อะไรนะ!
หลิงหยุนฟังคำบอกเล่าของเย่ซิงเฉินแล้วถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจนั่นเพราะหากสิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริงย่อมหมายความว่า ในประเทศนี้มีผู้ฝึกบ่มเพาะตนอย่างเขาอยู่จริงๆ และน่าจะมีจำนวนมากอย่างที่เขาคิดไม่ถึง..
และหากตระกูลเย่สามารถจัดประมูลของวิเศษจากผู้ฝึกบ่มเพาะเช่นเขาได้ตระกูลเย่ย่อมต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้บ่มเพาะตนเหล่านั้นด้วย..
หากเป็นเช่นนั้นจริง..ตระกูลเย่จะมีอำนาจอิทธิพลมหาศาลมากเพียงใด เพราะแม้แต่เหล่าผู้บ่มเพาะตนยังต้องให้หน้าตระกูลเย่!
เมื่อคิดได้เช่นนี้..คิ้วรูปดาบของหลิงหยุนถึงกับขมวดเข้าหากันแน่น! หากห้องประมูลของตระกูลเย่มีของวิเศษที่เหล่าผู้บ่มเพาะนำมาประมูลแลกเปลี่ยนกันจริงย่อมเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนของเขาในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน..
นั่นเพราะของวิเศษต่างๆที่เขาไม่ต้องการแล้วก็สามารถนำไปขายผ่านห้องประมูลนี้ และยังสามารถหาซื้อของวิเศษที่คาดไม่ถึงได้จากที่ห้องประมูลนี้ด้วยเช่นกัน!
หลิงหยุนกำลังครุ่นคิดถึงประโยชน์มากมายมหาศาลที่ผู้จัดการประมูลจะได้รับ..
ในเมื่อผู้จัดการประมูลคือผู้ที่ได้เห็นของที่จะนำมาประมูลเป็นคนแรกหากพบว่าเป็นสมบัติล้ำค่าจริง ผู้จัดประมูลสามารถซื้อเก็บไว้เองได้ แล้วจึงนำมาขายเมื่อมีผู้สนใจอยากได้จริงๆ เช่นนี้แล้วจะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
นอกเหนือจากเงินทองจำนวนมากที่จะได้รับ..ผู้จัดประมูลยังจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เป็นความลับอีกมากมาย
ผู้ที่สามารถจัดห้องประมูลชาวยุทธขนาดใหญ่ได้จึงสามารถควบคุมชาวยุทธ ควบคุมทรัพยากรในการฝึก ควบคุมข้อมูลข่าวสาร และควบคุมผลกำไรได้ตามใจชอบ..
เช่นนี้แล้วตระกูลหลงกับตระกูลเย่จะยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากเพียงใด
เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่หลิงหยุนเองก็เคยจัดการประมูลในลักษณะนี้มาก่อนเช่นกัน จึงรู้ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นมีมากมายมหาศาลเพียงใด
ในครั้งนั้นเขาเองก็นำเอาโอสถที่กลั่นเองยันต์ที่ตนเองปลุกเสก หินพลังชีวิต และอีกมากมายมาขายในห้องประมูลที่ตนเองจัดขึ้นเช่นกัน..
หลิงหยุน..อาจารย์ของเจ้าเป็นผู้ใดกัน นี่เขาไม่ได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้เจ้าฟังบ้างเลยงั้นรึ? เจ้าถึงได้ทำหน้าตาตกใจราวกับเด็กไร้เดียงสาเช่นนี้..
เย่ซิงเฉินถามขึ้นเมื่อเห็นหลิงหยุนนิ่งอึ้งไปหลังจากที่ตนพูดเรื่องผู้บ่มเพาะตนขึ้นมาแล้วจึงอธิบายต่อว่า เขาจงหนานเป็นสถานที่ที่เหล่าผู้ฝึกบ่มเพาะตนไปรวมตัวกันและที่เขาฉู่ซานก็มีเซียนกระบี่ คุนหลุนมีดินแดนลี้ลับ และเผิงไล๋ซึ่งอยู่แถบทะเลจีนตะวันออกก็มีเหล่าเซียนในตำนานเล่าขานอาศัยอยู่..
