หลังจากเหตุการณ์เรื่องอันเดทผ่านมาได้ไม่กี่วัน ตอนนี้ ที่อาคารเรียนเก่าได้ทำการถอนวงเวทย์อัญเชิญออกเป็นที่เรียบร้อย ทำให้เรื่องที่มีวิญญาณออกมาจบลงไปด้วย ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้อย่างรุ่นพี่อลิสตอนนี้ถูกคุมความประพฤติ และถอดถอนสถานะคลาสมาสเตอร์ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตอนนี้จึงให้มากิลูก้ารับหน้าที่เป็นคลาสมาสเตอร์ชั่วคราวแทนไปก่อน ซึ่งก็ไม่ได้มีใครในอาเรย์ออสบ่นว่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น ชีวิตในรั้วโรงเรียนกลับสู่สภาวะปกติ
ส่วนฉัน ต้องบอกว่า…
「และในตอนนั้นท่านแมรี่ก็ก้าวออกมา ด้วยรูปลักษณ์ที่สูงส่งและงดงาม เข้าเผชิญหน้ากับเจ้าอันเดท」
「「ว๊ายยยย!」」
ณ ชั้นสองของอาคารเรียนเก่าอันเงียบสงบ ภายในห้องนั่งเล่นอันกว้างขวาง บนชุดโต๊ะเก้าอี้สีขาวมีเหล่าเด็กสาวกำลังนั่งส่งเสียงวี๊ดว๊ายเป็นจังหวะให้กับเรื่องราวที่ซาฟีน่ากำลังเล่า
(ฮะฮะฮะ… หยุดทีเถอะนะขอล่ะ)
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ซาฟีน่าเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนคดีอันเดทออกมา ส่วนเหตุผลที่ทำให้เธอกลายเป็นคนกล้าพูดขึ้นมา เป็นเพราะสิ่งที่ฉันทำในตอนนั้น เป็นอย่างเดียวกันกับอัศวินสีเงินที่เธอหลงใหลนั่นเอง
「แล้ว ท่านแมรี่ที่ยืนอย่างสง่างามชวนให้นึกถึงท่านอัศวินสีเงิน ก็กล่าวถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ แสงเอ๋ย จงโอบกอดกายเจ้า แล้วกลายเป็นเถ้าธุลีเสีย!」
「「ว๊ายยยย!」」
พอซาฟิน่าขยับตัวเลียนแบบการเคลื่อนไหวของฉันในตอนนั้น เสียงร้องวี๊ดว๊ายก็ดังขึ้นอีกครั้ง
(ฮะฮะฮะ… หยุดทีเถอะนะขอล่ะ)
「และ หลังจากที่มองดูเจ้าอันเดทหายไปอย่างสงบ เธอก็พูดออกมาค่ะ ประโยคปิดท้ายของท่านอัศวินสีเงินคนนั้น…」
「「ว๊ายยยย!」」
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังนึกถึงฉากในตอนนั้นหรือยังไง ซาฟีน่ากับเหล่าคุณหนูทั้งหลายถึงได้มองขึ้นไปยังเพดานด้วยสีหน้าหลงใหล
「วิเศษไปเลยค่ะ สมแล้วที่เป็นท่านแมรี่ ที่โซลออสก็ชนะการแข่งขันมาอย่างไร้ข้อกังขา พอย้ายฝั่งมาอยู่อาเรย์ออส ก็สามารถเวทย์มนต์ส่วนใหญ่ได้อย่างเชี่ยวชาญในช่วงเวลาสั้นๆ」
「นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ในเวลาไม่นาน แถมยังเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองอีก เป็นนักเวทย์อัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดในโรงเรียนสมคำร่ำลืออย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ」
「แถมยังแสดงท่วงท่าชวนให้นึกถึงท่านอัศวินสีเงินออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ องค์หญิงสีขาว ไม่สิ ควรเรียกว่าองค์หญิงสีเงินจะดีกว่าสินะคะ」
เหล่าคุณหนูต่างพูดจาชื่นชมด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่ฉันได้แต่ตอบกลับอย่างคลุมเครือด้วยยิ้มแห้งๆเท่านั้น
(ซวย… ซวยเต็มๆ ถึงจะมีอาจารย์มาเห็นก็เถอะแต่ไม่นึกว่าเรื่องมันจะกระจายเป็นวงกว้างขนาดนี้ หรือว่า จะเป็นเพราะบุคคลใกล้ตัวที่เห็นเป็นคนเล่ากันแน่นะ)
การเล่าเรื่องราวประกอบท่าทางของซาฟีน่าไม่ได้จำกัดแค่ในห้องนั่งเล่นนี้ แต่กระจายไปในหมู่นักเรียนโซลออสด้วย นอกจากนี้ ยังซวยเพิ่มอีก เพราะแม้แต่คนอย่างมากิลูก้าก็ยังพูดถึงเรื่องนี้อย่างตื่นเต้น จนไม่รู้จะห้ามยังไง
(เพิ่งจะรู้ว่ามากิลูก้าเองก็แอบเป็นแฟนตัวยงของอัศวินสีเงินด้วย)
*เฮ้อ~ *ฉันถอนหายใจแรงออกมา ในตอนนี้เป็นช่วงบ่าย มีแสงลอดผ่านแนวต้นไม้มากระทบกรอบหน้าต่างไม้ที่ดูร่วมสมัย เพื่อให้ได้บางสิ่งมาก็ต้องยอมเสียบางสิ่งไปสินะ ทำหน้าเช่นนั้นมองทิวทัศน์ตรงหน้า
แล้วเสียงระฆังก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าเวลาพักเทียงได้หมดลงแล้ว เหล่าคุณหนูทั้งหลายบ่นเสียดายก่อนกล่าวคำลาแล้วลุกขึ้น ฉันยิ้มส่งทุกคน จนกระทั่งเหลือแค่ซาฟีน่า แล้วจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอีกครั้ง
(ข่าวลือของคนเรานั้นจะอยู่นาน 75 วัน จากนั้นก็ค่อยๆสงบลงไปเอง บางที คงต้องอดทนจนกว่าจะถึงตอนนั้น อดทน ทำตัวเงียบๆ ไม่โดดเด่น รอให้มันผ่านไป)
สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งเคยเกิดขึ้น ฉันจึงปรับเปลี่ยนความคิดนึกถึงเรื่องดีๆเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ มองดูพื้นที่กว้างขวางที่ตัวเองได้มาเป็นรางวัลอีกครั้ง
หลังจากคลี่คลายเหตุการณ์ในอาคารเรียนเก่า องค์ชายก็ชี้ว่าเป็นเพราะระบบการทำงานที่หละหลวมของเหล่าคณาจารย์ เรียกร้องให้มีการปรับปรุง และปรับเปลี่ยนให้ครึ่งหนึ่งของฝ่ายบริหารอาคารเรียนเก่านี้เป็นหน้าที่ของนักเรียนที่ถูกเลือกมา ซึ่งผลจากปรึกษาหารือกันของเหล่าคลาสมาสเตอร์ ได้ตกลงกันว่าให้องค์ชายเป็นผู้ทำหน้าที่นั้น ซึ่งในห้องถัดไปนั้นองค์ชายกับมากิลูก้า ร่วมกับซาฮะและเหล่าคลาสมาสเตอร์กำลังดำเนินการประเมินวัตถุประสงค์ของผู้เข้าใช้อาคารเรียนเก่า ห้องนี้กับห้องที่ทุกคนอยู่นั้นมีประตูเชื่อมกันอยู่ ความรู้สึกประมาณว่า ตรงนี้เป็นห้องรับแขก ทางนั้นเป็นห้องพักผ่อน
(โม่ว จะไม่ทำอะไรอีกแล้ว พอเลิกเรียน ฉันก็จะมานั่งจิบชาพักผ่อนกินขนมกับทุกคนที่นี่ สนุกไปกับชีวิตวัยเรียนยังไงล่ะ No Event! Good Life! ปัญหาใดๆ No Thank You ค่ะ)
ไม่ได้พูดบอกใคร แค่ระลึกอยู่ภายในใจ
「เกิดปัญหาแล้วค่ะ」
ผู้ที่มีสีหน้าบึ้งตึงเข้ามาจากห้องข้างๆคือมากิลูก้า สิ่งที่เธอพูดออกมานั้น ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงกำแพงความตั้งใจมันกำลังพังครืนลงมา
「มีอะไรอย่างงั้นเหรอ?」
แม้จะไม่ยากฟัง แต่เพราะเพื่อนกำลังมีปัญหาจึงอดที่จะถามไม่ได้ หวังว่าคงไม่ได้มีเหตุการณ์ประหลาดๆเกิดขึ้นอีกนะ
「นักเรียนที่ใช้อาคารเรียนเก่ามานานน่ะค่ะ คือตอนนี้มีการให้ส่งแบบคำร้องแล้วรับแบบประเมินใหม่ แต่ถูกบอกว่ายุ่งยากแล้วก็ปฏิเสธที่จะทำค่ะ」
「เพราะถูกปล่อยปละละเลยเรื่องการจัดการมานาน จนตอนนี้ไม่รู้เลยว่าถูกใครงานใช้ทำอะไรแบบไหน ก็เลยถือโอกาสจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จัดระเบียบใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ดูเหมือนอะไรๆจะไม่เป็นไปอย่างที่คิดน่ะครับ」
ต่อจากมากิลูก้าที่นั่งทรุดตัวไหล่ตกบนเก้าอี้ คือองค์ชายซึ่งเดินตามหลังมาด้วยสีหน้าลำบากใจ
「เพราะกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนระบบภายในโรงเรียนนี่คะ ยังไงก็คงต้องมีผู้เห็นต่างอยู่บ้าง ก็หวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยการพูดคุยตกลงกันค่ะ」
ฉันพูดราวกับเป็นเรื่องของคนอื่นแล้วก็จิบชา
「นั่นสินะ รู้สึกเหมือนจะเห็นทางออกแล้วครับ」
องค์ชายหันมายิ้มให้ฉัน และพูดประโยคเหมือนจะขอพึ่งพา ทำไมถึงรู้สึกเหมือนถูกบอกว่า ฉันเองก็ควรทำอะไรซักอย่างด้วยไม่ใช่รึไงกันน้า~
(ทำไมล่ะ ทำไม ตรงนี้ต้องทำตัวสงบเสี่ยมยังไงล่ะ นิ่งไว้นะ นิ่งไว้)
ฉันหลบสายตาจากองค์ชาย หันลงมามองข้างล่าง ก็พบกับมากิลูก้าที่ฟุบบนโต๊ะกำลังมองมา ทางนี้เอง ก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาอย่างแรงกล้า จนต้องหลบสายตาไปมา
———-
วันต่อมา
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ทำไม่น่ะเหรอ เพราะนักเรียนที่ไม่เห็นด้วยรวมกลุ่มกัน ยึดอาคารเรียนเก่า นั่นคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
(Goddam! สถานที่พักผ่อนของช้านนน!)
ฉันมองดูรั้วกั้นตรงทางเข้าอาคารเรียนเก่าที่กลุ่มนั้นทำแล้วกรีดร้องอยู่ในใจ
「พวกข้า ต่างเป็นชมรมที่เหล่ารุ่นพี่ทั้งหลายได้ก่อตั้งขึ้นมา! ดังนั้นพวกข้าจึงมีสิทธิ์กลับมาใช้ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องส่งใบสมัครใหม่! ทำไม ถึงจะต้องเข้ารับการประเมินใหม่! นี่มันเป็นการดูถูกทั้งรุ่นพี่และพวกข้าชัดๆ!」
「ใช่แล้วใช่แล้ว! พวกข้าขอคัดค้าน!」
(ดูเหมือน… จะอ้างโน่นนี่นั่นแล้วก็เรียกร้องอะไรที่มันไร้เหตุผล ก็แค่ทำตามขั้นตอนอีกครั้ง มันจะวุ่นวายอะไรกันนักหนา แทนที่จะเอาแรงมาทำเรื่องไร้สาระนี่ ไปกรอกแบบฟอร์มมาก็จบแล้วแท้ๆ)
*เฮ้อ~ *ฉันถอนหายใจและเอามือกุมหน้าผาก รู้สึกว่าช่วงนี้จะถอนหายใจบ่อยจนเบื่อที่จะทำแล้วเนี่ย ที่สนาม มากิลูก้ากับเหล่าคลาสมาสเตอร์กำลังพยายามเกลี้ยกล่อมพวกนั้น แต่เหมือนว่าจะไม่ยอมฟังกันซักนิด เพราะอีกฝ่ายเอาแต่คัดค้านๆอยู่ท่าเดียว
「ว่าแล้วเชียว ผมควรต้องเข้าไปคุยสินะครับ」
「กับคนประเภทนี้ท่านเรย์ฟอร์ซไม่จำเป็นต้องลดตัวไปยุ่งด้วยหรอกค่ะ เจ้าพวกนี้เป็นผู้ก่อการร้ายค่ะ ผู้ก่อการร้าย ไม่จำเป็นต้องไปต่อรองกับผู้ก่อการร้ายค่ะ」
ฟังบทสนทนาอันไร้แก่นสารของพวกเขาแล้ว ทำให้บางอย่างพวยพุ่งขึ้นมา รับรู้ได้เลยว่าอารมณ์ของฉันกำลังเดือดปุดๆ
「และนี่ ไม่ใช่แค่พวกข้า แต่ควรเป็นฉันทามติของทุกคนในโรงเรียน! พวกข้าจะไม่ยอม จะสู้จนชนะเท่านั้น」
「ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!」
ปึด!
ทั้งที่เพื่อนของฉันอย่างมากิลูก้าพยายามอย่างมากที่จะคุยด้วย แต่เจ้าพวกนั้นกลับไม่สนใจความเหนื่อยยากของเธอ เอาแต่พูดอ้างอะไรที่ไร้เหตุผล ทำให้ฉันเดือดเต็มที่ *ฟู่~ *ภายในหัวนั้นเย็นเฉียบราวกับโกหก ใช่ ฉันหมดความอดทนแล้ว
「คุณหนูแมรี่?」
คงเพราะสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของฉัน องค์ชายจึงมองมาด้วยความกังวล
「ท่านเรย์ฟอร์ซกรุณารออยู่ที่นี่ด้วย ฉันจะจัดการพวกหัวรุนแรงนั่นให้เรียบร้อยโดยไวค่ะ」
ฉันพูดเสียงเรียบออกมา และเมื่อมองไปก็พบซาฮะกับซาฟีน่าอยู่ใกล้ๆ
「ไปก่อนนะคะ ทั้งสองคนตามมาด้วย ทุตเต้คอยอยู่ข้างๆท่านเรย์ฟอร์ซนะ」
「ค่ะ คุณหนู ระวังตัวนะคะ」
「อะ โอ้… จะทำอะไรล่ะ?」
「ท่านแมรี่ น่ากลัวค่ะ」
ทุตเต้ที่อยู่ข้างหลังโค้งต่ำให้ และไม่รู้ว่าเพราะไม่เห็นด้วยหรือถูกกดดัน ทั้งสองคนที่ตามมาจึงถอยหลังไปเล็กน้อย ตอนที่ฉันยิ้มกว้างและพูดออกไปว่า
「ใช้กำลังค่ะ♪」
และแล้ว กลุ่มผู้ยืดครองอาคารกับพวกเราที่เป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็เกิดการปะทะกัน
…ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น…
「ก็บอกว่า มาคุยกันก่อน」
ฉันเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแข็งๆพร้อมทั้งมีเส้นเลือดปูดอยู่บนหน้าผาก ผ่านมากิลูก้าที่พยายามจัดการปัญหานี้แบบผู้ใหญ่ ตอนนี้ฉันจะจัดการกับเด็กพวกนั้นเอง พอฉันขึ้นมายืนตรงหน้า เจ้าพวกกลุ่มที่ส่งเสียงเอะอะก็เงียบลงในทันใด
「พวกนายน่ะ ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว เลิกทำตัวบ้าบอแล้วออกมาจากอาคารเรียนเก่าเดี๋ยวนี้」
พอฉันพูดออกไปอย่างเย็นชา ก็มีเสียงจากรอบข้าง 「นั่นองค์หญิงสีขาวล่ะ」「เธอคือ ผู้สืบทอดของอัศวินสีเงินคนนั้นงั้นเหรอ?」「นักเวทย์อัจฉริยะที่เป่าอันเดทมอนสเตอร์ปลิว เป็นศัตรูด้วยไม่ไหวมั้ง?」และอื่นๆ เสียงซุบซิบอะไรเช่นนั้นดังมาให้ได้ยิน
(ถึงจะเข้าใจว่าข่าวลือมันก็ต้องมีการเติมเขี้ยวเติมเขา! แต่ผู้สืบทอดนั่นมันอะไร! ตระกูลเลกาเลียกับอัศวินสีเงินไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันซักหน่อย) (TL:ต้นฉบับเป็นเติมครีบต่อหาง)
*ฉึกๆ*จะถูกพูดทิ่มแทงเข้าใส่ ก็ช่วยไม่ได้นี่นะตัวฉัน
「ละ แล้วถ้าไม่ยอม… จะว่ายังไง?」
ความมั่นใจที่มีมาจนถึงเมื่อครู่หายไป ผู้นำกลุ่มยึดครองอาคารไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดจาสุภาพขึ้นมา ฉันยิ้มกว้างพร้อมพูดออกไปอีกครั้งว่า
「ใช้กำลังค่ะ♪」
「「ขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับบบ!」」
ทันทีที่ฉันพูดออกไป ทั้งกลุ่มก็ตะโกนเสียงดังตอบสนองกลับทันควัน
(โอ่ย กลัวอะไรกันขนาดนั้น กับสาวน้อยคนนึงมันไม่เกินไปหน่อยเหรอ)
รีบมาเอาเครื่องกีดขวางออก ฉันยืนตัวสั่น*กึกๆ* ยิ้มแข็งค้าง โดยรอบต่างเสียง 「สมแล้วที่เป็นองค์หญิงสีขาว」「มือขวาเพียงหนึ่งเดียวขององค์ชาย」「เป็นศัตรูกับเธอนี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ」ได้ยินอะไรแบบนั้นเต็มไปหมด หัวใจสาวน้อยของฉันที่ได้รับรู้อยู่ในอาการช็อค เพราะไม่อยากได้ยินเลยซักนิด
ด้วยเหตุนี้ ข่าวลือบ้าๆที่ถ้าฉันเข้าไปแทรกแซงก็น่าจะจบลงง่ายๆ จึงห่างไกลจากความสงบออกไป แถมยังเพิ่มระดับความน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมอีก
(ฉัน ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้? พระเจ้า ช่วยบอกชั้นที)