมันไปทำร้ายนักเรียน ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือครับ」
องค์ชายพูดออกมาอย่างมั่นใจว่ามันจะต้องเกิดขึ้น รุ่นพี่อลิส*หา?*ทำหน้าแปลกใจ
「เจ้าตัวน่ารักแบบนี้ ทำร้ายพวกเรา ไม่..」
ปึ้งงง!
รุ่นพี่อลิสที่มีสีหน้าหลงใหลเดินเข้าไปในวงเวทย์ ทำท่าจะเข้าไปแตะอันเดทวาริเออร์ แล้วถูกอัดกระเด็นด้วยโล่ของมัน ลอยโค้งอย่างสวยงามไปทางผนัง พวกเราที่มองตามภาพนั้นได้แต่อ้าปากค้าง *ตุ๊บ*หลังจากที่ร่างร่วงลงสู่พื้น *กึกกึก*ร่างนั้นสั่นอยู่พักหนึ่ง *พรึบ*ก่อนจะยกร่างท่อนบนขึ้นมา
「โม่~ว♪ ขี้อายจังน้า」
(…ไม่ได้เรื่องแล้ว รุ่นพี่คนนี้…)
ถึงจะถูกพาดด้วยโล่ จนแว่นตากรอบสีเงินนั้นมีรอยร้าว รุ่นพี่อลิสก็ยังคงทำหน้าหลงใหล มองไปทางอันเดทด้วยความรัก
「โอวววว!」
เพราะมีมนุษย์ตัวเป็นๆเข้าไปใกล้ อันเดทวาริเออร์จึงคำรามราวกับว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้น เทียบกับท่าทางก่อนหน้าที่แค่ยืนนิ่ง ตอนนี้อยู่ในท่าพร้อมสู้อย่างชัดเจน
「มาแล้ว! เอาไง? ถอยมั้ย?」
ซาฮะที่ยืนอยู่ข้างหน้าชักดาบออกมา ถามทุกคนที่กำลังกลัว
「ถ้าเจ้านี่ออกไปข้างนอกจะอันตราย จนกว่าอาจารย์จะมาไม่ว่ายังไงก็ต้องหยุดมันเอาไว้ที่นี่ครับ」
ในสถานการณ์ที่เคร่งเครียด องค์ชายพูดออกมาเช่นนั้น ซาฮะกับมากิลูก้าเงียบไปด้วยสีหน้าลำบากใจ แม้จะไม่ใช่วิญญาณ มีกายเนื้อ สามารถใช้เวทย์มนต์โจมตีได้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าพวกเราในตอนนี้จะสู้กับมันไหวหรือไม่
「ฉันจะทำอะไรซักอย่างเอง ทุกคนช่วยตรึงเอาไว้ที ท่านเรย์ฟอร์ซกรุณาถอยมาด้วยค่ะ」
แทนที่จะประหลาดใจกับคำพูดของฉัน ทุกคนกลับดูเหมือนโล่งอกซะมากกว่า
(เอาล่ะ จะได้ผลตามที่ทุกคนคาดหวังไหมนะ)
ในขณะที่ฉันเอียงคอสงสัย เจ้ายักษ์ก็เดิน*ตึงๆ*เข้ามาทางนี้ ยกดาบของมันขึ้น
「ซาฮะคุง! ตั้งรับ!」
「โอ้ส!」
ตอบรับกับคำสั่งของฉัน ซาฮะที่อยู่ตรงหน้าชักดาบออกมาตั้งรับ เพราะเวทย์มนต์ที่ฉันกำลังจะใช้มีรูปแบบการแสดงผลในตำแหน่งตายตัว จึงใช้ได้ยากหากเป้าหมายเคลื่อนที่ จำเป็นต้องทำให้หยุดอยู่กับที่ก่อน
「มากิลูก้า เวทย์เสริมพลังกับป้องกัน」
「เข้าใจแล้วค่ะ」
เจ้ายักษ์ที่บีบระยะเข้ามาฟาดดาบขึ้นสนิมของมันลงในขณะที่ทำเช่นนั้น ซึ่งซาฮะที่ได้รับเวทย์เสริมพลังกับป้องกันสามารถรับเอาไว้ได้
เสียงโลหะกระทบกันดังก้อง ก่อให้เกิดความตึงเครียดไปทั่วบริเวณ
「ซาฟีน่า! ที่ขา!」
「ขะ ค่ะ!」
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่คาดคิดว่าจะถูกหยุดเอาไว้ได้ หรือในหัวไม่มีความคิดยืดหยุ่น มันถึงยังออกแรงใส่ดาบที่เหวี่ยงลงมาต่อ ฉันจึงออกคำสั่งซาฟีน่าให้เล็งไปยังช่วงขาของอันเดทที่หยุดการเคลื่อนที่
「บัตโตจุตสึ 2 ทบ!」
แม้จะยังตื่นกลัว แต่ซาฟีน่าก็เข้าประชิด ใช้เวทย์มนต์เร่งความเร็วแล้วโจมตี 2 ครั้งซ้อนในทันที ในจังหวะเดียวกันกับที่ดาบออกจากฝัก ขาเน่าๆกับน่องก็ถูกแยกออกจากกัน
เพิ่งจะมารู้จากสองคนนี้นี่ล่ะว่า นักเรียนชั้นปีสองฝึกซ้อมกันจริงจังขนาดไหน
อันเดทที่สูญเสียขาไปข้างหนึ่งล้มลงไปกองเป็นซากศพอีกครั้ง ทุกคนที่เห็นแบบนั้นก็ใจชื้น กับ ฉันที่รู้สึกผิดหวัง แต่ก็ยังคงรักษาอาการสงบเอาไว้ ก็แหม เกือบจะได้กลายเป็นคนดูไปจริงๆแล้วเนี่ย
「เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง」
ซาฮะกับซาฟีน่าถอยฉากออกมาเมื่อได้ยินเสียงคำร่ายของฉันดังก้องชั้นใต้ดิน
