Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 763-764

บทที่ 763 : ผลสอบเอนทรานซ์!
‘เรื่องใหญ่งั้นรึ!’
หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกตื่นตกใจสำหรับเขาแล้วยังจะมีเรื่องอะไรใหญ่โต และน่าตกใจมากไปกว่าการสังหารแวมไพร์หลายร้อยตน สังหารเฉินเจี้ยนจื่อ และจับตัวเฉินเจี้ยนกุ่ย แล้วช่วยเกาเฉินเฉินออกมาได้อีกเล่า
“ถังเมิ่ง..นายมีเรื่องใหญ่โตอะไรก็รีบพูดมาเร็วเข้า! น้ำเสียงตื่นเต้นขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องซื้อบริษัทขนส่ง” หลิงหยุนตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
สำหรับหลิงหยุนนั้นการช่วยเกาเฉินเฉินออกมาได้สำเร็จนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาแล้ว!
“ไม่ใช่เรื่องบริษัทขนส่งหรอกพี่หยุน..ที่ฉันบอกว่าเรื่องใหญ่น่ะ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวพี่เลยล่ะ ผลสอบเอนทรานซ์ของพี่ออกมาแล้วนะ!”
เวลานี้ผ่านการสอบเอนทรานซ์มาถึงสามอาทิตย์แล้วอีกทั้งผลการสอบก็ได้ประกาศออกมาแล้ว และสามารถตรวจสอบได้ทางออนไลน์
น้ำเสียงของถังเมิ่งนั้นฟังดูร้อนใจและดูเหมือนจะมีแววขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย..
“อ่อ..ผลสอบเอนทรานซ์ออกแล้วเหรอ!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองเกาเฉินเฉินเขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเกาเฉินเฉินนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วจึงถามต่อว่า
“ผลสอบออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วหลิงยู่ล่ะเป็นไงบ้าง?”
แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลเพียงใดแต่คนที่หลิงหยุนยังคงเป็นห่วงเป็นใยมากที่สุดก็คือหนิงหลิงยู่น้องสาวของเขาอยู่ดี
สำหรับหนิงหลิงยู่นั้นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง และสำหรับตัวเขาเองนั้น แม้จะไม่ได้คะแนนเต็มร้อย แต่ก็มั่นใจว่าต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างแน่นอน
ถังเมิ่งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจมากขึ้นไปอีก“พี่หยุน.. หลิงยู่ได้คะแนนเป็นที่หนึ่งของโรงเรียน และขาดอีกเพียงแค่สามคะแนนก็จะได้เต็ม แต่พี่น่ะสิ..”
ถังเมิ่งหยุดพูดอยู่เพียงแค่นั้นก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “คะแนนสอบเอนทรานซ์ของพี่เป็น.. ศูนย์!”
เรื่องผลการเรียนของหนิงหลิงยู่นั้นเธอเป็นที่หนึ่งในโรงเรียนมัธยมจิงฉูซึ่งใครๆต่างก็รู้ดี จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ แต่เมื่อได้ฟังประโยคสุดท้ายจากถังเมิ่ง หลิงหยุนก็ถึงกับอึ้งไปทันที..
‘นี่คะแนนสอบของข้าเป็นศูนย์งั้นรึนี่พระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตกหรือยังไงกัน? เป็นไปไม่ได้!’
“อะไรนะ!ได้ศูนย์คะแนน.. เป็นไปได้ยังไงกัน?!”
เสียงพูดของถังเมิ่งนั้นดังมากแม้กระทั่งเกาเฉินเฉินที่นั่งอยู่ข้างหลิงหยุนยังได้ยินอย่างชัดเจน สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที!
ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นมาหลิงหยุนได้เปลี่ยนไปอย่างมาก แต่ต่อให้ยังคงเป็นหลิงหยุนคนเดิม หากทำข้อสอบมั่วๆ อย่างน้อยก็ต้องได้สักสองสามคะแนน อีกทั้งในการสอบก็มีข้อสอบแบบปรนัยจำนวนหลายร้อยข้อ หากจะกาคำตอบส่งๆไป ก็ต้องมีถูกบ้าง..