เย่ซิงเฉินอธิบายให้หลิงหยุนฟังอย่างละเอียดแต่หลิงหยุนกลับกำลังครุ่นคิดอยู่กับเรื่องห้องประมูลชาวยุทธ เขาจึงรีบบอกกับนางว่า
เรื่องผู้บ่มเพาะตนบนโลกใบนี้ข้าเองก็รู้มานานแล้ว..
ไม่ว่าจะเป็นสมุดจักรพรรดิพู่กันจักรพรรดิ หม้อเสินหนง ตะเกียงวิเศษ ประคำโพธิ น้ำเต้าวิเศษ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นของวิเศษที่เหล่ายอดฝีมือระดับปรมาจารย์ใช้ทั้งสิ้น..
อีกทั้งมังกรจริงๆหลิวเทวะวิญญาณ แม้กระทั่งร่างของหลวงจีนกายเพชร เขาก็เห็นมากับตาตัวเองแล้วเช่นกัน..
หนำซ้ำเมื่อคืนวันที่14 กรกฏาคมตามปฏิทินจีนนั้น หลิงหยุนก็ได้พบกับผู้บ่มเพาะตนที่ค่ายกลดักมังกรมาแล้วด้วย..
แต่สิ่งที่เย่ซิงเฉินเปิดเผยออกมานั้นหลิงหยุนเองก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเช่นกัน แต่นั่นทำให้เขาเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่า ตำนานเล่าขานที่เล่ากันต่อๆมานั้น น่าจะมีมูลความจริงอยู่มาก..
เขามาจากโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่เริ่มฝึกบ่มเพาะมาจนเกือบจะเข้าสู่ขั้นอมตะได้ จึงพบเห็นสิ่งที่อัศจรรย์ และน่าเหลือเชื่อมามากมาย..
เย่ซิงเฉินมองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับถามยิ้มๆ ก็ถ้าเจ้ารู้แล้ว เหตุใดยังต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนั้นด้วยเล่า
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า ข้ากำลังคิดเรื่องห้องประมูลชาวยุทธอยู่!
เย่ซิงเฉินนึกแปลกใจที่หลิงหยุนยังคงคิดเรื่องนี้อยู่ ห้องประมูลชาวยุทธมีอยู่มากมาย เจ้ากำลังคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นรึ หลิงหยุนยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ ก็ในเมื่อข้ามาอยู่ปักกิ่งแล้ว.. ห้องประมูลชาวยุทธก็ไม่ควรตกอยู่ในมือของตระกูลหลงกับตระกูลเย่อีกน่ะสิ!
เย่ซิงเฉินเข้าใจได้ในทันทีและรีบถามกลับไปว่า นี่เจ้าคิดจะแย่งธุรกิจนี้มาจากตระกูลหลงกับตระกูลเย่งั้นรึ
หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างถูกใจและเอื้อมมือออกไปจะจับไหล่บอบบงของเย่ซิงเฉิน แต่นางเบี่ยงหลบเสียก่อน แล้วเอ่ยชมว่า
เจ้าช่างหลักแหลมนัก!ถูกต้องแล้ว.. ข้าจะแย่งกิจการนี้มาจากตระกูลหลงกับตระกูลเย่..
หากเขาทำเช่นนั้นจริง..ตระกูลหลิงคงต้องเป็นศัตรูกับสองตระกูลใหญ่อย่างแน่นอน และหลิงหยุนเองก็รู้ว่าตระกูลหลงกับตระกูลเย่นั้น เป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง และน่ากลัวยิ่งนัก!
เย่ซิงเฉินไม่ใช่หญิงสาวที่หวาดกลัวอะไรง่ายๆหลังจากได้ฟังคำตอบของหลิงหยุน นางจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เจ้ามีแผนการแล้วงั้นรึ
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า เรื่องนี้ข้ายังไม่รีบร้อนนัก! รอให้จัดการกับตระกูลซันและตระกูลเฉินเสียก่อน แล้วเราค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันอีกครั้้ง..
เมื่อพูดถึงตระกูลซันกับตระกูลเฉินขึ้นมาสีหน้าของเย่ซิงเฉินก็เปลี่ยนเป็นกังวลใจขึ้นมาทันที หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็พอจะคาดเดาได้ว่า ต้องมีเรื่องที่หนักหนาเกินกว่าที่เขาจะสามารถควบคุมได้ จึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า
มีเรื่องหนักใจงั้นรึ
เย่ซิงเฉินพยักหน้าและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด หลิงหยุน.. ตระกูลเฉินรับมือได้ยากกว่าที่เจ้าคิดไว้มาก เจ้าต้องระมัดระวัง และเตรียมการให้ดี!
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ไร้กังวล เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของคนตระกูลหลิง ข้าย่อมต้องเตรียมการรับมืออย่างดีที่สุดอยู่แล้ว! และเวลานี้..หลิงหยุนก็ได้เตรียมการจนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงแค่การเตรียมการเล็กๆน้อยๆอย่างการปลุกเสกยันต์ระดับสูง และเร่งฝึกฝนให้ร่างกายของตนเองเข้าสู่ความสมบูรณ์สูงสุด เพื่อให้พร้อมเผชิญหน้ากับการประลอง..
แต่เย่ซิงเฉินกลับส่ายหน้าไปมาอย่างกังวลใจและพูดขึ้นว่า หลิงหยุน.. มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด..
จากข่าวที่ข้าได้มา..เวลานี้เฉินจิ้งเฉวียนได้ยอดฝีมือจากหน่วยนภามาช่วยอย่างน้อยสี่คน และทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือระดับเซียงเทียน-9 ขึ้นไปแล้วทั้งสิ้น!
หากนับรวมเฉินจิ้งเฉวียนด้วยแล้ว..ฝ่ายนั้นก็มียอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 ถึงห้าคนเลยทีเดียว!
นอกจากนี้..เฉินจิ้งเฉวียนยังส่งคนไปประเทศญี่ปุ่น เชิญนินจาระดับอาวุโสให้มาช่วยในครั้งนี้ด้วย และนินจาอาวุโสเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลโทคุงาวะ และตระกูลยากิอุซึ่งเป็นศัตรูของเจ้าทั้งสิ้น!
หากข้าคาดการไม่ผิด..นินจาอาวุโสเหล่านั้นจะมาถึงตระกูลเฉินไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้!
ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9ห้าคน หนำซ้ำยังนินจาอาวุโสจากตระกูลโทคุงาวะ และตระกูลยากิอุจากประเทศญี่ปุ่นร่วมด้วยอีก หลิงหยุนได้ฟังยังถึงกับใจสั่น และตกใจไม่น้อย!
นั่นเพราะต่อให้หลิงหยุนสามารถเอาชนะตระกูลเฉินได้ก็ต้องกลายมาเป็นศัตรูกับหน่วยนภา และเหล่านินจาญี่ปุ่นอีก..
หลิงหยุนถึงกับกรอกตาไปมาและร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห เฉินจิ้งเฉวียน.. เจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก ถึงตายก็ยังทิ้งศัตรูไว้ให้ข้าอีกงั้นรึ
เย่ซิงเฉินจ้องมองหลิงหยุนด้วยสีหน้านิ่งเรียบและพูดต่อว่า ข้ารู้มาว่าครั้งนี้เหล่านินจาที่เฉินจิ้งเฉวียนเชิญมานั้นล้วนเป็นนินจาขั้นเงาทั้งสิ้น แต่จะเชิญมากี่คนนั้นข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้าว่าต้องไม่ต่ำกว่าห้าคนเป็นแน่! หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับถามขึ้นว่า นินจาขั้นเงางั้นรึ
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนจับยามาดะกับมิตซุยมาได้นั้นเขาได้ข้อมูลมาว่านินจาขั้นโจนินนั้นเหนือกว่าขั้นจูนิน และที่เหนือกว่าโจนินก็คือนินจาขั้นเงา..
ตระกูลโทคุงาวะนั้นมีนินจาขั้นเงาอยู่มากมายและที่สำคัญยังมีนินจาที่แข็งแกร่ง และลึกลับอย่างนินจาขั้นเงาเทวะด้วย!
และนี่คือนินจาที่ทรงพลังและแข็งแกร่งที่สุดแล้ว!
………..
หลิงหยุนนึกขอบคุณยามาดะที่ได้บอกข้อมูลเกี่ยวกับนินจาให้ตนฟังในครั้งนั้นทำให้เขาสามารถประเมินความแข็งแกร่งของนินจากระดับต่างๆได้ดีขึ้น..
ยามาดะนั้นเป็นนินจาขั้นจูนินเทียบเท่ายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-7
ส่วนโทคุงาวะมุโตะซึ่งเขาสังหารตายที่เทือกเขาเซียนเหยินหลิงนั้น เป็นนินจาขั้นโจนินซึ่งเทียบเท่ากับยอดฝีมือที่เหลืออีกเพียงครึ่งระดับก็จะเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9
หลิงหยุนประเมินว่านินจาขั้นโจนินน่าจะอยู่ในระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9เช่นนั้นแล้วนินจาขั้นเงาที่เหนือกว่าขั้นโจนินน่าจะอยู่ในระดับสองขั้นเซียงเทียน-9ขึ้นไปอย่างแน่นอน!
นั่นหมายความว่า..หากเฉินจิ้งเฉวียนเชิญนินจาขั้นเงามาจริง หลิงหยุนก็จะต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสองขั้นเซียงเทียน-9 อีกถึงห้าคน!
แต่นั่นเป็นเพียงแค่ขั้นของกำลังภายในเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเหล่านินจายังมีวิชาพรางตัว อาวุธลับ และคาถาอาคมอีกมากมาย จึงมีรูปแบบการต่อสู้ที่สามารถพลิกแพลงได้หลากหลาย นับเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งสำหรับหลิงหยุนมากทีเดียว!
ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติจากหน่วยนภาห้าคนและนินจาขั้นเงาอีกอย่างน้อยห้าคน มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที!
ไม่แปลกที่เย่ซิงเฉินเรียกหลิงหยุนมาพบเพื่อเตือนให้ระมัดระวังตัวเพราะด้วยกำลังความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเวลานี้ หากเทียบกับยอดฝีมือที่ตระกูลเฉินเตรียมมานั้น อาจพูดได้ว่าตระกูลหลิงกำลังเดินเข้าไปหาความตายก็ไม่ผิดนัก!
แต่สิ่งที่เย่ซิงเฉินรู้มานั้นก็เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะหลิงหยุนเองก็เชื่อว่าคนอย่างเฉินจิ้งเฉวียนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางสู้กับเขาซึ่งหน้าอย่างตรงไปตรงมาเป็นแน่..
เมื่อเห็นสีหน้าของหลิงหยุนเย่ซิงเฉินจึงถามยิ้มๆ ทำไม ตอนนี้รู้สึกกดดันแล้วงั้นรึ?
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า เฉินจิ้งเฉวียนเชิญยอดฝีมือระดับปรมาจารย์มามากมายเช่นนี้ หากเป็นเจ้า เจ้าจะไม่รู้สึกกดดันงั้นรึ
แต่เรื่องที่เย่ซิงเฉินกำลังจะเล่าต่อไปนั้นก็ทำให้หลิงหยุนแทบกระอักเลือดทันที!
ยังมีอีกเรื่องที่ข้ารู้มา..