「แสงเอ๋ย จงโอบกอดกายเจ้า แล้วกลายเป็นเถ้าธุลีเสีย!」
บอกไว้ก่อนว่าเจ้าคำร่ายนี่ไม่ได้มาจากความตั้งใจของฉัน เป็นประโยคพูดดั้งเดิมที่ปรากฏอยู่ในเรื่องราวของอัศวินสีเงิน เวทย์มนต์ในครั้งก่อนทำงานเมื่อพูดจนจบประโยค(TL:ตอนงูยักษ์) ครั้งนี้เองก็เชื่อว่าหากไม่พูดก็จะไม่ได้ผลจึงต้องพูดออกมา ขอย้ำอีกครั้งว่านี่ไม่ใช่ความตั้งใจของฉัน
「Turn undead!」
ด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังกับการชี้นิ้วไปยังอันเดทเป็นสัญญาณ ตรงจุดที่เจ้าอันเดทล้มลงก็เกิดวงแสงเวทย์มนต์ล้อมรอบ และแสงสว่างก็พวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินราวกับน้ำพุร้อน
「โอวววว!」
อันเดทที่ถูกอาบด้วยแสงนั้นส่งเสียงคล้ายกรีดร้องดังก้องสะท้อนไปทั่วชั้นใต้ดิน
「เรียบร้อยค่ะ」(終わりだ:โอวาริดะ)
ฉันพูดออกมาเบาๆ แล้วก็ลดมือที่ยื่นออกไปลง
(ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่บอกไว้เลยว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ ถึงจะพูดไปหลายรอบแล้วก็เถอะ แต่ประโยคน่าอายแบบนั้นน่ะ ไม่ได้มาจากความตั้งใจของฉันเลยนะ)
ฉันเก็บความทุกข์ไว้ภายในมองไปยังเบื้องหน้า ร่างของอันเดทที่ถูกอาบด้วยแสง*ซ่าๆ*พลังทลายลงอย่างกับทราย แล้วสลายหายไป
ไม่นาน เสาลำแสงก็หายไป วัตถุขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อนั้นหายไปแล้ว ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย และความเงียบสงบก็กลับมาปกคลุมทั่วบริเวณ
「อ้าาา… จูเลี่ยนของฉัน…」
รุ่นพี่อลิสที่ตั้งเจ้าสิ่งน่ากลัวด้วยชื่อน่ารักไหล่ตกทรุดลงไปจมบ่อน้ำตา
「สะ… สุดยอด…」
ซาฮะหลุดคำพูดชื่นชมสั้นๆออกมาเสียงดัง
「วะ เวทย์มนต์… ศักดิ์สิทธิ์ หรือคะ」
มากิลูก้าที่ตัวสั่นกับอะไรบางอย่างก็ส่งเสียงพูดตาม
「สุดยอดเลยค่ะ! สมแล้วที่เป็นท่านแมรี่!」
ขัดกับท่าทางของทั้งสองคน ซาฟีน่าพูดเสียงดังกระโดดเข้าหาฉัน
「ไม่ได้สุดยอดหรอก นั่นแค่เวทย์มนต์ระดับสองเท่านั้นเอง」
ฉันไม่ปล่อยให้คำพูดของซาฟีน่าผ่าน จัดการตอกตะปูปิดฝาโลงเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็น
「พูดอะไรกันคะ ท่านแมรี่! ต้องสุดยอดสิคะ!」
「เฮะ?」
คำถ่อมตัวของฉันถูกขัดด้วยเสียงตะโกนของมากิลูก้า
「เวทย์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเรียนรู้ได้ยากมาก ว่ากันว่าแม้จะเป็นแค่ระดับสองก็ยังต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากค่ะ! แล้วนี่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แถมยังเรียนด้วยตัวเองอีก!」
ประโยคที่พูดออกมาแบบลืมหายใจของมากิลูก้า พอฉันรับรู้แล้วก็รู้สึกเหมือนเลือดกำลังไหลออกไปจากใบหน้า
(อะเระ? นี่มัน ซวย.แล้ว?)
เรื่องระดับก็คอยระวังอยู่ อย่างในคาบเรียนเพราะตั้งใจเลยไม่มีปัญหา ใครจะไปคิดล่ะว่าการที่ฉันใช้เวลาสั้นๆในการเรียนรู้เป็นประจำนั่นถือเป็นเรื่องผิดปกติ สวนทางกับภายนอกที่ดูสงบ ภายในใจตอนนี้มีเหงื่อเย็นๆไหลอยู่
(ไม่ ไม่เป็นไรหรอก ตรงนี้มีแค่พวกเรา ถ้าขอร้องไม่ให้พูดออกไป ก็จะหยุดข่าวลือแปลกได้)
「ขะ… คุณหนู…」
ตอนที่คิดไอเดียดีๆออกมาได้ ฉันก็ได้ยินเสียงของเมดที่ไม่ควรจะอยู่ตรงนี้จากทางด้านหลัง และเมื่อ*กึกๆๆ*หันศีรษะไปมอง ที่ประตูทางเข้าห้องใต้ดิน ตรงบานประตูที่ฉันทำพัง มีทุตเต้ที่ยืนปิดปากเงียบ กับใบหน้าที่แสดงอาการทึ่งของแกรนด์มาสเตอร์ยืนรออยู่
(จบสิ้นแล้วววว)
เสียงกรีดร้องของฉันดังก้องอยู่ภายในใจ