เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าฉันหลับอยู่ในห้องของตัวเองแล้ว
ดูเหมือนว่า ฉันจะสลบไประหว่างที่กำลังทำพิธีพยากรณ์อยู่ ขณะที่กำลังเหมอมองเพดานอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นและทุตเต้ก็เข้ามาภายในห้อง
ทุตเต้ : [อ๊ะ คุณหนู รู้สึกตัวแล้วสินะคะ]
แมรี่ : [ทุตเต้…ทำไม ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?]
ฉันยกร่างกายของตัวเองขึ้นมา และเข้าไปจ้องเธอใกล้ๆ
ทุตเต้ : [ทันทีที่พิธีจบลงจู่ๆคุณหนูก็สลบไป ดิฉันตกใจมากจึงรีบอุ้มไปที่ห้องรับรอง และพอติดต่อกับคนของคฤหาสน์เท่านั้นแหละ 1 ชั่วโมงต่อมานายท่านก็นำกองกำลังเล็กๆมาพร้อมกับสีหน้าที่สุดยอดไปเลย….นายท่าน สุดๆไปเลยค่ะ รู้สึกจะเรียกว่าทำหน้าอย่างกับยักษ์อย่างกับมารเลยค่ะ ดิฉันตกใจจนนึกว่าจะมาบุกยึดวิหารเลยค่ะ]
ตอนแรกก็ตั้งใจฟังเรืองที่ทุตเต้เล่าพร้อมกับพยักหน้าอืมอืมอยู่หรอกแต่ว่าหลังๆเนี่ยพอดีกว่า ก็เพราะว่าพอจะจินตนาการเรืองหลังจากนั้นได้ยังไงล่ะ เฮ้อ~~~ถอนหายใจยาวๆ
ทุตเต้ : [เชิญค่ะ]
ขณะที่ฉันกำลังเหนือยหน่ายใจ ทุตเต้ก็ยื่นชากลิ่นหอมๆมาให้
แมรี่ : [ขอบคุณน้า….]
ฉันรับมา และดื่มเข้าไปอึกนึง รู้สึกใจเย็นขึ้นมาหน่อย ฉันลองนึกย้อนกลับไปในตอนที่ทำพิธี
(ฉัน ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นเรืองแบบนี้ไปได้ ทั้งๆที่ไม่รู้เรืองอะไรเลยแท้ๆแต่ไหงจู่ๆก็กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก? เอาเถอะ ก็แค่ความสามารถทางร่างกาย ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ล่ะก็ขอจิตใจที่เข้มแข็งที่สุดด้วยก็คงจะดี ก็ฉันน่ะ อ่อนแอในเรืองแบบนั้นที่สุดนี่นา….)
ฉันดื่มชาเข้าไปอีกหนึ่งอึก
ทุตเต้ : [พอพูดถึงเรืองในพิธีแล้ว สุดยอดไปเลยนะคะ คุณหนู พอคิดว่าเพียงแค่ชั่วพริบตาทั่วทั้งวิหารก็ถูกแสงสีขาวห่อหุ้มเอาไว้ ลูกแก้วนั่นก็เพร้งแตกกระจายเป็นผุยผงเลยค่ะ]
แมรี่ : [พรูดดดดดดดดด]
ในตอนที่เรืองสุดหายนะถูกคายออกมา ชาที่ฉันดื่มเข้าไปก็พุ่งพรวดออกมา ศักดิ์ศรีในฐานะบุตรีของฉันแทบไม่น่าให้อภัยเลย
แมรี่ : [ฉ ฉ ฉ ฉันทำ? มันแตกหรอ? เจ้าลูกแก้วนั่น?]
ทุตเต้ : [จะว่าไงดีล่ะคะ? เพราะคนของทางวิหารบอกว่ามันอาจจะเสียหายตั้งแต่ตอนที่องค์ชายทำพิธีแล้วพอคุณหนูไปทำบ้างมันก็เลยแตกน่ะค่ะ เพราะว่าตอนที่คุณหนูทำมันมีแสงออกมาแค่พริบตาเดียวเองค่ะ]
แมรี่ : [เจ้าลูกแก้วนั่น จะชดใช้คืนให้…ได้ไหมเนี่ย?]
ขณะที่เหงื่อเย็นยะเยือกไหลลงมา มือที่ถือถ้วยชาอยู่ก็สั่นหงึกๆไปด้วย จนถ้วยชาเริ่มมีรอยร้าวแล้ว
ทุตเต้ : [อ้อ คงต้องบอกว่าสมกับเป็นลูกแก้วนั่นน่ะค่ะ เดี๋ยวเดียวก็กลับเป็นแบบเดิมแล้วค่ะ]
ทุตเต้เก็บถ้วยชาที่เริ่มจะมีรอยแตกมากขึ้นเรือยๆไปจากมือของฉัน สิ่งที่เธอบอกมานั้นทำให้ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย
แมรี่ : [งะ..งั้นหรอ ค่อยยังชั่ว…]
ทุตเต้ : [ทางวิหารแจ้งมาด้วยค่ะว่า ถ้า ยังไม่ได้รับคำพยากรณ์ล่ะก็ ให้ไปทำพิธีใหม่ในวันหลังก็ได้นะคะ เอาไงดีคะ?]
แมรี่ : [ไม่ต้องหรอก ฉันได้เจอท่านเทพแล้วล่ะ ไม่มีปัญหา]
(เอาเถอะ ปัญหาจริงๆอยู่ทางนั้นมากกว่าต่างหากล่ะ…เอาล่ะ จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย)
ทุตเต้ : [มีอะไรหรือป่าวคะ มีปัญหาอะไรกับคำพยากรณ์ที่ได้มาหรอคะ?]
สมกับเป็นเมดส่วนตัวของฉัน เพียงแค่เห็นท่าทางของฉันก็คาดการณ์ได้แล้ว
ฉันตัดสินใจ เกี่ยวกับพลังที่ท่านเทพประทานให้มาและสิ่งที่ท่านบอก
แมรี่ : [ดูเหมือนว่า…ฉัน จะได้พลังสุดโกงมาล่ะ]
ทุตเต้ : [พลังสุดโกง? คำพูดนั้นหมายความว่ายังไงหรอคะ ดิฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะ?]
แมรี่ : [นั่นสินะ ถ้าจะให้ฉันพูดแบบปกติล่ะก็ประมาณพลังที่ออกจะผิดกฎสามัญสำนึกน่ะ]
ทุตเต้ : [เฮ๋~~~ สุดยอดไปเลยนะคะ อ๊ะ หรือที่เคยบอกว่ามีความทรงจำจากชาติก่อนนั่นก็คือพลังโกงสินะคะ?]
แมรี่ : [ถ้ามีแค่นั้นล่ะก็คงจะดีอยู่หรอก]
ฉันที่กำลังกลุ้มใจเกี่ยวกับเรืองพลังที่ท่านเทพให้มาและก็บอกเรืองนั้นกับทุตเต้ไปทั้งๆอย่างนั้น
ช่วงแรกเธอก็พยักหน้าตั้งใจฟังอย่างสนอกสนใจอยู่หรอก แต่หลังๆแค่มองก็รู้เลยว่าเริ่มทำหน้างงมากขึ้นเรือยๆ
ทุตเต้ : [คุณหนูตั้งใจจะเป็นผู้กล้าตามตำนานอย่างงั้นหรอคะ? ดิฉันน่ะไม่สามารถเป็นผู้ร่วมเดินทางของผู้กล้าได้หรอกนะคะ มีแต่จะไปถ่วงแข้งถ่วงขาป่าวๆ]
เมื่อฟังจนจบแล้ว และนี่ก็คือความเห็นของเธอ
แมรี่ : [ไม่เป็นหรอก ฉันขอใช้ชีวิตธรรมดาๆอย่างมีความสุขด้วยกันกับทุตเต้ดีกว่า จู่ๆให้ไปเสี่ยงอันตรายใช้ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายน่ะไม่เอาด้วยหรอก]
ทุตเต้ : [คุณหนู…]
ทุตเต้ทำหน้าเคริบเคลิ้มมองมาที่ฉัน และแก้มก็แดงขึ้นมาด้วยหมายความว่าไงอะ?
แมรี่ : [และปัญหาสำคัญเลยคือ เรืองต่อจากนี้ต่างหาก จะต้องทำยังไงถึงจะควบคุมพลังนี้ได้ ปิดบังเอาไว้หรอ? แต่ว่าถ้าเรืองมันเกิดแดงขึ้นมาล่ะ….]
ฉันกอดร่างกายของตัวเองที่กำลังสั่นเทา
ที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตตามปกติมาโดยตลอด ที่ต้องพยายามปิดบังเอาไว้ก็มีแค่เหตุการณ์ใหญ่ที่ฉันเป็นต้นเรืองในตอนนั้นเท่านั้น
ใช้แล้ว ตอนที่พลังของฉันปรากฏออกมาครั้งแรกและก็เป็นตอนที่ได้เห็นทุตเต้แสดงสีหน้าหวาดกลัว เหตุการณ์ในครั้งนั้นสร้างบาดแผลในจิตใจระดับที่ฝั่งรากลึกในใจเลย และเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็จบลงด้วยความเข้าใจผิดกันเท่านั้น แต่ว่าต่อจากนี้ไปก็ไม่มีอะไรมาคอยรับประกันทั้งนั้น และก็จากสิ่งที่ฉันได้อ่านได้ดูมา คนที่รู้เรืองนั้น ต่างหวาดกลัวและพยายามจะตีตัวออกห่าง และก็มีแนวโน้มว่าจะถูกกำจัดด้วย…
ใช่แล้ว ฉันบอกทุตเต้ไปแบบนั้นและกอดตัวเองและฉันก็ถูกกอดราวกับจะโอบอุ้มเอาไว้
ทุตเต้ : [ไม่เป็นไรหรอกนะคะ คุณหนูยังมีพวกเราอยู่นะคะ เหล่าคนรับใช้ทุกคน นายท่าน ท่านหญิงก็ด้วยและทุกๆคน ต่างก็รักคุณหนูนะคะ]
ด้วยคำพูดนั้นทำให้หัวใจของฉันได้รับการเยียวยาพร้อมกับมีความรู้สึกที่เหมือนกับโดนบีบรัดอยู่ เพราะว่าที่ฉันรู้อีกเรืองคือ ถ้าดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องมายุ่งด้วยล่ะก็ คนๆนั้นก็จะต้องตกเป็นเป้าหมายกำจัดด้วยเช่นกัน….
แมรี่ : [ขอบคุณนะ และเพื่อการนั้นขอให้ฉันได้ยืมพลังหน่อยนะ]
ฉันคลายมือที่กอดตัวเอง และออกมาจากทุตเต้
แมรี่ : [ทุตเต้ ไปหาท่านพ่อกับท่านแม่กัน]
ยังไงก็ตาม ก่อนอื่นเลยจะต้องควบคุมพลังของตัวเองให้ได้โดยด่วน และเพื่อการนั้นแล้ว ฉันจะต้องเรียนรู้เรืองต่างๆซะก่อน เพราะว่าตัวฉันในตอนนี้ก็เหมือนกับระเบิดที่พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา
***********************************************************************************
หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา ฉันได้เรียนทั้งมารยาทและความรู้ต่างๆจากอาจาร์ยสอนพิเศษที่เรียกมาแล้วยังมี อาจาร์ยสอนด้านวิชาการต่อสู้ที่เรียกมาที่คฤหาสน์ด้วย เวทมนต์เองก็อยากจะเรียนด้วยเหมือนกันแต่ ดูเหมือนว่าเวทมนต์นั้นจะมีกฏหมายว่าถ้าอายุไม่ถึงจะไม่สามารถเรียนได้
แต่ยังมีเรืองดีๆอยู่ เกี่ยวกับการใช้พลังเวทของเวทมนต์เริ่มแรกนั้นจะต้องรู้ถึงพลังนั้นก่อน ถ้าไม่รู้วิธีใช้เวทมนต์ล่ะก็ต่อให้มีพลังเวทมนต์มหาศาลแค่ไหนก็ไร้ค่า ทว่า ก็ยังมีเหตุการณ์ที่คนเผลอปล่อยเวทมนต์ออกมานิดหน่อยโดยที่ไม่ได้ตั้งใจก็มีเหมือนกัน มองในแง่ดีไม่ได้เลย…
(เอาเถอะ แต่ว่า ไหนๆก็มีเวทมนต์แล้ว ก็เลยอยากรีบลองใช้ดูมั่งอ่า ก็แหม่เวทมนต์เลยนะ เวทมนต์! รู้สึกตื่นเต้นดีออก!)