“หลิงหยุน..นี่มันเกิดอะไรขึ้น นายเพิ่งจะเล่าให้ฉันว่าก่อนสอบสองอาทิตย์ นายไปโรงเรียนทุกวันเลยไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมผลสอบถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?”
เกาเฉินเฉินแทบอยากจะร้องไห้ในขณะที่หลิงหยุนยังคงสงบเยือกเย็น พร้อมกับครุ่นคิดถึงความผิดปกติในเรื่องนี้ สีหน้าของหลิงหยุนสงบนิ่งราวกับกำลังครุ่นคิดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง
‘ดูท่าเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะจะยังไม่ยอมตัดใจจากเงินเดิมพันสินะ..ฮ่า.. ฮ่า..’
‘แต่ถ้าไม่ใช่พวกมันสองคน..ก็ต้องเป็นตระกูลซันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ เพราะนอกเหนือจากนี้ ก็เป็นใครไปไม่ได้อีกแล้ว..’
ในที่สุด..หลิงหยุนก็ยิ้มพร้อมตอบถังเมิ่งด้วยท่าทีสบายๆ “คะแนนสอบเอนทรานซ์ของฉันเป็นศูนย์งั้นเหรอ! น่าสนใจดีนี่! เอาล่ะฉันรู้แล้ว..”
ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังคุยอยู่กับถังเมิ่งนั้นเบอร์ของหนิงหลิงยู่ก็ปรากฏขั้นมาที่หน้าจอโทรศัพท์ หลิงหยุนจึงรีบบอกถังเมิ่งว่า
“ถังเมิ่ง..ฉันต้องวางสายนายก่อน หลิงยู่โทรเข้ามาพอดี!”
พูดจบหลิงหยุนก็วางสายจากถังเมิ่งทันทีและรีบกดรับสายของหนิงหลิงยู่..
“พี่ใหญ่…นี่พี่ทำอะไรอยู่กันแน่ เมื่อคืนทั้งคืนทำไมถึงไม่เปิดโทรศัพท์? ฉันเป็นห่วงแทบตายรู้มั๊ย?”
ทันทีที่หลิงหยุนกดรับสายน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจของหนิงหลิงยู่ก็ดังขึ้น และตามมาอีกชุดใหญ่
ผลสอบของหลิงหยุนนั้นนับว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับหนิงหลิงยู่เป็นอย่างมากสำคัญยิ่งกว่าผลสอบของตัวเธอเองเสียอีก ทันทีที่ประกาศผล.. หนิงหลิงยู่ก็เข้าไปดูคะแนนสอบของหลิงหยุนก่อนของตัวเองเสียอีก และหนิงหลิงยู่จำเลขประจำตัวสอบของหลิงหยุนได้ดีกว่าตัวหลิงหยุนเองเสียอีก
“อ่อ..เมื่อคืนพี่เพลียเลยเผลอหลับไปตลอดทั้งคืนเลย ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ได้เป็นอะไร..”
หลิงหยุนรู้ดีว่าเหตุใดน้ำเสียงของหนิงหลิงยู่จึงเต็มไปด้วยความกระวนกระวายร้อนใจเช่นนี้เขาจึงได้แต่พูดปลอบปะโลมไป
“ไม่เป็นอะไรกันเล่า!พี่ใหญ่.. คือพี่.. พี่..”
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนสบายดีในใจของหนิงหลิงยู่ก็รู้สึกโล่งอก แต่ปากก็อยากจะบอกหลิงหยุนเรื่องผลสอบของเขาที่มีคะแนนเป็นศูนย์ แต่เกรงว่าเมื่อหลิงหยุนได้ฟังแล้วจะหงุดหงิดโมโห จึงได้แต่กล้ำกลืนไม่พูดออกมา
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเป็นฝ่ายพูดขึ้นเองว่า“หลิงยู่.. เธอไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ พี่รู้เรื่องผลสอบเอนทรานซ์ที่ได้ศูนย์คะแนนแล้ว ถังเมิ่งเพิ่งจะโทรบอกพี่เมื่อครู่..”