ครั้งนี้เพื่อจะจัดการกับเจ้าให้ได้..ตระกูลซันยังได้เข้าเป็นพันธมิตรกับตระกูลเฉิน และตระกูลซันเองก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ผู้นำตระกูลซันได้เชิญยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนจากหน่วยนภามาคุ้มครอง และได้เชิญตระกูลเก่าแก่ต่างๆให้มาร่วมมือด้วย..
แล้วยอดฝีมือจากตระกูลเก่าแก่เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-9 ด้วยเช่นกัน!
นี่เท่ากับว่าเจ้ากำลังถูกขนาบด้วยยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9จากทั้งสองตระกูล!
หลิงหยุนกระพริบตาพร้อมกับถามขึ้นว่า นี่หมายความว่าตระกูลซันก็จะเข้าร่วมการประลองพร้อมกับตระกูลเฉิน เพื่อจัดการกับตระกูลหลิงด้วยงั้นรึ
เย่ซิงเฉินพยักหน้า ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน! เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวของตระกูลซัน หากข้าคาดการไม่ผิด.. ภายในสองสามวันนี้ตระกูลซันต้องประกาศสงครามกับตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการแน่! Aileen-novel
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบากพร้อมกับเรียกหาเก้าอี้ทันที เก้าอี้.. เจ้าหาเก้าอี้ให้ข้านั่งหน่อย ข้าหมดเรี่ยวแรงจะยืนต่อแล้ว!
เย่ซิงเฉินร้องตะโกนบอกเสียงดังด้วยความรำคาญเมื่อเห็นหลิงหยุนแสดงท่าทางเกินจริง อยู่ข้างหลังเจ้าไงเล่า!
หลิงหยุนรีบทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทันที..
ครั้งนี้..หากหลิงหยุนสามารถเอาชนะตระกูลเฉินได้ ก็ต้องกลายมาเป็นศัตรูกับหน่วยนภาที่แข็งแกร่งกว่าตระกูลเฉินหลายเท่านัก มันช่างไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ!
และหากหลิงหยุนสังหารเหล่านินจาอาวุโสขั้นเงาก็ย่อมเป็นการเปิดศึกกับเหล่านินจาทั้งประเทศญี่ปุ่น เช่นนี้แล้วด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเวลานี้ จะสามารถรับมือได้อย่างไรกัน หลิงหยุนพยายามสงบจิตสงบใจและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ตระกูลหลิงปฏิเสธคำท้าจากตระกูลซันได้หรือไม่
เย่ซิงเฉินตอบกลับทันที ย่อมได้อยู่แล้ว! แต่หากตระกูลซันเยาะเย้ยถากถาง เจ้าจะทนไม่รับคำท้าได้งั้นรึ
หากตระกูลหลิงไม่รับคำท้าก็ย่อมแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของตระกูลหลิง และถึงแม้ว่าตระกูลหลิงจะไม่ยอมรับคำท้า ตระกูลซันก็สามารถส่งคนไปช่วยตระกูลเฉินได้อยู่ดี เพราะตามกฏแล้ว ตระกูลเฉินสามารถเชิญยอดฝีมือภายนอกมาช่วยได้!
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งเย่ซิงเฉินก็เตือนหลิงหยุนว่า หลิงหยุน.. เจ้าต้องระมัดระวังตระกูลเก่าแก่ที่ตระกูลซันเชิญมาให้ดี พวกเขาล้วนเป็นตระกูลเก่าแก่จากโพ้นทะเล! ภูมิหลังของพวกเขายิ่งใหญ่มากทีเดียว
เย่ซิงเฉินไม่รอให้หลิงหยุนต้องถามและเล่าต่อทันที ตระกูลใหญ่แถบโพ้นทะเลนี้ มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้บ่มเพาะตนที่อยู่แถบทะเลจีนตะวันออก..
