Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1140 : ตบหน้าสั่งสอน!

   อะไรนะ!เด็กนี่นะเหรอ.. ผู้นำตระกูลหลิง?! 

   นี่..จะเป็นไปได้ยังไงกัน ผู้นำตระกูลหลิงไม่ใช่หลิงเจิ้นหรอกเหรอ? 

   เขายังเด็กเกินไป!ดูเหมือนจะอายุไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ จะไปรู้เรื่องธุรกิจได้ยังไง! 

   หลิงหยุนเหรอทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูนักนะ?! ว่าแต่ฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ใหนกันนะ?! 

  ……

  หลังจากที่หลิงเย่วได้ประกาศฐานะของหลิงหยุนต่อหน้านักธุรกิจทุกคนในห้องรับแขกแล้วเวลานี้ทุกคนต่างก็ได้แต่นิ่งอึ้งไปตามๆกัน

  หลิงเย่วยกมือขึ้นห้ามเป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนในห้องอยู่ในความสงบพร้อมกับพูดขึ้นว่า   เอาล่ะ..ทุกท่านได้โปรดอยู่ในความสงบก่อน! 

  และเมื่อทุกคนต่างก็นิ่งเงียบกันแล้วหลิงเย่วจึงยิ้มออกมา และย้ำกับทุกคนในห้องว่า  ทุกท่านไม่จำเป็นต้องสงสัยเรื่องผู้นำตระกูลหลิง.. ตามกฏของตระกูล.. ทายาทที่มีอายุสิบแปดปีขึ้นไปจะสามารถขึ้นเป็นผู้นำตระกูลได้! 

  คำอธิบายของหลิงเย่วนั้นเท่ากับเป็นการประกาศย้ำฐานะผู้นำตระกูลหลิงของหลิงหยุนให้คนนอกได้รับรู้อย่างเป็นทางการ และเป็นการผลักดันหลิงหยุนให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงอย่างจริงจังเสียที!

  และเมื่อใดที่หลิงหยุนได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการและคนนอกต่างก็รับรู้กันถ้วนหน้า หลิงหยุนจะได้สามารถจัดการเรื่องต่างๆด้วยตัวเองเสียที ไม่ต้องอยู่เฉพาะเบื้องหลังเหมือนที่ผ่านมา..

  ท่ามกลางความสงสัยคลางแคลงใจของเหล่านักธุรกิจจากตระกูลระดับกลางจนถึงระดับเล็กที่อยู่ภายในห้องแต่หลิงหยุนกลับนั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย อีกทั้งสีหน้าที่สงบนิ่งนั้นก็ยังปรากฏรอยยิ้มหยันขึ้นที่มุมปาก พร้อมกับใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะกระจกใสอย่างเป็นจังหวะไปด้วย..

  แม้สายตาของหลิงหยุนไม่คมกริบและดุดันดังเช่นก่อนหน้า แต่ก็ดูมีอำนาจจนสามารถสะกดคนธรรมดาสามัญที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย หลิงหยุนจ้องมองคนเหล่านั้นพร้อมกับนึกขบขันอยู่ในใจ..

  จากนั้นหลิงเย่วก็พูดขึ้นว่า ขอทุกท่านได้โปรดมั่นใจ.. เวลานี้ผู้นำตระกูลหลิงอยู่ตรงหน้าทุกท่านแล้ว ผู้นำตระกูลจะต้องให้คำตอบที่ทุกท่านพอใจอย่างแน่นอน! 

  หลิงเย่วไม่จำเป็นต้องอธิบายความเป็นมาของหลิงหยุนให้ผู้คนที่อยู่ในห้องนี้ฟังอย่างละเอียดเพราะพวกเขาเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรับรู้ว่าหลิงหยุนเป็นใคร และมาจากใหน? หลิงเย่วจึงแค่ทำหน้าที่ผลักดันหลิงหยุนขึ้นสู่ฐานะที่สูงส่งนี้เท่านั้น..    นี่มันอะไรกันตระกูลหลิงคิดจะเล่นตลกอะไร ถึงได้ให้เด็กเมื่อวานซืนมาเจรจาธุรกิจใหญ่โตเช่นนี้? คุณหลิง.. นี่คุณไม่ได้ล้อพวกเราเล่นใช่มั๊ย? 

  หลังจากที่หายจากอาการตกใจหานเถี่ยซินก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดจาเย้ยหยันหลิงหยุนทันที และแทบไม่เห็นหลิงหยุนอยู่ในสายตา..

   นั่นสิ!ตลกสิ้นดี.. หลิงหยุนนี่นะเป็นผู้นำตระกูลหลิง ผมไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ นี่ตระกูลหลิงไม่เหลือใครแล้วจริงๆหรือยังไง? ถึงได้เอาเด็กขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลแบบนี้? 

  จ้าวจิ่งหมิงรีบร้องตะโกนสนับสนุนทันทีเสียงตะโกนของเขานั้นดังราวกับเกรงว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นภายในห้องจะยังวุ่นวายไม่พอ..

  …..

  หลังจากที่ตระกูลซันกับตระกูลเฉินประกาศเป็นพันธมิตรกันแล้วนั้นก็ได้วางแผนให้ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลหานและตระกูลจ้าว ให้ไปทำการป่วนตระกูลหลิงให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายอีกทางหนึ่ง โดยรับปากจะให้ผลประโยชน์มากมายกับสองตระกูลนี้!

  แต่เพราะตระกูลซันกับตระกูลเฉินต่างก็เพียงแค่ต้องการหลอกใช้ตระกูลหานกับตระกูลจ้าวไปเป็นหนังหน้าไฟแทนพวกตนเท่านั้นจึงไม่บอกแม้กระทั่งว่าเวลานี้ผู้นำตระกูลหลิงก็คือหลิงหยุน และไม่ได้บอกเล่าถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย..

  เรื่องที่หลิงหยุนไปช่วยหลิงเสี่ยวออกมาได้สำเร็จและเหตุการณ์ที่หลิงหยุนกำราบตระกูลเฉินกับตระกูลซันที่สุสานนั้น เรื่องต่างๆเหล่านี้มีหรือที่จะเล็ดลอดออกไปถึงหูตระกูลระดับกลางและระดับเล็กเหล่านี้ได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนเหล่านี้จะมีโอกาสรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หานเถียนซินกับจ้าวจิ่งหมิงเองก็เช่นกัน!

  ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถอนหุ้นในธุรกิจต่างๆหรือแม้แต่การยุติโครงการที่ทำร่วมกันกับตระกูลหลิง ทุกเรื่องล้วนแล้วแต่สามารถนั่งเจรจาพูดคุย และปรึกษาหารือกัน เพื่อหาทางออกที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจได้