Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว – ตอนที่ 61: ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ

ในขณะที่ฉันกำลังทำหน้า*ไม่น้า~ * ทุตเต้ออกไปต้อนรับตามปกติ และพูดคุยอะไรซักอย่างอยู่ตรงหน้าประตู

 

「คุณหนูคะ มีผู้มาขอพบเหล่าคลาสมาสเตอร์น่ะค่ะ」

 

「…เหรอ ตอนนี้อยู่ข้างนอกน่ะ ให้เข้ามารอก่อน แล้วก็ ช่วยเป็นคนไปตามพวกท่านเรย์ฟอร์ซให้ทีค่ะ」

 

「รับทราบค่ะ」

 

หลังจากโค้งแสดงความเคารพ ทุตเต้ก็เชิญผู้มาเยือนเข้ามาในห้อง แล้วให้สาวใช้ขององค์ชายเป็นผู้ไปตามแทน

 

(ถึงจะสั่งออกไปแบบนั้นตามปกติก็เถอะ แต่อยู่ๆไปใช้งานสาวใช้ขององค์ชายนี่จะเป็นอะไรรึเปล่านะ? แต่ว่าองค์ชายเป็นคนบอกเองว่าถ้ามีอะไรก็ให้คนไปเรียก คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง)

 

เพราะอีกฝ่ายก็ตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติเกินไป มานึกขึ้นได้ก็ตอนที่เธอเดินออกไปแล้ว ฉันจึงกังวลนิดหน่อย

 

「ขะ ขออนุญาตค่ะ」

 

เพราะได้ยินน้ำเสียงที่ค่อนข้างเครียด ฉันที่ถูกดึงกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงจึงหันหน้าไปมองทางต้นเสียง พบว่าไม่ใช่พวกขุนนาง เป็นนักเรียนหญิงสามัญชนแต่ราวกับถูกเวทย์สะกดเอาไว้จึงตั้วสั่น*กึกๆ*ยืนตัวแข็งทื่อไม่เคลื่อนไหว

 

「เชิญค่ะ」

 

ทุตเต้นำทางให้นักเรียนหญิงเดินมาหาฉันที่โต๊ะเมื่อได้ยินสัญญาณ เธอเดินเข้ามาตามที่บอกแล้วนั่งลง

 

「ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกนะคะ หรือว่า ฉันเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือคะ?」

 

「ระ เรื่องนั้น! มะ ไม่เป็นความจริงเลยค่ะ! เพียงแค่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พูดคุยกับท่านแมรี่เท่านั้นเองค่ะ! น่ากลัวอะไรเนี่ยไม่จริงเลยค่ะ! ตกหลุมรักอย่างไม่ทันตั้งตัวต่างหากล่ะคะ!」

 

「ระ เหรอ…」

 

ตั้งใจจะเล่นมุกเพื่อลดความตึงเครียดซักหน่อย แต่กลับถูกปฎิเสธด้วยแรงกดดันมหาศาล รู้สึกเหมือนประตูบานนั้นของฉันจะถูกผลักให้แง้มออกมานิดหน่อย แล้ว ประตูก็ถูกเคาะ เป็นสิ่งที่บอกว่าพวกองค์ชายน่าจะกลับมาแล้ว ไม่นานองค์ชายก็เดินเข้ามาในห้อง 

 

「อา คงทำให้รอสินะครับ」

 

「ไม่เลยค่ะ กรุณาอย่ากล่าวเช่นนั้นเลยค่ะ」

 

ฉันตอบกลับไปแทนนักเรียนหญิงที่กำลังปะหม่าจนไม่สามารถส่งเสียงออกไปได้ องค์ชายยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเดินเข้าไปใกล้นักเรียนหญิงคนนั้น

 

「ยะ ยินดีที่รู้จักค่ะ ฝ่าบาท ทะ ที่มาวันนี้ คือมีเรื่องจะปรึกษา กะ กับคลาสมาสเตอร์น่ะค่ะ」

 

เธอลุกขึ้นยืนแล้ง*พั่บ*โค้งคำนับอย่างสวยงามแบบเดียวกันกับที่เห็นสาวใช้ทำ แล้วมากิลูก้าที่อยู่ข้างหลังก็ทำท่าเหมือนรู้อะไรบางอย่าง

 

「อร่า? ฟีเนลซังมิใช่หรือคะนั่น」

 

「หือ? มากิลูก้า รู้จักด้วยหรือครับ? เธอ เป็นคนของลาไลออสนี่ครับ」

 

「ค่ะ เธอเป็นสมาชิกของ【ชมรมวิจัยยาเวทย์มนต์】ที่เพิ่งก่อตั้งในปีนี้ค่ะ ฝ่าบาท」

 

หนึ่งในกิจกรรมชมรมที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ชมรมใหม่ที่มากิลูก้าเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา เพราะเดิมทีแล้วมีแค่คนในอาเรย์ออสที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรเวทย์มนต์ จึงตั้งเป็นกลุ่มวิจัยเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และนั่น เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอซึ่งเป็นสามัญชนและเป็นคนของลาไลออสรู้จักกับมากิลูก้า

 

「เช่นนั้น คงต้องขอฟังเรื่องราว เปลี่ยนสถานที่เป็นห้องข้างๆกันนะครับ ซาฮะกับมากิลูก้าก็ช่วยตามมาด้วยครับ」

 

「「「ค่ะ(ครับ)」」」

 

ซาฮะกับมากิลูก้าโค้งคำนับแสดงความเคารพ ตรงข้ามกับฟีเนลที่โค้งตามด้วยสีหน้าสับสน แล้วทั้งหมดก็ตามองค์ชายเข้าไปยังห้องทำงานของคลาสมาสเตอร์ที่อยู่ข้างๆ ฉันมองตามไปขณะที่รับถ้วยชามาดื่ม

 

(ขอร้องล่ะ อย่ามีปัญหาเกิดขึ้น อย่ามีปัญหาเกิดขึ้นเลยนะคะ! )

 

ฉันร้องขอต่อพระเจ้าในขณะที่นั่งรออยู่

 

 

 

แล้ว หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ดูเหมือนจะคุยกันจบแล้ว ทั้ง 3 เดินกลับเข้ามาในห้องนี้ ดูเหมือนว่าฟีเนลจะเดินออกจากห้องทางฝั่งนั้นไปแล้ว

 

「เกิดปัญหาแล้วค่ะ」

 

และ ก็ได้ยินคำพูดที่ไม่อยากได้ยินจากปากของมากิลูก้า ฉันถึงกับคิดอย่างจริงจังว่าจะหนีออกจากตรงนี้ยังไงดี โดยไม่รู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจฉัน มากิลูก้านั่งลงตรงหน้าฉัน เริ่มเล่าถึงสิ่งที่ฟีเนลบอกมาก่อนหน้านี้

 

「ดูเหมือนว่าจะมีนักเรียนส่วนหนึ่งของอาเรย์ออส ทำการเพาะปลูกสมุนไพรเวทย์มนต์อย่างผิดกฎหมายค่ะ」

 

「หมายความว่ายังไง?」

 

เพราะคิดว่าฟังผิด ฉันจึงถามกลับไปโดยอัตโนมัติ

 

「ท่านแมรี่รู้จัก【แมนเดรก】รึเปล่าคะ?」

 

「เอโตะ เป็นสมุนไพรเวทย์มนต์ที่ส่งเสียงกรีดร้องเมื่อถูกดึงขึ้นมารึเปล่านะ? เสียงกรีดร้องนั่นจะฆ่าผู้ที่ได้ยิน จึงมีราคาที่ค่อนข้างสูงใช่มั้ย?」

 

ความรู้ที่ฉันสั่งสมมาในชาติก่อน มีเรื่องเกี่ยวกับพืชพวกนี้อยู่ด้วย พอตอบกลับไป มากิลูก้าก็มีสีหน้าประหลาดใจ

 

「สมแล้วที่เป็นท่านแมรี่ ดูเหมือนจะรู้จักสมุนไพรเวทย์มนต์อยู่ แต่ว่า เรื่องเสียงกรีดร้องที่ทำให้ตายนั่นเข้าใจผิดนะคะ อย่างมากก็แค่ทำให้ผู้ที่มีพลังเวทย์น้อยหรือผู้ที่อ่อนแอหมดสติเท่านั้นค่ะ」

 

「อย่างงั้นเหรอ? แล้ว มันเกี่ยวข้องกับแมนเดรกนี่ยังไง?」

 

「แมนเดรกนั้นถือเป็นสมุนไพรหายาก ถูกใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงยาเวทย์มนต์ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ด้วยเหตุนี้จึงอนุญาตให้เพาะปลูกได้เฉพาะบุคคลที่ได้รับการรับรองค่ะ」

 

「หรือว่า มีนักเรียนเพาะปลูกมันขึ้นมา」

 

จากเรื่องที่เล่ามาทำให้ฉัน*ปั๊บ*จับประเด็นของเรื่องราวที่ต้องการจะสื่อได้ คำตอบจากมากิลูก้าไม่ทำให้ฉันผิดหวัง เธอพยักหน้า

 

「ฟีเนลซังกับนักเรียนลาไลออสคนอื่นพบสิ่งนี้จากแปลงเพาะปลูกข้างๆ ถึงจะไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยจนถึงตอนนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณการรวมกลุ่มเรียนรู้ร่วมกันทำให้พวกเธอรู้จักแมนเดรกขึ้นมา และทำให้พวกเรารู้ว่ามีคนแอบปลูกน่ะค่ะ」

 

(ถ้าเป็นนักเรียนที่ไม่ได้รับอนุญาตก็คงจะแอบปลูก แต่ก็เป็นไปได้ที่จะปลูกโดยไม่ถูกสงสัยเพราะคนรอบข้างไม่มีความรู้ หรือไม่ก็ คนของลาไลออสกับคนของอาเรย์ออสร่วมมือกันทำวิจัย ตอนนี้ยังมองไม่ออกล่ะนะ)

 

「แต่ ก็แค่ความน่าจะเป็น ซึ่งยังไม่ถูกยืนยัน」

 

「ใช่ค่ะ จำเป็นต้องยืนยันความจริงก่อน เพราะถ้าอยู่ๆพูดออกไป คงโดนสวนกลับว่าคนของลาไลออสใช้ลมปากไล่คนของอาเรย์ออสออกไปโดยปราศจากหลักฐานค่ะ」

 

「ความรู้สึกแบ่งแยกระหว่างแต่ละคลาสยังไม่ถูกกำจัดให้หมดไปจากเหล่านักเรียนสินะ น่าเศร้าจริงๆครับ」

 

ได้ฟังคำพูดของฉันกับมากิลูก้าแล้ว องค์ชายก็ก้มหน้าพึมพำออกมาด้วยความผิดหวัง

 

「ยังไง ไปยืนยันความจริงให้เห็นกับตาก่อนเถอะครับ ต่อหน้าคลาสมาสเตอร์จากทั้ง 3 คลาสคงไม่สามารถพูดแบบนั้นออกมาได้หรอกครับ」

 

องค์ชายที่เรียกพลังใจกลับมาได้ลุกขึ้น ซาฮะกับมากิลูก้าก็ลุกขึ้นตาม อนึ่ง ซาฟีน่าที่ถูกลากเข้ามาพัวพันเองก็ลุกด้วย มีเพียงแต่ฉันที่ยังคงนั่งบนเก้าอี้ ทุกคนจึงส่งสายตาแปลกๆมองมา

