ด้วยบุคลิกและอุปนิสัยใจคอของหลิงเสี่ยวที่เป็นคนสุภาพอ่อนโยนนั้น เขาจึงปฏิบัติต่อมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดอย่างสุภาพ และให้เกียรติ!
ซึ่งแตกต่างจากหลิงหยุนที่ทั้งยะโสโอหังจองหอง และไม่เคยอ่อนข้อให้กับใคร ส่วนหลิงเสี่ยวนั้นทั้งอ่อนโยน และเป็นสุภาพบุรุษอย่างคนที่ถูกอบรมมาดี..
หลังจากที่ได้ฟังคำขอของหลิงเสี่ยวมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดก็มีท่าทีระล้าระลัง เพราะมันเองก็ได้เห็นกำลังของทั้งสองฝ่ายที่อยู่ด้านล่าง ฝ่ายหนึ่งมียอดฝีมือเพิ่มขึ้นมาอีกถึงแปดคน รวมเป็นสิบคน ส่วนอีกฝ่ายนั้นเพิ่มขึ้นมาเพียงแค่หนึ่ง รวมเป็นสองคนเท่านั้น!
มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดนั้นมั่นใจในความแข็งแกร่งของหลิงหยุนแต่ตัวมันต่างหากที่ไม่มั่นใจว่าหากพาหลิงเสี่ยวบินลงไปด้านล่างแล้ว มันจะยังสามารถคุ้มครองหลิงเสี่ยวให้ปลอดภัยได้อีกหรือไม่ แต่ระหว่างนั้นเสียงร้องตะโกนของหลิงหยุนก็ดังขึ้น“เอ็ดเวิร์ด.. เจ้าพาท่านพ่อบินลงมาด้านล่างได้เลย!”
สีหน้าของหลิงเสี่ยวที่ปะปนไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมายนั้นได้ปรากฏชัดอยู่ภายใต้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน เขารู้ว่าหลิงเสี่ยวนั้นต้องการที่จะลงมาด้านล่างอย่างมาก และหากเอ็ดเวิร์ดไม่ยอมบินลงมา หลิงหยุนเชื่อว่าพ่อของเขาก็จะต้องกระโดดลงมาเองอยู่ดี..
อีกทั้งได้เห็นเย่ซิงเฉินที่เพิ่งมาถึงและได้คุกเข่าทำการคาราวะหลิงเสี่ยวเช่นนั้น หลิงหยุนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลิงเสี่ยวอีก..
มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดกระพือปีกและค่อยๆร่อนลงพื้นด้านล่างอย่างช้าๆ และเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดก็บินลงมาอยู่ในระดับเหนือพื้นดินเพียงแค่สิบเมตรเท่านั้น..
และในเวลานั้นเอง..ซือกงวู่ฉิงที่กำลังยืนนิ่งเงียบรอดูท่าทีอยู่ ก็จู่โจมเข้าใส่หลิงเสี่ยวทันที!
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะลงสู่พื้นดินซือกงวู่ฉิงก็ได้ใช้เข็มซัดเข้าใส่ร่างของหลิงเสี่ยวที่ยังคงอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว!
ซือกงวู่ฉิงกะจังหวะเวลาได้ดีเยี่ยมและการซัดเข็มของเขานั้นก็ทั้งแม่นยำและรวดเร็ว และเข็มซัดก็กำลังพุ่งเข้าใส่จุดอ่อนบนร่างกายของหลิงเสี่ยว..
“เจ้าอย่าได้ฝันไปเลย!”
หลิงหยุนได้เตรียมตัวรออยู่นานแล้วและไม่รอให้เข็มซัดเหล่านั้นเข้าถึงร่างของหลิงเสี่ยว เขาจัดการซัดลมปราณออกจากฝ่ามือเข้าใส่เข็มซัดเหล่านั้นจนไถลออกไปจนพลาดเป้า..
หลิงเสี่ยวกระโดดลงตรงหน้าเย่ซิงเฉินและรีบยื่นมือออกไปจะจับแขนซ้ายของเย่ซิงเฉิน เพื่อพยุงให้นางลุกขึ้นจากพื้น
“เด็กดี..เจ้าลุกขึ้นเถิด! อย่าได้ทำเช่นนี้.. ลุงรับไม่ได้หรอก เจ้ารีบลุกขึ้นเร็วเข้า!”