“ห๊ะ..ถังเมิ่งบอกพี่แล้วงั้นเหรอ พี่ใหญ่.. นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? พี่ลืมเขียนชื่อและหมายเลขประจำตัวผู้สอบลงไปในกระดาษคำตอบหรือยังไง? คะแนนถึงได้ออกมาเป็นศูนย์แบบนี้..”
หนิงหลิงยู่นั้นพยายามโทรหาหลิงหยุนตั้งแต่ตอนเย็นหลังจากที่รู้ผลสอบเอนทรานซ์แต่ช่วงเวลานั้นหลิงหยุนเองก็อยู่ในระหว่างภารกิจช่วยเกาเฉินเฉิน และเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในแหวนพื้นที่ จึงไม่ได้รับสายของผู้ใดเลย..
หนิงหลิงยู่ติดต่อหลิงหยุนไม่ได้เธอจึงรีบโทรหาถังเมิ่ง เพราะถังเมิ่งนั้นอยู่ปักกิ่งพอดี ดังนั้นถังเมิ่งจึงเป็นคนแรกที่รู้ผลสอบของหลิงหยุนต่อจากหนิงหลิงยู่ และฉินตงเฉี่วย
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับอธิบายให้หนิงหลิงยู่ฟังอย่างใจเย็น“หลิงยู่.. ไม่ต้องกังวลใจเรื่องคะแนนสอบเอนทรานซ์ของพี่ นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เธอสงบสติอารมณ์ก่อน ไว้พี่จะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เธอฟัง แล้วเธอก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง..”
หลังจากที่ปลอบปะโลมหนิงหลิงยู่ให้คลายกังวลได้แล้วหลิงหยุนก็พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ไม่ใช่ว่าพี่จัลืมเขียนชื่อหรือว่าหมายเลขประจำตัวสอบของตัวเองลงในกระดาษคำตอบ พี่ใหญ่ของเธอไม่สะเพร่าถึงขนาดนั้นแน่ แต่เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง พวกมันต้องการจัดการกับพี่!”
“พี่ใหญ่..ตอนแรกฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่การสอบเอนทรานซ์เป็นการสอบระดับประเทศ และทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงศึกษา แล้วใครกันที่จะกล้าใช้วิธีสกปรกทำเรื่องแบบนี้ได้!”
“กระทรวงศึกษาแล้วยังไง!เธอคิดว่าทุกอย่างเมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงศึกษาก็จะโปร่งใสและขาวสะอาดอย่างงั้นเหรอ?”
การตรวจข้อสอบเอนทรานซ์ก็ต้องใช้ครูจากโรงเรียนต่างๆเป็นผู้ตรวจและให้คะแนน การจะทำให้หลิงหยุนมีผลสอบออกมาเป็นศูนย์ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง!
“แต่..ทำไมพี่ถึงดูไม่กังวลกับเรื่องนี้เลยล่ะ”
หนิงหลิงยู่ร้องถามออกไปตรงๆเพราะสำหรับเด็กเรียนที่ตั้งใจเรียนมาตลอดหลายปี และมีเป้าหมายที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างหนิงหลิงยู่นั้น คะแนนสอบเอนทรานซ์จึงมีความหมายที่ยิ่งใหญ่อย่างมากในใจของเธอ
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ผลสอบก็ออกมาแล้ว จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก หลิงยู่.. เธอไม่ต้องกังวลใจไป พี่รับปากว่าจะต้องเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิงให้ได้อย่างแน่นอน!”
ต่อให้ผลการสอบเอนทรานซ์ของหลิงหยุนเป็นศูนย์เขาก็มั่นใจว่าจะต้องเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิงได้อย่างแน่นอน!
เวลานี้หลิงหยุนเป็นใครน่ะหรือเขาเป็นถึงนายน้อยสี่แห่งตระกูลหลิง และด้วยฐานะของเขาเวลานี้ การจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิงนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยาก!
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ถามหนิงหลิงยู่ว่า“หลิงยู่.. น้าหญิงกับป้าเม่ยเป็นไงบ้าง พวกท่านสบายดีมั๊ย?”