ชาวยุทธในประเทศนี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆคือกลุ่มภาคพื้นดิน และกลุ่มโพ้นทะเล กลุ่มภาคพื้นดินเจ้าเองก็พอรู้เห็นมาบ้างแล้ว ข้าจะไม่พูดถึง..
กลุ่มโพ้นทะเลนั้นเกิดจากการรวมกลุ่มกันระหว่างยอดฝีมือจากสำนักต่างๆ และตระกูลเก่าแก่ที่อาศัยอยู่ในแถบทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้..
เมื่อหลายพันปีก่อนเหล่าชาวยุทธจากสำนักต่างๆและตระกูลเก่าแก่ที่เคยร่วมกันทำสงคราม ได้หลบหนีศัตรูไปอยู่ตามเกาะกลางทะเลในแถบทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้..
ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติและผู้บ่มเพาะมากมาย ที่หลงเสน่ห์ตำนานเซียนบนเกาะเผิงไล๋ ต่างก็พากันย้ายไปอยู่ในดินแดนแถบทะเลจีนตะวันออก และตั้งกลุ่มชื่อว่าพันธมิตรทะเลจีนตะวันออก!
ดินแดนแถบทะเลจีนตะวันออกนั้นจึงเป็นพื้นที่พิเศษ และไม่อยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ใดๆของเหล่าชายยุทธภาคพื้นดิน ที่นั่น.. เคารพกันด้วยความแข็งแกร่งเท่านั้น!
ตระกูลเก่าแก่ที่สามารถครอบครองดินแดนและมีชีวิตรอดอยู่ในดินแดนแถบทะเลจีนตะวันออกได้นั้น จึงต้องแข็งแกร่ง และมีอำนาจอิทธิพลอย่างมากมาย!
……
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับหนักอกหนักใจและคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้นั้นหนักหน่วงกว่าที่เขาคิดไว้มาก..
แล้วทะเลจีนใต้ล่ะ
กลุ่มนั้นก็จะเรียกว่าพันธมิตรทะเลจีนใต้!ไว้มีเวลาข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง!
ก็จะเรียกว่าพันธมิตรทะเลจีนใต้ไงเล่า!ที่นั่นก็มีเกาะมากมายเช่นกัน ไว้มีเวลาข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง! ทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกันมาก..
…… หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก..แต่แล้วก็หันไปบอกเย่ซิงเฉินว่า
พันธมิตรทะเลจีนตะวันออกและพันธมิตรทะเลจีนใต้ ล้วนแล้วแต่น่าสนใจยิ่งนัก วันหน้าพวกเราไปที่นั่นกันดีกว่า!
แม้ข้าเองจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลเก่าแก่หรือสำนักต่างๆของกลุ่มพันธมิตรทะเลจีนตะวันออก แต่หากพวกเขามาช่วยตระกูลซันเช่นนี้ ข้าก็คงต้องสังหารไม่ไว้หน้าเช่นกัน!
หลิงหยุนร้องบอกเย่ซิงเฉินด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจและไม่หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย..
เย่ซิงเฉินจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า หลิงหยุน ข้าเล่าให้เจ้าฟังตั้งมากมาย เจ้าไม่รู้สึกหวาดกลัวบ้างเลยงั้นรึ
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า หวาดกลัวงั้นรึ ขอบอกตามตรง.. ในหัวของข้าไม่เคยมีคำคำนี้!
เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเอ้อเฉิงชี่มีจิตหยั่งรู้อันทรงพลัง มีกระบี่เหินเงาธนู มีแหวนจักรวาล มีสมุดจักรพรรดิ และพู่กันจักรพรรดิ มีหลิวเทวะวิญญาณ และของวิเศษอีกมากมาย..
เหตุใดเขายังต้องหวาดกลัวอีกเล่า
เย่ซิงเฉินมองหลิงหยุนด้วยความตกตะลึงและเปลี่ยนเป็นชื่นชม พร้อมกับแอบคิดว่าชายห้าวหาญเยี่ยงหลิงหยุนเท่านั้นจึงจะคู่ควรกับนาง..