แม้ว่าเย่ซิงเฉินจะนั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่แต่นางก็คล้ายกับมีตาอยู่บนศรีษะ แขนซ้ายของนางบิดออกจากรัศมีมือของหลิงเสี่ยวที่ยื่นออกมาจับและพูดกับหลิงเสี่ยวด้วยความเคารพนบนอบ..
“ลุงหลิง..หากยังไม่ได้ถ่ายทอดคำพูดของอาจารย์ออกมา เย่ซิงเฉินไม่กล้าที่จะลุกขึ้น!”
แม้ว่าในสถานที่แห่งนี้จะมีศัตรูล้อมรอบอยู่แต่เย่ซิงเฉินกลับยังคงนั่งคุกเข่านิ่งอยู่เช่นนั้น..
และทันทีที่หลิงเสี่ยวกระโดดลงจากแผ่นหลังของมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดแล้วมันก็รีบมายืนอยู่ด้านหน้าคนทั้งคู่ พร้อมกับสยายปีกใหญ่ออกปกป้องหลิงเสี่ยวกับเย่ซิงเฉินไว้ทันที!
หลิงเสี่ยวนั้นแม้ไม่ใช่คนที่ต้องมีพิธีรีตรองนักแต่เมื่อเย่ซิงเฉินไม่ต้องการที่จะลุกขึ้น เขาก็ไม่คะยั้นคะยอ และได้แต่ยืดตัวขึ้นตรงพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็พูดมา..ลุงกำลังฟังเจ้าอยู่!”
ในเมื่อเย่ซิงเฉินเป็ศิษย์ของหยิงชิงเฉวียนมีหรือที่หลิงเสี่ยวจะไม่อยากฟังคำพูดของนาง
“ท่านลุงหลิง..ท่านอาจารย์ได้มอบหมายงานให้ข้าทำสี่อย่าง!”
“เรื่องแรก..คือหาตัวลูกชายคนเดียวของท่านอาจารย์ซึ่งก็คือหลิงหยุนให้พบ”
“เรื่องที่สอง..คุ้มครองความปลอดภัยให้กับท่านลุงหลิง”
“เรื่องที่สาม..ตามหาท่านป้าจินเหยียวให้พบ”
“และเรื่องสุดท้าย..จัดการลงโทษผู้ที่ทำร้ายท่านกับอาจารย์อย่างสาสม”
“แต่ซิงเฉินกลับไม่สามารถทำสำเร็จสักอย่าง..ขอท่านลุงหลิงได้โปรดลงโทษข้าด้วย!”
หลิงเสี่ยวได้ฟังก็ถึงกับหัวเราะออกมา“ซิงเฉิน.. เจ้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกนัก!”
“เจ้าบอกว่าต้องตามหาตัวหลิงหยุนให้พบ..เวลานี้เขาก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่รึ ส่วนข้าเองก็ปลอดภัยดี ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใดๆเช่นกัน!”
“เจ้าทำงานสำเร็จลุล่วงไปแล้วสองเรื่อง..ส่วนเรื่องสุดท้ายยังต้องใช้เวลา เจ้าไม่ต้องรีบร้อนไป!”
“ส่วนเรื่องของจินเหยียวนั้น..นางไม่ได้อยู่กับอาจารย์ของเจ้าหรอกรึ เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่?”
จินเหยียวนั้นเป็นสาวใช้คนสนิทของหยิงชิงเฉวียนที่รักใคร่กันดั่งพี่น้องหลิงเสี่ยวจึงค่อนข้างเป็นห่วงนางอย่างมาก..
หลิงหยุนได้ฟังและได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้ ต่อให้เขาโง่เพียงใด ก็ต้องสามารถคาดเดาได้ว่า การที่เย่ซิงเฉินทำการคุกเข่าคาราวะพ่อของเขานั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าเย่ซิงเฉินจะต้องเป็นศิษย์ของท่านแม่เขา..
“ท่านพ่อ..ข้าจะเป็นคนเล่าเรื่องท่านป้าจินเหยียวให้ท่านฟังเอง..” จู่ๆ หลิงหยุนก็พูดขึ้นมา
“เมื่อสิบแปดปีก่อน..หลังจากที่ข้าคลอดออกมาได้ไม่ถึงเดือน ซือกงถูก็ได้แอบทำลายเส้นลมปราณหยางเจี๋วยของข้า ท่านแม่เกรงว่าหากข้ายังอยู่ในพรรคมารต่อไป อาจจะไม่มีโอกาสได้เติบใหญ่ จึงได้สั่งให้ท่านป้าจินเหยียวแอบนำข้าออกมาจากพรรคมารอย่างลับๆ แต่กลับถูกซือกงถูสะกดรอยตาม และไล่ล่าไปจนถึงวัดหลิงเจี๋วยในเมืองจิงฉู..”
“แต่ในที่สุด..ท่านป้าจินเหยียวก็ถูกซือกงถูจับได้ และเพื่อต้องการปกป้องชีวิตของข้าไว้ นางจึงพาซือกงถูกระโดดลงจากหน้าผาไปพร้อมกับนาง..”
“นับตั้งแต่นั้นมา..ท่านป้าจินเหยียวจะยังอยู่ หรือตายไปแล้ว ข้าเองก็ไม่อาจรู้ได้! และหากยังไม่ตาย นางจะอยู่แห่งหนใด ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน!”
และนี่คือโศกนาฏกรรมที่เกิดกับหลิงหยุนและในเวลานี้ตัวเขาเองก็รู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ จึงได้บอกเล่าออกมาต่อหน้าทุกคน..
“ห๊ะ!”
หลังจากที่เย่ซิงเฉินได้ฟังคำบอกเล่าของหลิงหยุนนางก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ที่ผ่านมานั้น.. เย่ซิงเฉินรู้เพียงว่าจินเหยียวได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่นำตัวหลิงหยุนออกนอกดินแดนต้องห้ามของพรรคมาร! แต่นางไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องน่าเศร้าเช่นนี้กับจินเหยียว!”
“ซือกงถู..!”
ทั้งหลิงเสี่ยวและเย่ซิงเฉินต่างก็คำรามชื่อของซือกงถูออกมาพร้อมกันอย่างเคียดแค้นและต่างก็กำหมัดแน่นเพื่อพยายามที่จะระงับความคั่งแค้นในใจ..
แต่ในที่สุดหลิงเสี่ยวก็ไม่อาจทานทนต่อไปได้เขาร้องตะโกนออกมาอย่างคับแค้นใจ “ซือกงถู.. นี่เจ้าถึงกับไม่ยอมให้เด็กบริสุทธิ์คนหนึ่งได้เติบใหญ่ เจ้ามันโหดเหี้ยมอำมหิตเกินมนุษย์จริงๆ!”
หากเปรียบเทียบความโกรธแค้นของหลิงเสี่ยวและเย่ซิงเฉินกับหลิงหยุนนั้นการแสดงออกของหลิงหยุนนับว่าแตกต่างจากทั้งสองคน สำหรับหลิงหยุนแล้ว.. การร้องตะโกนออกมาด้วยความเคียดแค้นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร มีเพียงต้องปลิดชีวิตของซือกงถูเท่านั้น เขาจึงจะหายแค้น!
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
ซือกงถูที่อดทนฟังคำพูดของทุกคนมานาน..ในที่สุดมันก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะร้องตะโกนใส่หลิงหยุน
“หลิงหยุน..เจ้าเด็กเมื่อวานซืน! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้เรื่องราวมากมายถึงเพียงนี้ ไม่เลวเลยนี่! เรื่องที่เจ้าเล่าเมื่อครู่นั้นไม่ได้ผิดแผกไปจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสิบแปดปีก่อนเลย เพียงแต่ข้าถูกกำหนดมาให้มีชีวิตที่ยืนยาวต่างหาก จินเหยียวจึงไม่สามารถสังหารข้าได้ไงเล่า”
“หลิงหยุน..ใหนๆวันนี้เจ้าก็อยู่ต่อหน้าข้าแล้ว ข้าก็จะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้เจ้าฟังเอาบุญก็แล้วกัน!”
“ในคืนนั้น..ไม่เพียงข้าเท่านั้นที่ไม่ตาย แต่จินเหยียวเองก็ยังไม่ตายด้วยเช่นกัน! เพียงแต่ตอนนี้นางได้เสียสติไปแล้ว!”
“นั่นเพราะในครั้งนั้น..นางต้องการที่จะสังหารข้าให้ได้ จนถึงกับยอมใช้ปราณปีศาจทั่วร่างเพื่อระเบิดตัวเองให้ตายไปพร้อมกับข้า แต่นางเกิดธาตุไฟแตกเสียก่อน และเวลานี้นางก็ได้กลายเป็นปีศาจที่มีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แล้วก็เสียสติไปแล้ว!”