 

(นั่นมันอะไร? อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ ฉันเป็นคนนอกนะจริงไหม? ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวแล้ว คงเป็นไปไม่ได้สินะ)

 

ฉันทำใจ ลุกขึ้น *เฮ้อ~*ถอนหายใจเงียบๆ

 

(ขอล่ะค่ะ อย่ามีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ อย่ามีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ อย่ามี~ อะไร~ เกิดขึ้น~ เลยน้าาาา)

 

ฉันภาวนาขอร้องซ้ำๆอยู่ภายในใจ ขณะตัดสินใจลงพื้นที่

 

———-

 

สถานที่นั้นอยู่ไม่ไกลจากอาคารเรียนเก่าแห่งนี้มากนัก เป็นพื้นที่กว้างขวางที่เรียงรายไปด้วยแปลงเพาะปลูกมากมายซึ่งมีพืชหลากหลายพันธุ์ถูกปลูกอยู่ มีสายตาของนักเรียนที่กำลังทำงานอยู่มองมาในขณะที่ฉันกับเหล่าคลาสมาสเตอร์เดินตรงมายังพื้นที่ เพราะเป็นชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกันหมด มองเห็นแล้ว「อ๊ะเหล่าคลาสมาสเตอร์ล่ะ」เหมือนว่าจะถูกจดจำแบบนั้น

 

(คุ! หวังว่าจะไม่ได้นับรวมฉันกับซาฟีน่าเป็นหนึ่งในนั้นด้วยนะ)

 

เดินไปตามทางเท้าที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นแบ่งระหว่างแปลง เมื่อเข้าใกล้สถานที่ที่ถูกบอกมา ก็พบว่ามีนักเรียนชายหลายคนที่เหลือบมาเห็นพวกเราดูมีท่าทางรีบร้อนวิ่งเข้ามา

 

(อุหวา~ น่าสงสัยเต็มๆเลยน้า แสดงว่า จะต้องมีบางอย่างที่ไม่อยากให้พวกเราเห็นซ่อนอยู่ไม่ผิดแน่)

 

ฉันหรี่ตามองพวกเขาที่อยู่ไกลๆ ขณะที่องค์ชายเดินนำมาจนถึงสถานที่

 

「ขะ คือว่าฝ่าบาท ทรงมาทำอะไรยังสถานที่แบบนี้กันหรือครับ?」

 

กลุ่มนักเรียนชายรีบวิ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าพวกเรา การกระทำนั้นชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ทำเพื่อให้พวกเราอยู่ห่างจากแปลงพืช

 

「พวกนายทำกิจกรรมกันตามลำพังโดยไม่มีอาจารย์สินะครับ」

 

「เอ่อ ครับ…ใช่ครับ」

 

「เช่นนั้น ก็เป็นกิจกรรมที่มีเพียงนักเรียน แล้วนี่ได้ส่งแบบฟอร์มใบสมัครหรือยังครับ?」

 

เหล่านักเรียนชายมีเหงื่อเย็นๆไหลออกมา ยืนตัวสั่นในขณะตอบคำถามองค์ชาย

 

「ยะ ยังไม่เสร็จครับ คงเป็นเพราะกิจกรรมค่อนข้างใช้เวลามากก็เลยลืมน่ะครับ」

 

เด็กนักเรียนชายตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยินครึ่งหลัง

 

「เช่นนั้น คงต้องขอให้รีบส่งใบสมัครโดยด่วนเลยครับ แล้วก็ ต่อจากนี้มีงานใหญ่รออยู่ คงต้องขอทำการตรวจสอบกิจกรรมตอนนี้เลย」

 

「เอ๋!」

 

องค์ชายพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม นักเรียนชายที่ตกใจกับคำพูดเงยหน้าขึ้นมา แต่องค์ชายก็เดินผ่านเขาไปอย่างไม่ใส่ใจตรงไปยังแปลงพืช