แล้วเสียงหัวเราะของฉินตงเฉี่วยก็ดังขึ้นจากปลายสายนางดึงโทรศัพท์มือถือไปจากมือของหนิงหลิงยู่พร้อมกับประชดประชัน
“เจ้าเด็กตัวแสบ..ในที่สุดก็อุตส่าห์นึกถึงข้าได้สินะ! อยู่ปักกิ่งเป็นไงบ้างล่ะ กินได้นอนหลับดีหรือไม่? แล้วนี่เจ้าไปมีเรื่องกับใครบ้างหรือไม่?”
ฉินตงเฉี่วยเองก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่งฐานะและขั้นของนางในเวลานี้ ทำให้นางแทบไม่ใส่ใจกับผลสอบเอนทรานซ์ของหลิงหยุน
หลิงหยุนเข้าใจในน้ำเสียงของฉินตงเฉี่วยดีเขาจึงยิ้มออกมาพร้อมตอบกลับไปว่า “น้าหญิง.. ข้าอยู่ที่นี่นอนหลับสนิทดี แล้วก็เล่นสนุกสนาน ท่านอย่าได้กังวลใจไป..”
ฉินตงเฉี่วยเองก็ได้แต่ยิ้มและรู้ดีว่าที่หลิงหยุนบอกว่าสบายดีนั้น ก็เพื่อไม่ให้นางต้องเป็นห่วง นางจึงไม่พูดไม่ถามอะไรอีก และเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
“เจ้าเด็กดื้อ..น้าหญิงมีเรื่องจะบอกเจ้า การชุมนุมหารือปราบพรรคมารที่หุบเขาหลงเฟยบนเขาหลงหู่นั้นได้ถูกเลื่อนออกไป..”
บทที่ 764 : เลื่อนงานชุมนุม!
“เลื่อนออกไปงั้นรึเพราะเหตุใด?”
หลิงหยุนใช้เวลาอยู่บนเกาะเตียวหยูร่วมเดือนกว่าจะกลับมาจิงฉูก็เป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมแล้ว และเมื่อกลับมาเขาก็ได้พบกับศิษย์ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศของสำนักดาบสวรรค์ที่ชื่อหลิวซุ่ยเฟิง..
หลิงหยุนเห็นหลิวซุ่ยเฟิงมักจะฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวฉินตงเฉี่วยทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก และต้องการสั่งสอนหลิวซุ่ยเฟิง จึงได้บีบมือของมันนานกว่าสิบนาที จนมือของหลิวซุ่ยเฟิงที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-5 เกือบหัก
หลิวซุ่ยเฟิงทั้งอับอายและขุ่นเคืองใจจนต้องขอตัวกลับแต่ก่อนกลับก็ได้บอกเรื่องงานชุมนุมหารือปราบพรรคมารที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าที่หุบเขาหลงเฟยบนเขาหลงหู่ให้ฉินตงเฉี่วยทราบ
หลิงหยุนยังจำเรื่องนี้ได้ไม่มีวันลืมนั่นเพราะเขาต้องการอาศัยโอกาสนี้ออกไปดูยุทธภพที่กว้างใหญ่..
แต่แน่นอนว่านอกเหนือจากนั้นก็ยังมีเหตุผลสำคัญอีกหนึ่งข้อนั่นก็คือเรื่องของเฉิงเม่ยเฟิง!
หลิงหยุนวางแผนไว้ว่าหลังจากที่ช่วยเกาเฉินเฉินสำเร็จแล้วเขาก็จะเดินทางไปที่งานชุมนุมในหุบเขาหลงเฟยนี้ เพื่อหวังว่าจะได้พบกับหญิงสาวในดวงใจ
หากไม่ใช่เพราะต้องการฝึกวิชาพลังลับหยิน-หยางแล้วเฉิงเม่ยเฟิงก็จะเป็นหญิงสาวคนแรกที่เป็นภรรยาของหลิงหยุน
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ยังอาศัยอยู่ในบ้านเช่าด้วยกันมาระยะหนึ่ง ผ่านอุปสรรคและเหตุการณ์ร้ายแรงมาด้วยกัน ทั้งหลิงหยุนและเฉิงเม่ยเฟิงจึงมีความทรงจำต่อกันและกันมากมาย
เฉิงเม่ยเฟิงเป็นคนชัดเจนและมีจิตใจกล้าหาญ กล้าที่จะรัก และกล้าที่จะเกลียด เธออายุมากกว่าหลิงหยุนสามปี และได้ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันในช่วงเทศกาลเชงเม้ง เวลานี้ถูกคนของสำนักจิ้งซินพาตัวไปนานถึงสามเดือนแล้ว มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่รู้สึกคิดถึงนาง!
