(ฉันในตอนนี้จะทำอะไรได้บ้างนะ? มีเซนส์ด้านตลกบ้างรึเปล่า? ไม่นะ ไม่มี! แล้วจะทำตามความคาดหวังของมากิลูก้ายังไง? คิดสิ แมรี่)
ฉันต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อเป็นการเซอร์ไพรส์ แต่ยังเค้นความคิดออกมาไม่สำเร็จ สิ่งที่มากิลูก้าบอกฉันมาคือ ให้โอบเธอจากข้างหลัง ฉันต้องทำอะไรซักอย่างกับหัวข้อนี้แม้จะไม่รู้ว่ามากิลูก้าเลือกมาเพราะเหตุใด ทำงานอย่างเงียบๆในขณะที่พยายามนึกไอเดียดีๆ
「เอาล่ะค่ะ ฉันจะเป็นคนดึง ส่วนท่านแมรี่คอยช่วยสนับสนุนจากทางด้านหลัง เข้าใจนะคะ แค่สนับสนุนเท่านั้น ห้ามทำอะไรเกินเลยเด็ดขาดเลยนะคะ」
มากิลูก้า「ส่ง」มาให้ฉันอีกครั้ง
「อะ อื้อ… เข้าใจแล้วค่ะ」
(ให้ฉันอยู่ข้างหลังเธอแล้วคอยช่วยดึงเหรอ… อะไรดี ยังไงดี จะทำได้ไหมนะ? ดึงเหรอ? ดึงขึ้น…)
ตอนที่สอดมือลอดผ่านรักแร้ของมากิลูก้าจากทางด้านหลัง ก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา
(ฮะ! จะว่าไปแล้ว มากิลูก้าไม่ชอบที่สูงนี่นะ โยชชี่ ตอนดึงแมนเดรกขึ้นมา ก็ดึงมากิลูก้าขึ้นไปด้วยกันเลย! ที่เค้าเรียกว่า *ซู้ง~สูง*ยังไงล่ะ♪ มุฟุฟุ มากิลูก้า จะต้องประหลาดใจแน่นอน♪)
ฉันที่อยู่ภายใต้หมวกเกราะแสยะยิ้ม ผ่อนแรงจับที่มือ กรณีที่จะยกเธอขึ้น ปกติคงต้องใส่แรง ทว่า น่าเสียดาย ที่พลังของฉันมันไม่ปกติ ถ้าใส่แรงมากไปอาจจะ*กร๊อบ*ขึ้นมาก็ได้ เพราะกลัวที่จะเป็นแบบนั้นเลยทำมือหลวมๆ ออกแรงแค่ประมาณว่าจับเล่นไม่ได้จับลงไปจริงๆ
「เอาล่ะ จะเริ่มแล้วนะคะ!」
「อื้อ พร้อมแล้วค่ะ」
ฉันตอบกลับเสียงเรียกของมากิลูก้า
「เซย์~~~อ้า!」
จังหวะเดียวกันกับที่มากิลูก้าตะโกน ฉันออกแรงเล็กน้อยยกร่างของเธอขึ้นในพรวดเดียว
(หือ? เหมือนว่าเสียงของเธอจะแปลกๆอยู่นะ?)
ฉันยืดตัวขึ้น ในขณะที่ยกแขนทั้งสองข้างชูขึ้นฟ้า รู้สึกแปลกๆกับเสียงร้องของมากิลูก้าเมื่อกี้ พอเหลือบมองก็เห็นแสงอันเจิดจ้าของดวงอาทิตย์
อะเระ? ทำไมถึงเห็นดวงอาทิตย์ได้ล่ะ? โดยปกติ เพราะมีมากิลูก้าคั่นอยู่ฉันจึงไม่ควรจะเห็นนี่นา?
พอคิดอย่างนั้น และมองแขนตัวเอง ตรงนั้น…
ไม่มีมากิลูก้า
「อะเระ?」
ฉันไม่เข้าใจสถานการณ์ไปชั่วขณะ ลดแขนลงมองสำรวจมือทั้งสองของตัวเอง สถานการณ์เลวร้ายที่สุดอันนึงแวบเข้ามาให้หัว ฉันจึงรีบหันกลับขึ้นไปมองบนท้องฟ้า
「อิย้าาาาาา!」
「โบวววว!」
ไกลออกไปบนท้องฟ้ามีจุดๆหนึ่งลอยอยู่
ได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวน้อยกับแมนเดรกที่ซ้อนทับกันดังก้องมาจากจุดนั้น
「มาากิลูก้าาา!」
ฉันกรีดร้อง จ้องไปยังเป้าหมาย หากเข้าไปรับจะเกิดโมเมนตัมอย่างมากจากการตก
ใช่ ความผิดพลาดที่ห่างหายไปนานค่ะ
เพราะจับแบบเบาๆในขณะที่ยกเธอขึ้นนั่นล่ะ พอยกขึ้นพร้อมกับแมนเดรก โมเมนตัมจึงมากเกินพอที่จะทำให้หลุดมือ
「Wind!」
อาจารย์ฟรีทรีบตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง เกิดสายลมม้วนตัวขึ้นที่ด้านล่าง รับร่างที่กำลังร่วงลงมาของมากิลูก้าเอาไว้ได้อย่างสวยงาม ทำให้เธอร่วงลงมาช้าลง และ *catch*ฉันพุ่งเข้ารับตัวมากิลูก้า
「Catchy! ยินดีต้อนรับ มากิลูก้า」
「~~~~~~~~! 」
ฉันที่อยู่ในชุดเกราะเต็มตัวรับตัวมากิลูก้าในท่าอุ้มเจ้าหญิง เธออยู่ในอาการหน้าแดงน้ำตาปริ่มแก้มป่องจ้องหน้าฉัน ดูเหมือนจะกลัวจนพูดอะไรไม่ออก
(อะ โกรธอยู่ล่ะ โกรธมากด้วย)
「เดินทางบนท้องฟ้าเป็นยังไงบ้าง?」
「~~~~~~~~! 」
「…ขอโทษน้า เอะเฮะ♪ 」
「~~~~~~~~! 」
ถ้าเป็นปกติ มากิลูก้าคงจะหลงกลกับรอยยิ้มของฉันอยู่หรอก ทว่า เพราะตอนนี้อยู่ภายใต้หมวกเกราะจึงไม่อาจเห็นรอยยิ้มของฉัน การส่งสายตาประท้วงจึงยังตรงเข้ามาทิ่มแทงฉันต่อไป
「ก้อ มากิลูก้าทำอะไรที่เหมือนกับการรับส่งนี่อ้าา!」
「พูดแบบนั้นไปเมื่อไหร่กันค้าาา! อุตส่าห์เตือนแล้วเตือนอีกว่าไม่ให้ทำอะไรแบบนี้!」
มากิลูก้าที่สุดท้ายก็กลับมาพูดได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา ทุบ*ปั๊กๆ*ใส่หมวกเกราะของฉัน แรงกระแทกที่ผ่านหมวกเกราะมานั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บคันอะไร ฉันจึงยอมรับมันแต่โดยดี
(เธอที่อยู่ในสภาพงอน หน้าแดง หน้าตาไหล ทุบฉัน*ปั๊กๆ*ทั้งที่เกาะอยู่… นี่มัน น่ารัก…)
ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนอยู่ภายใต้หมวกเกราะ ขณะที่เรื่องหยาบคายประมาณนั้น
(ม่า หลังจากนี้ค่อยหลอกคนอื่นว่าที่โยนขึ้นไปเป็นเพราะเกราะ ยังไงก็ไม่มีใครคิดว่าฉันจะทำได้ขนาดนี้อยู่แล้ว อา เพราะเกราะ…ช่างเป็นคำที่ไพเราะอะไรอย่างนี้)
「อะโน จะว่าไป แล้วแมนเดรกอยู่ไหนคะ?」
ในขณะที่พวกเรากำลังเล่นตลก(?)กันอยู่ *จะว่าไป*ซาฟีน่าที่วิ่งมาก็ถามขึ้นขณะมองดูมากิลูก้าที่กำลังใช้มือทั้งสองข้างทุบ*ปั๊กๆ*ด้วยสายตาอบอุ่น
「「เฮะ?」」
ในที่สุดพวกเราก็สังเกตเห็นและกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ปล่อยมากิลูก้าลง จ้องมือของเธออย่างจริงจัง ซึ่งแน่นอนว่า รากของแมนเดรกไม่อยู่ที่นั่น แต่ว่า ตอนลอยขึ้นไปบนฟ้ามันอยู่ด้วยกันกับเธอนี่นา
「อ๊ะ ที่กลิ้งอยู่ตรงนั้นคือรากของมันไม่ใช่หรือคะ?」
ฟีเนลที่คิดว่าคงหลุดมือกลางทาง เริ่มมองหาดูรอบๆ และก็ชี้ไปทางวัตถุที่อยู่เลยไปทางข้างหลังของพวกเรา
「ละ โล่งอกไปที ถึงจะเกิดเรื่องมากมาย แต่ก็ได้รากมา…」
หลังจาก*เฮ้อ*ถอนหายใจออกมา ฉันก็เดินเข้าไปใกล้รากที่หล่นอยู่ ทันใดนั้นก็ต้องหยุดขา เพราะเจอเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่อาจเข้าใจจนระบบความคิดต้องหยุดชะงัก ทุกคนเองก็เช่นกัน ต่างแข็งค้างอยู่กับที่
ใช่ แมนเดรกที่กองอยู่ตรงหน้ามัน แมนเดรกมัน…
ลุกยืนขึ้นมาล่ะ
(ว้าว คุลาล่าลุกขึ้นมาแล้ว คุลาล่าลุกขึ้นมาแล้ววว ไม่ช่ายยย!)