ระหว่างที่ กำลังผิดหวังหน่อยๆฉันก็สวมเสื้อและกางเกงที่เคลือนไหวสะดวกที่ได้ให้ทางร้านตัดเสื้อผ้าเตรียมให้ ผมเองก็มัดเป็นทรงโพนี่เทล และก็ไปเตรียมตัวที่สวนของคฤหาสน์ เพราะในวันนี้ มีกำหนดการของอาจาร์ยสอนวิชาการต่อสู้จะมายังไงล่ะ
(อืมมม พึ่งจะซื้อเสื้อตัวนี้มาใหม่ก็เถอะ แต่ว่าในโลกนี้ไม่มีเสื้อแบบนี้นี่นะ ครั้งนี้ก็เลย ขอให้ร้านตัดเสื้อในสังกัดช่วยตัดให้เป็นกรณีพิเศษ)
และ ในระหว่างที่กำลังรอเสื้อก็คิดอะไรไปเรือย
(จะว่าไป คนที่จะมาในวันนี้รู้สึกว่าจะเป็น เพือนซี้ของคุณพ่อตอนสมัยหนุ่มๆและก็เป็นสหายศึกที่เคยร่วมรบด้วยกัน)
ตอนที่ไปขอคุณพ่อว่าอยากจะเรียนวิชาการต่อสู้นั้น ลำบากสุดๆเลย
ก็ได้คำตอบออกมาแบบเดิมว่า ไม่จำเป็นสำหรับลูก ถ้าเกิดได้แผลขึ้นมาล่ะก็จะทำยังไง ถูกเลี้ยงอย่างกับไข่ในหินเกินไปแล้ว ตัวฉันน่ะ
แมรี่ : [คุณพ่อที่ไม่ยอมฟังคำขอของหนูน่ะ เกลียดที่สุดเลย!]
พอหลุดพูดแบบนั้นออกมา หลักจากนั้นแปปนึงฉันก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องแก้ไขอะไรสักอย่าง
แต่ว่าในตอนนั้นกลายเป็นว่าคุณพ่อก็ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังสุดๆ แต่ทว่า มันกลับได้ผลเกินคาด และคุณพ่อก็ต้องจำใจยอมทำตามเรืองที่ฉันขอ
ทุตเต้ : [คุณหนูคะ ท่านเอิร์ลเอเรคซิลมาพบแล้วค่ะ]
ที่เดินตามหลังทุตเต้มาคือคุณลุงผมสีน้ำตาลหุ่นอย่างกับนักกล้ามที่สวมชุดเกราะทั้งตัว
มีรอยดาบอยู่ที่ตาข้างนึง และที่ยิ่งกว่านั้นคือหน้าตาน่ากลัวมาก
ทำให้ฉันต้องรีบจัดท่าทางให้เรียบร้อยเลย
เอเรคซิล : [โทษทีๆ ขอขอโทษนะที่มาสาย ท่านแมรี่ พอดีเจ้านี่มันไม่ยอมตามมาดีๆ ก็เลยต้องอัดมันและจับมัดมาแบบนี้แหละครับ]
แมรี่ : [คะ?]
มีอะไรบางอย่างที่ถูกมัดอยู่ถูกโยนตุ๊บลงมาตรงหน้าฉัน
เห็นหัวและก็ขาโผล่พ้นออกมานิดหน่อยเลยทำให้รู้ว่าเป็นมนุษย์
(เอ๊ะ? นี่มันเป็นการปรากฏตัวแบบไหนเนี่ย? และต้องรับมือยังไงหรอ? ท่านเทพขาช่วยบอกหนูที)
เพราะเป็นเรืองที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันจนทำให้ภายในหัวของฉันเป็นสีขาวโพลนและความคิดก็หยุดไปชั่วขณะ เมื่อเจ้าก้อนนั่นขยับยุกยิกเชือกที่มัดอยู่ก็คลายออกและตกลงพื้น และสิ่งที่อยู่ข้างในก็ออกมา
ผมสั้นสีน้ำตาลแดงผิวคล้ำแดดดูสุขภาพดี เด็กหนุ่มที่อายุเท่ากันกับฉันลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ดวงตาสีม่วงจ้องมาทางนี้ ฉันตกใจนิดหน่อย
ถ้าให้เปรียบเทียบหน้าตากับองค์ชายที่เจอเมื่อครั้งก่อนอาจจะด้อยกว่านิดหน่อย แต่ถ้าจัดประเภทล่ะก็ ทางนี้เองก็ถูกจัดอยู่ในหนุ่มน้อยรูปงามโดยไร้ข้อกังขาเหมือนกัน
เอเรคซิล : [มาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่า นี่คือลูกชายของกระผมซาฮะครับ]
(หนุ่มน้อยอีกแล้วหรอเนี่ย รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดียังไงก็ไม่รู้)
ภายในใจของฉันนั้นกำลังรู้สึกเหนือยใจอยู่