 

「แบบนั้น ฝ่าบาท จะเปรอะเปื้อนดินนะครับ」

 

เหล่านักเรียนชายมีอาการร้อนรนพยายามห้ามองค์ชาย มากิลูก้าไม่สนใจทางนั้น เริ่มตรวจสอบดอกไม้ในแปลงพืช

 

แล้ว หนังจากนั้นไม่กี่นานที เธอก็เริ่มทำหน้าขมๆ

 

「แปลกจังค่ะ มีแต่พืชสมุนไพรธรรมดากับสมุนไพรเวทย์มนต์ที่ไม่เป็นปัญหา ไม่พบพืชอย่างพวกแมนเดรกเลยค่ะ」

 

ได้ยินเสียงของเธอที่กระซิบบอกองค์ชาย ฉันจึงมองไปรอบๆพลางคิดว่าเป็นแบบนั้นได้ยังไง หรือว่าจะเป็นความเข้าใจผิดไปเองของฟีเนล ขณะที่กำลังลังเล พอหันไปมองพวกนักเรียนชาย ก็สังเกตเห็นว่าพวกเขาเหลือบมองไปทางเดียวกัน ปลายสายตาของพวกเขา เป็นแปลงที่อยู่ถัดจากที่ยืนอยู่ตอนนี้ ซึ่งดูเหมือนเป็นแปลงที่ไม่ได้เพาะปลูกหรือใช้ทำอะไร

 

ไม่ เป็นบางอย่างที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำให้ดูเหมือนว่าไม่ได้ถูกใช้งาน

 

จากเหตุการณ์ของรุ่นพี่อลิส ฉันก็เริ่มศึกษาเวทย์มนต์สายลวงตาปิดกั้นการรับรู้ แล้วพอมีเวทย์มนต์ประเภทนั้นเข้ามาในขอบเขตสายตา ฉันจะรู้สึกว่าวิสัยทัศน์ตรงนั้นเกิดการพร่ามัว นี่ก็เพื่อเอาไว้รับมือ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไปพิงกำแพงแล้วกำแพงหายจนหล่นลงข้างล่างไปแบบโง่ๆขึ้นมาอีก และ ทุ่งแปลงนั้นก็เป็นจุดเดียวที่มีวิสัยทัศน์พร่ามัวขึ้นมา แสร้งทำเป็นร้อนรน นำทางพวกเรามายังที่แปลงนี้ ซึ่งถูกทำหลอกเอาไว้

 

(พยายามปกปิดพวกองค์ชายเหรอ อยากหัวเราะให้ฟันร่วงจริงๆ แบบนี้คงต้องทำการถลกหนังออกมาก่อนสินะ)

 

โชคดีที่พวกนักเรียนชายตระหนักถึงตัวตนของคลาสมาสเตอร์ทั้ง 3 คนมากจนไม่ค่อยได้สนใจฉันและซาฟีน่าซักเท่าไหร่ อาศัยจังหวะที่พวกเขากำลังนำทางไปยังแปลงถัดไป ในตอนนั้น ฉันหยุดยืนตรงหน้าแปลง ซาฟีน่าที่นับถือฉันและคนรับใช้ของฉันต่างทำตามโดยไม่ถามอะไร

 

「ต้องขอโทษที่ถามทั้งๆที่กำลังยุ่งกันอยู่นะคะ ว่าแต่แปลงทางนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณหรือเปล่าคะ?」

 

เหล่านักเรียนต่างหน้าซีดหันหลังกลับมาเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน

 

「ซาฟีน่า ช่วยกันพวกเขาให้อยู่ห่างๆทีนะ」

 

「ค่ะ」

 

ฉันกระซิบบอกซาฟีน่าที่อยู่ข้างๆ แล้วเธอก็มายืนขวางตรงหน้าให้ ส่วนทุตเต้บอกให้ถอยห่างจากสนามเพื่อความปลอดภัย