ฉันคิดอะไรบ๊องๆภายในหัวอยู่คนเดียว ต้องขอบคุณเรื่องนั้นที่ทำให้ได้ความสงบกลับมา และกลับมาทำความเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง ตามที่เห็น จะมองอีกกี่ครั้งก็เห็นว่าแมนเดรกยืนขึ้นมาจริงๆ เป็นรากที่มองแล้วทำให้คิดว่าเป็นศีรษะแขนขาลำตัว ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
「เอ๋? ทำไม…เอ๋?」
มองผ่านเกราะหมวกไปข้างหลัง ผู้ที่อยู่เยื้องไปเล็กน้อยคือมากิลูก้า เธอเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่ชี้นิ้วไปยังปรากฏการณ์หายาก*พั่บๆ*ส่ายหน้าซ้ายขวาอย่างไม่อยากเชื่อ และแล้ว เวลาที่หยุดนิ่งก็กลับมาเดิน ผู้ที่ทำให้กลับมาคือแมนเดรก ยังไงน่ะเหรอ มันเริ่มออกวิ่งอย่างคล่องแคล่วน่ะ
ภาพของแมนเดรกที่วิ่งหนีไปอย่างคล่องแคล่ว ทำให้พวกเราที่เห็นต่างพากันตกตะลึง
「อะ หนี…หรือครับ?」
ไม่ได้พูดถามใคร เสียงพูดเบาๆที่องค์ชายหลุดปากออกมาทำให้ฉันกลับมาได้สติอีกครั้ง
「คิดหนีเร้อออ!」
และแล้ว ก็เกิดเสียงเกราะดังกระทบกัน*แกร๊งๆ*จากการที่ฉันวิ่งไล่ตามเจ้ารากที่พยายามหนีโดยไม่ต้องสืบ
รากกับชุดเกราะเต็มตัวระเบิดฝีเท้าตามทางที่มุ่งสู่อาคารเรียน ผู้คนที่เดินอยู่ต่างทำหน้าเหมือนเห็นสิ่งแปลกประหลาด ทุกคนต่างทำหน้า*ก๊อง*มายังจุดเดียวกันแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาใส่ใจกับเรื่องนั้น เพราะฉันต้องใช้สมาธิมองผ่านช่องแคบๆของหมวกเกราะไล่ล่าแมนเดรก ซึ่งมันไม่ได้วิ่งตรงอย่างเดียวแต่มีการวิ่งไปทางโน้นบ้างทางนี้บ้างแถมยังเร็วกว่าที่คาด จนเกือบจะคลาดสายตา
(ฮึ่ย ทัศนวิสัยแคบ มองลำบากชะมัด!)
ฉันที่ถูกสถานการณ์กดดัน ลืมสภาพของตัวเองราวกับถูกยัดเข้าซอกหลืบในศีรษะ ยกมือขึ้นมาจับหมวกเกราะขณะที่กำลังวิ่ง
「ยะ อย่านะคะ! คุณหนู!」
ได้ยินเสียงของทุตเต้ลอยมาจากทางด้านหลัง แต่หูของฉันไม่รับฟัง เลือกที่จะถอดหมวกออกไป ด้วยความเร็วในการวิ่ง ทำให้เส้นผมสีเงิน*พลิ้ว*สยาย สะกดสายตาผู้คนรอบข้าง
และ ม่านแห่งความโกลาหลก็ได้เปิดฉากขึ้น