ฉินตงเฉี่วยเคยบอกกับหลิงหยุนว่าสำนักจิ้งซินนั้นเป็นสำนักที่ผู้คนนิยมเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ และฝึกฝนวรยุทธด้วย จึงไม่มีเหตุผลที่สำนักจิ้งซินจะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมงานชุมนุมในครั้งนี้
นอกจากเรื่องของเฉิงเม่ยเฟิงก็ยังมีเรื่องของไป๋เซียนเอ๋อที่ถูกทำร้ายจนต้องหนีออกมาจากเขาหลงหู่ หลิงหยุนเองก็ได้รับปากกับนางว่าจะพานางกลับไปที่นั่น และจะช่วยนางสังหารปีศาจภัยแล้งเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับนางด้วย..
งานชุมนุมของเหล่าจอมยุทธที่จัดขึ้นมาในครั้งนี้ก็เพื่อหาทางจัดการกับพรรคมาร แม้จอมยุทธมากมายต่างก็สนใจกับเรื่องการปราบพรรคมาร แต่หลิงหยุนกลับไม่สนในเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย
อีกทั้งเวลานี้หลิงหยุนเองก็รู้แล้วว่ามารดาผู้ให้กำเนิดตนเองนั้นก็คือธิดาพรรคมารคนก่อน และหากแม่ของเขาปรากฏตัวในงานชุมนุมครั้งนี้ด้วย เขาเองก็คงต้องออกมาสร้างความวุ่นวายให้กับงานชุมนุมด้วยอย่างแน่นอน
หลิงหยุนนั้นไม่สนใจเรื่องพรรคมารแต่
การจัดการกับธิดาพรรคมารนั้นหลิงหยุนไม่มีความคิดเห็นใดๆ แต่หากทุกคนคิดที่จะจัดการกับแม่ของเขาแล้วล่ะก็ ด้วยอุปนิสัยของหลิงหยุนที่ไม่สนใจเรื่องผิดหรือถูก ต่อให้ธิดาพรรคมารคนก่อนเคยสังหารจอมยุทธมากมายก็ตาม แต่หากใครกล้าพูดถึงแม่เขาในทางที่ไม่ดีแม้แต่คำเดียว เขาก็พร้อมที่จะลงโทษพวกมันสถานเบา.. คือส่งพวกมันลงนรกทันที!
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นองเลือดในครั้งนี้ จะใช่ฝีมือของแม่เขาหรือไม่
เพราะจากการที่หลิงหยุนได้เดินไปที่อารามหลิงเจี๋วยในเมืองจิงฉูมานั้นทำให้เขาได้รู้ว่าภายในพรรคมารนั้นได้แบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่ายเช่นกัน ฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายของแม่เขาเอง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็คือฝ่ายของซือกงถู
และนี่คือเหตุผลที่หลิงหยุนเฝ้ารอคอยงานชุมนุมครั้งนี้แต่จู่ๆฉินตงเฉี่วยกลับบอกว่างานชุมนุมถูกเลื่อนออกไป เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขากระวนกระวายใจได้อย่างไรเล่า
ฉินตงเฉี่วยเองก็เข้าใจความรู้สึกของหลิงหยุนดีเธอจึงเอ่ยถามออกมายิ้มๆ “ทำไม งานชุมนุมเลื่อนออกไปไม่ดีหรือยังไง? เจ้าจะได้มีเวลาสนุกกับชีวิตในเมืองศิวิไลซ์ ดีกว่าที่จะไปตามหุบเขาป่าดงเสียอีก!”
หลิงหยุนได้ฟังก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกสนุกกับชีวิตงั้นหรือ ตั้งแต่หลิงหยุนมาเกิดใหม่บนโลกใบนี้ ก็มีแต่เรื่องต้องต่อสู้และเข่นฆ่ากัน นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว ก็มีแต่การต่อสู้ ไม่มีวันใหนที่จะเรียกได้ว่าเป็นการพักผ่อนได้เลย เช่นนี้แล้วเขาจะยังสนุกกับชีวิตได้อย่างไรกัน?