 

「ทะ ทำไมหรือครับ ท่านแมรี่ แปลงทางนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรานะครับ มาทางนี้เถอะครับ เดี๋ยวชุดจะสกปรกเอาได้」

 

ซาฟีน่าจ้องหน้าเหล่านักเรียนชายที่พยายามปั้นยิ้มเดินเข้ามาใกล้ จับด้ามดาบปลดปล่อยรังสีกดดัน จนนักเรียนชายเหล่านั้นต้องหยุดเท้า

 

「อร่าอร่า ถ้าไม่เกี่ยวข้องแปลว่าดิฉันจะทำอะไรก็ไม่เป็นปัญหาสินะคะ ยังไงก็เป็นแค่ทุ่งร้างที่ไม่มีอะไรอยู่แล้วนี่คะ♪ 」

 

「เอ๋ อะ ฮะ?」

 

ในขณะที่เหล่านักเรียนหันมองกันไปมาเพราะไม่เข้าใจความหมาย ฉันก็เอียงคอเล็กน้อย ปล่อยรอยยิ้มที่เพิ่งถูกทุตเต้เรียกว่ารอยยิ้มเยือกแข็งหรือที่ฉันเรียกว่ารอยยิ้มแบบนักธุรกิจออกมา ค่อยๆยกฝ่ามือขวาขึ้นมาระดับไหล่ก่อนจะพูดออกไปว่า

 

「ไฟร์・เยอร์・บอล♪」

 

จงใจพูดออกมาแบบช้าๆแต่ชัดถ้อยชัดคำ แล้วก็มีลูกไฟปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือข้างขวาของฉัน

 

「เดี๋ย! รอ!」

 

ทันใดนั้นเอง เหล่านักเรียนชายที่อยู่ในแปลงอื่นต่างหน้าซีด พยายามที่จะวิ่งตรงเข้ามาห้าม แต่พอเจอกับซาฟีน่าที่อยู่ในท่าชักดาบ ก็ต้องหยุดขาลงตรงนั้น ฉันยิ้มแล้วส่งลูกบอลไฟ*ปิ้ว*ข้ามไปข้างหลัง

 

ซู่มมม!

 

「「「อุว๊ากกก! ผลงานที่สืบทอดมากว่า 20 ปี!」」」

 

เปลวไฟลุกโชนขึ้นจากพื้นดินที่ไม่ควรมีอะไร มันกำลังลุกไหม้บางสิ่งอยู่ และแล้ว ภาพลวงตาในบริเวณนั้นก็พังทลายลง เผยให้เห็นภาพของดอกไม้ที่กำลังไหม้ไฟอยู่เบื้องล่าง

 

「นี่มัน ดอกแมนเดรก! ถูกซ่อนไว้ด้วยเวทย์ลวงตาสินะคะ」

 

มากิลูก้าที่รับรู้ว่าฉันทำอะไรลงไปรีบตรงมาที่แปลง ตรวจสอบชนิดของดอกไม้ที่ปรากฎขึ้น

 

(ม่า แบบนี้คงเกินไปหน่อยล่ะมั้ง เอาล่ะ ดับไฟดับไฟ)

 

ตอนที่ฉันหันหลังกลับไปร่ายเวทย์น้ำลงบริเวณรอบๆจุดนั้นของแปลง จู่ๆก็มีพืชขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาบดบังวิสัยทัศน์ของฉัน

 

「เฮะ?」

 

「ท่านแมรี่ หลบค่ะ!」

 

ตอนที่เสียงร้องอุทานโง่ๆของฉันซ้อนทับกับเสียงร้องของมากิลูก้า ต้นพืชที่อยู่ตรงหน้าก็พองตัวมากขึ้น และ…

 

ระเบิดออกอย่างรุนแรง

 

สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงเศษซากของพืชที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนฉันถูกน้ำเลี้ยงของมันจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว

 

(อะไรกันเนี่ย แย่ที่สุดเลย)

 

ฉันตัวแข็งทื่อขณะมองน้ำที่หยด*ติ๋งๆ*ลงมาจากเส้นผม

 

「เป็นอะไรรึเปล่าครับ ท่านแมรี่」

 

องค์ชายรีบเข้ามาหาฉันที่ตัวแข็งทื่อ ในขณะที่กำลังเริ่มต้นกระบวนการคิดที่หยุดนิ่งไป ระวังไม่ให้เขามาเปียกน้ำเลี้ยงไปด้วย

 

「มะ ไม่เป็นไรค่ะ ท่านเรย์ฟอร์ซ」

 

「หรือครับ โล่ง…」

 

*อะฮะฮะ*ในขณะที่ฉันยิ้มแห้งๆ จู่ก็ถูกจับมือดึงตัวเข้าไปหา พอฉันลืมตาขึ้นมอง ก็พบว่าเป็นในหน้าอันสง่างามขององค์ชาย

 

(กะ ใกล้ ใกล้ไป)

 

「อะไรกันเนี่ย เส้นผมอันงดงามของคุณต้องเปรอะเปื้อนด้วยสิ่งนั้น ผมขอทำความสะอาดให้เองนะครับ」

 

ขณะที่กำลังประหลาดใจ องค์ชายก็วางมือลงมาที่เอวของฉัน

 

「เฮะ? อะเระ?」

 

รู้ตัวอีกทีฉันก็ถูกวงแขนขององค์ชายกอดเข้าหา จนรู้สึกเหมือนใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้

 

「ทะ ท่านเรย์ฟอร์ซ จะสกปรกนะคะ」

 

「เพื่อให้สิ่งที่บดบังความงดงามของคุณหมดไป ผมยินดีที่จะเปรอะเปื้อนครับ」

 

(ทำไมจู่ๆผู้ชายคนนี้ถึงส่งยิ้มเจิดจ้าแบบนี้ออกมาล่ะ! อา แต่ว่า ทำไมถึงใจเต้น*ตึกตั๊ก*ล่ะ! จะหลงกับแค่โตขึ้นมาหน้าตาดีไม่ได้นะ เข้มแข็งไว้! ตัวฉัน!)

 

ด้วยเหตุการณ์ที่เข้ามามากมายอย่างกะทันหันทำให้ตัวฉันที่กำลังตื่นตระหนกแข็งทื่อไปโดยสมบูรณ์ ได้แต่หวังให้ใครมาช่วย เหลือบมองไปยังรอบนอกแปลง พบว่ามากิลูก้ากับซาฟีน่ากำลัง*กรี๊ด*เขินหน้าแดงจนต้องเอามือปิดอยู่

 

(ไม่ไหว ผู้หญิงคนอื่นก็พึ่งไม่ได้)

 

「ท่านเรย์ฟอร์ซ…คือว่า ทุกคนกำลังมองมานะคะ」

 

「ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ เพราะนี่ เป็นการแสดงให้ทุกคนได้เห็น ถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผม」

 

(ก็บอกว่า จู่ๆพูดอะไรออกมาน่ะ)

 

「อา ดวงตาที่เปียกชื้นนี้ช่างแสนวิเศษ ช่วยแสดงให้ผมเห็นยิ่งกว่านี้ได้ไหมครับ」

 

เขาปัดผมหน้าม้าบริเวณหน้าผาก แล้วใช้ตาสีฟ้านั้นมองมาที่ตาของฉันราวกับถูกดึงดูด

 

(ทำยังไงดี ผลักออก? ถ้าทำอย่างนั้นกับองค์ชายก็กลายเป็นการดูหมิ่นน่ะสิ? เอาไงดี ควรทำยังไงดี!)

 

ใบหน้าอันหล่อเหลาที่เข้ามาใกล้ ทำให้ฉันตื่นตระหนกไม่รู้ว่าจะหนีจากสถานการณ์นี้ไปได้ยังไง และ บทสรุปที่ฉันตัดสินใจทำ

 

「เล…」

 

「เล?」

 

「Levitation!」

 

นั่นก็คือ บินหนียังไงล่ะ

 

ฉันลอยขึ้นมาสูงกว่าตัวอาคารเรียน พอยืนยันว่าอยู่ห่างจากพื้นดินแล้วก็รู้สึกโล่งอก

 

「อา~ ตกใจหมดเลย ที่นี่องค์ชายคงตามมาไม่ได้ล่ะนะ ว่าแต่สงสัยจังว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์ชาย」

 

หลังจากนั้นซักพัก พอฉันสงบสติอารมณ์ได้ก็มองสำรวจพื้นข้างล่าง เหมือนจะมีความวุ่นวายอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มองเห็นซาฮะกับซาฟีน่ากำลังล็อคตัวเหล่านักเรียนชายอยู่ ส่วน องค์ชายนั้น ที่เห็นจากตรงนี้ดูเหมือนจะหน้าแดงก่ำท่าทางเจ็บปวดเหมือนกำลังเกลียดตัวเองอยู่

 

「เอโตะ ฉัน ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการหมิ่นเบื้องสูงกับองค์ชายไปสินะ」

 

ด้วยความที่ยังกังวลอยู่ ฉันค่อยๆ*ป่อยๆ*ลดระดับความสูงลงมาจากท้องฟ้า ในจุดที่อยู่ห่างจากคนอื่นมองเห็นทุตเต้กับมากิลูก้าโบกมือเรียกให้มาทางนี้ ด้วยความสงสัย ฉันที่ยังกังวลอยู่จึงเลือกลดระดับลงไปหาพวกเธอ

 

(ระ หรือว่า ระดับนั้นก็ยังนับว่าเป็นการหมิ่นเบื้องสูงทำไม่ได้เหมือนกัน แต่นั่นเพราะจู่ๆองค์ชายทำอะไรแปลกๆขึ้นมาก่อนนะ)

 

ในขณะที่ฉันใจเต้นตุ้มๆต่อมๆลงมาตรงหน้าทั้งสองคนและกำลังจะพูดขอโทษ

 

「จับตัววว!」

 

มากิลูก้าก็ส่งสัญญาณ ทุตเต้รีบนำผ้าผืนใหญ่ที่ซ่อนเอาไว้เข้ามาคลุมตัวฉัน *กิ้ว*ห่อตัวแล้วกอดไว้แน่น

 

(นี่มันอะไร? ฉัน ถูกจับกุม?)

 

ฉันที่ตกอยู่ภายใต้ทัศนะวิสัยดำมืด นึกถึงภาพของคนร้ายในโทรทัศน์ที่ถูกตำรวจจับแล้วเอาผ้ามาคลุมปิดบังใบหน้า ขณะถูกทุตเต้กับมากิลูก้าพาตัวไปที่ไหนซักแห่ง

 

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Status: Ongoing
อ่านนิยาย เรื่องDouyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu neอ่านนิยาย เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว ชาติที่แล้วในช่วงชีวิตก่อนที่จะตายฉันได้วิงวอน [ถ้าได้เกิดใหม่ขอร่างกายที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่แพ้ได้ง่ายๆ] และดูท่าว่าคำขอนั้นจะถูกส่งไปถึง หลังจากมาเกิดใหม่ก็เป็นต่างโลกซะแล้ว ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน ทั้งพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งความเร็วที่เร็วที่สุด การโจมตีทางกายภาพก็ทำอะไรไม่ได้ การโจมตีด้วยเวทมนต์ก็ไร้ผล เพราะว่าไม่มีทางแพ้ทุกๆอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามเลยทำให้มีค่า สเตตัสทุกอย่างเต็ม MAX

Comment

Options

not work with dark mode
Reset