“ช่างน่าสงสารนัก!เวลานี้ใบหน้าที่เคยงดงามของนางกลับกลายเป็นน่าเกลียดยิ่งกว่าอะรไ หากนางไม่มีใบหน้าที่น่าเกลียดเช่นนั้น ข้าก็คงจะมีลูกกับนางไปแล้ว ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า..”
ซือกงถูซึ่งโกรธแค้นจินเหยียวอย่างมากเพราะนาง.. ทำให้เขาต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานใจมานานถึงสิบแปดปี การเล่าเรื่องราวเมื่อสิบแปดปีก่อนของซือกงถู จึงไม่ต่างจากการระบายความเคียดแค้นออกมาทางคำพูด..
เวลานี้ความจริงทุกอย่างก็ได้กระจ่างชัดแล้ว!
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของซือกงถู..หลิงหยุนก็ถึงกับกัดฟันแน่น แววตาของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม และคมกริบราวกับกระบี่ แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ยังไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว และเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก นอกจากรอเวลาที่จะแก้แค้นเท่านั้น!
“ซิงเฉิน..เจ้าลุกขึ้นก่อน! อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย รอให้กลับไปบ้านก่อนแล้วค่อยบอกเล่ารายละเอียดให้ข้าฟัง ดังคำโบราณว่าความเจ็บแค้นทรมานของเรา คือความสุขของศัตรู!” Aileen-novel
หลิงเสี่ยวอดทนกล้ำกลืนความทุกข์ใจอันแสนสาหัสนั้นไว้และบอกเย่ซิงเฉินให้ลุกขึ้นเพราะที่นี่ไม่เหมาะแก่การพูดจา..
แต่เย่ซิงเฉินกลับส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพูดขึ้นอย่างหนักแน่น“ท่านลุงหลิง.. ท่านอาจารย์ย้ำว่า หากข้าได้พบท่าน จะต้องถ่ายทอดคำพูดประโยคนี้ของอาจารย์ให้ท่านได้รู้ ไม่เช่นนั้นข้าเองก็ไม่กล้าลุกขึ้น!”
จากนั้น..เย่ซิงเฉินก็พูดต่อด้วยเสียงที่ดังฟังชัด “ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าบอกกับท่านลุงหลิงว่า..”
“ท่านพี่หลิง..ชิงเฉวียนยังคงคอยท่านอยู่ที่แดนต้องห้ามของพรรคมาร ท่านต้องตามหาลูกของเราให้พบ เพื่อให้เราสามคนพ่อแม่ลูกได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง! ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่ออยู่เคียงคู่ท่าน..”
หลังจากที่ฟังคำพูดประโยคนี้จากปากเย่ซิงเฉินจบ..ร่างสูงใหญ่ของหลิงเสี่ยวกับหลิงหยุนก็ถึงกับสั่นสะท้าน น้ำตาไหลเอ่อล้นดวงตาของหลิงเสี่ยวอย่างยากที่จะหักห้ามได้ แม้แต่หลิงหยุนเองยังรู้สึกชื้นที่ดวงตาทั้งสองข้างเช่นกัน!
จากนั้น..พ่อลูกต่างก็ร้องตะโกนออกมาอย่างสะเทือนใจพร้อมกัน!
“ชิงเฉวียน..”
“ท่านแม่..”
สิบแปดปีมาแล้ว..ที่สามีไม่อาจพบหน้าภรรยา พ่อไม่อาจพบหน้าลูก และลูกก็ไม่เคยพบแม้แต่หน้าของแม่ผู้ให้กำเนิด!
ทันทีที่ได้ยินหลิงเสี่ยวผู้เป็นพ่อและหลิงหยุนผู้เป็นลูกร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดเช่นนั้น เย่ซิงเฉินเองก็ถึงกับดวงตาแดงก่ำขึ้นมาเช่นกัน เพราะหยิงชิงเฉวียนนั้นไม่ต่างจากมารดาบังเกิดเกล้าของเย่ซิงเฉินเลยแม้แต่น้อย นางเฝ้าพร่ำสอน และอบรมถ่ายทอดวิชาให้มาตลอดสิบแปดปี
แต่ถึงกระนั้น..เย่ซิงเฉวียนเองก็ไม่เคยรู้เรื่องราวที่แสนจะเจ็บปวดของครอบครัวนี้มาก่อนเลย!
“เอาล่ะ..ในเมื่อคำพูดของอาจารย์เจ้าก็ได้พูดออกมาแล้ว เจ้าก็ลุกขึ้นเถิด!”
ในที่สุดหลิงเสี่ยวก็สามารถสงบจิตสงบใจลงได้และรีบเอื้อมมือไปดึงเย่ซิงเฉินให้ลุกขึ้นจากพื้นทันที..
“ซิงเฉิน..จดหมายที่ลุงได้รับจากอาจารย์ของเจ้า เป็นเจ้าที่ส่งให้ข้าใช่หรือไม่”
ใบหน้างดงามของเย่ซิงเฉินนั้นแดงขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ“ใช่แล้ว! เพียงแต่ครั้งนั้นซิงเฉินคำนึงถึงความปลอดภัยของท่านลุง จึงไม่กล้าที่จะปรากฏตัว!”
จดหมายที่หลิงเสี่ยวได้รับในครั้งนั้นก็คือจดหมายที่เขียนโดยหยิงชิงเฉวียนซึ่งมีใจความขอร้องให้เขาออกตามหาหลิงหยุน!
“ดี..ดี.. ดี..”
หลิงเสี่ยวตื่นเต้นดีใจอย่างมากจนพูดออกมาได้เพียงแค่สามคำ! หากไม่ใช่เพราะจดหมายฉบับนั้นของหยิงชิงเฉวียน วันนี้พ่อกับลูกจะสามารถมาพบเจอกันได้อย่างไร
อีกทั้งยังเป็นลูกชายของเขายังเป็นเด็กหนุ่มที่ห้าวหาญหลิงเสี่ยวเชื่อว่าหลิงหยุนจะไม่เกรงกลัวต่อภยันตราย และจะต้องบุกไปช่วยแม่บังเกิดเกล้าอย่างแน่นอน!
“หยิงชิงเฉวียน..นางหญิงแพศยา!”
“เจ้าถูกคุมขังมานานถึงสิบแปดปีแต่กลับครุ่นคิดถึงแต่มัน และยังกล้าแอบส่งสาส์นลับให้กับมันอีกงั้นรึ”
ทันทีที่ซือกงถูได้ยินคำพูดของเย่ซิงเฉินที่พูดกับหลิงเสี่ยวศัตรูที่เขาเกลียดเข้ากระดูกดำนั้นเขาก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความคับแค้นใจ..
“ซือกงถู..เจ้าหยุดกล่าววาจาสามหาวได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซือกงถูที่พูดถึงหยิงชิงเฉวียนอย่างไร้มารยาททั้งหลิงหยุน หลิงเสี่ยว และเย่ซิงเฉิน ต่างก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมๆกัน!
หลิงหยุนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป..โทสะของเขาพลุ่งพล่านขึ้นมาสุดขีด และต้องการที่จะสังหารซือกงถูให้ตายทันที!
แต่ในขณะนั้นเอง..ร่างสีดำที่เคลื่อนไหวไปมาได้รวดเร็วราวกับภูติผีปีศาจก็ปรากฏตัวขึ้นในลานบ้าน และวิชาตัวเบาของคนผู้นี้ก็ช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เรียกได้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชามังกรพรางร่างของหลิงหยุนเลย!
“หลิงหยุน..หลิงหยุน.. เหตุใดข้าจึงรู้สึกคุ้นชื่อนี้นัก”
“หยิงชิงเฉวียน..ชื่อนี้ข้าเองก็คุ้นเช่นกัน!”
“โอ๊ย..ข้าปวดหัว ข้าคิดอะไรไม่ออก..”
“แล้วข้าชื่ออะไรกันแน่ข้าเป็นใครกันแน่?”
ร่างบอบบางในชุดดำที่สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้านั้นพึมพำออกมากับตนเอง พร้อมกับหันศรีษะมองไปรอบตัวอย่างช้าๆ ในที่สุดสายตาของนางก็ไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของหลิงเสี่ยว และจ้องมองอยู่เช่นนั้นโดยไม่พูดอะไร ดวงตาของนางมีเพียงความงุนงงสงสัย..
“จิน..จินเหยียว!”
หลิงเสี่ยวจดจำรูปร่างและดวงตาคู่นั้นได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากของเขาสั่นระริกในระหว่างที่ร้องตะโกนเรียกชื่อจินเหยียวออกไป “ท่านป้าจินเหยียว..!”
เย่ซิงเฉินเหลือบมองหญิงที่นางเฝ้าตามหามาเป็นเวลานาน..!