ช่วยเกาเฉินเฉินกลับมาได้แต่หลิงเสี่ยวพ่อของเขาก็ยังคงหายตัวไปไม่ได้ข่าวคราว ส่วนแม่บุญธรรมของเขาฉินจิวยื่อก็เดินทางไปสำนักกระบี่เทียนซัน จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวเช่นกัน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าเวลานี้ธิดาพรรคมารคนก่อนอยู่ที่ใหนกันแน่ เวลานี้เรียกได้ว่าหลิงหยุนไม่รู้อะไรเลย!
เสี่ยวเม่ยเม่ยเองก็หายเข้ากลีบเมฆส่วนเฉิงเม่ยเฟิงก็กำลังรอคอยให้เขาไปช่วย ตระกูลหลิงเองก็ยังคงอยู่ในช่วงตกต่ำ.. เรียกได้ว่ามีเรื่องราวมากมายหลายพันอย่างกำลังกองพะเนินเป็นภูเขารอให้หลิงหยุนสะสาง เช่นนี้แล้วเขาจะมีเวลาที่ใหนไปสนุกกับชีวิตเล่า
“นี่เจ้าเด็กดื้อ..”
เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนเงียบไปนานฉินตงเฉี่วยก็ยิ้มพร้อมกับอธิบายเหตุผลให้ฟังว่า “จากข่าวที่ข้าได้ยินมา.. หลังจากเหตุการณ์นองเลือดครั้งนั้น ก็ไม่มีข่าวคราวของพรรคมารอีกเลย พรรคมารก็เป็นเช่นนี้ ไปมาไร้ร่องรอย..”
“หายเงียบไปอย่างนั้นรึ”
หลิงหยุนพึมพำออกมาเบาๆพร้อมนึกแปลกใจ เพราะที่เมืองจิงฉู ธิดาพรรคมารก็เพิ่งจะมาสร้างปัญหาให้กับเขาอยู่บ่อยๆ อีกทั้งเขาเองก็ยังสังหารคนของพรรคมารไปหลายคน
“แล้วงานชุมนุมครั้งนี้เลื่อนไปวันใหนงั้นรึ”หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับถามออกมาอย่างสงสัย
ฉินตงเฉี่วยตอบกลับมาว่า“ดูเจ้าร้อนใจเรื่องนี้มากนะ! เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย งานชุมนุมครั้งนี้จะจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า และหากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็น่าจะเป็นคืนวันพระจันทร์เต็มดวงในกลางเดือนกันยายนนี้..”
It
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“น้าหญิง.. ท่านยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่ ถ้าไม่มีข้าคงต้องวางสายแล้ว เพราะมีอีกสายเข้ามา”
ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย..จากนั้นน้ำเสียงของฉินตงเฉี่วยก็เปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม “หลิงหยุน.. เจ้าไปปักกิ่งครั้งนี้ ได้พบกับคนที่เจ้าควรจะได้พบบ้างหรือยัง”
ฉินเตงเฉี่วยถามเพราะรู้ดีว่าหลิงหยุนไปปักกิ่งครั้งนี้ก็เพื่อไปพบกับคนตระกูลหลิงและกลับสู่อ้อมแขนของครอบครัวผู้ให้กำเนิด
หลิงหยุนพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากใคร่ครวญแล้วจึงตอบกลับไปว่า “พบแล้ว..”
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้ยาวนานกว่าครั้งแรก หลังจากนั้นฉินตงเฉี่วยก็พูดเสียงเบาว่า
“เด็กดื้อ..ข้ายินดีกับเจ้าด้วย แต่..”
“เจ้าห้ามลืมข้ากับหลิงยู่!”น้ำเสียงของฉินตงเฉี่วยดุดัน
“น้าหญิง..เมื่อครั้งที่อยู่จิงฉู ข้าเคยบอกกับท่านเรื่องนี้ไปแล้ว ท่านลืมแล้วงั้นรึท่านสบายใจได้ เวลานี้เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ..”
หลิงหยุนจงใจพูดเพียงเท่านั้นแล้วก็เงียบไป.
ฉินตงเฉี่วยได้ยินเพียงประโยคแรกก็ได้แต่แอบดีใจแต่หลิงหยุนกลับทิ้งท้ายไว้ครึ่งๆกลาง ทำให้นางกระวนกระวายใจจนต้องถามออกไป
“แต่เรื่องสำคัญคืออะไร!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“น้าหญิง.. แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่ข้าไม่ได้อยู่จิงฉู ท่านต้องฝึกทำกับข้าวกับป้าเม่ยล่ะ บอกตามตรง.. อาหารที่ท่านทำรสชาดกินไม่ได้เลยจริงๆ”
น้ำเสียงของหลิงหยุนยังไม่ทันจบดีเสียงของฉินตงเฉี่วยก็ดังแทรกขึ้นมาทันที “เจ้าเด็กดื้อ.. ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“ฮ่า..ฮ่า.. ข้าไม่กลัวหรอก เพราะถึงอย่างไรท่านก็ทำโทษข้าไม่ได้!”
หลิงหยุนพูดจบก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉินตงเฉี่วยได้พูดต่อเขารีบกดวางสายทันที..
……
ณบ้านเลขที่-9 ในอ่าวจิงฉูนั้น ฉินตงเฉี่วยใส่ชุดกระโปรงสีขาวคอวี กำลังกัดริมฝีปากแน่น มือกำโทรศัพท์ไว้พร้อมกับคำรามออกมา
“กล้าทำให้ข้าโมโหงั้นรึ!”
“ป้าเม่ย..ข้าอยากเรียนทำอาหารกับท่าน!” ฉินตงเฉี่วยร้องบอกอายๆ
เมื่อครู่หลิงหยุนติดสายของฉินตงเฉี่วยอยู่เขาจึงต้องปล่อยให้สายเรียกซ้อนดังขึ้นอยู่สองสามครั้ง และคนที่โทรเข้ามาก็คือกงเสี่ยวลู่ซึ่งเป็นครูประจำชั้น และครูสอนวิชาภาษาอังกฤษของเขาเอง
น้ำเสียงของกงเสี่ยวลู่ดูกระวนกระวายใจอย่างมากทันทีที่หลิงหยุนรับสาย เธอก็รีบถามหลิงหยุนทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หลิงหยุนจึงได้เล่าให้กงเสี่ยวลู่ฟัง แต่ก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เขาไม่ได้บอกเรื่องราวทุกอย่างให้กงเสี่ยวลู่ฟัง เขาบอกเพียงแค่ว่าผลสอบที่ได้ศูนย์คะแนนนั้น คงต้องมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน เขาจะตรวจสอบและสืบหาความจริงเรื่องนี้เอง
กงเสี่ยวลู่นั้นกระวนกระวายใจยิ่งกว่าหนิงหลิงยู่เสียอีกเธอพูดออกมาอย่างร้อนใจ “หลิงหยุน.. หากเธอมีหนทางก็รีบสืบดูให้รู้โดยเร็วที่สุด นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เธอต้องไม่ยอม!”
กงเสี่ยวลู่นั้นรู้ว่าหลิงหยุนเป็นคนใจกว้างมากพอและอาจจะไม่สนใจเรื่องถูกโกงคะแนนในครั้งนี้ แต่เธอสนใจ..
เวลานี้เธอดำรงตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการขั้นสามและรองครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมจิงฉู นักเรียนที่เก่งที่สุดของโรงเรียนกลับได้คะแนนสอบเป็นศูนย์ เธอจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนี้แน่!
อีกทั้งเด็กนักเรียนคนนั้นก็ยังเป็นหลิงหยุนอีก!
“ผมรู้ครับ..ครูสบายใจได้ ผมจะสืบหาความจริงให้ได้โดยเร็วที่สุด!” หลิงหยุนบอกครูกงที่กำลังกระวนกระวายใจ
“หลิงหยุน..ครูจองตั๋วเครื่องบินไว้แล้วคืนนี้ และจะไปถึงปักกิ่งพรุ่งนี้ตอนเช้า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ครูต้องไปสืบหาความจริงกับเธอ!”

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset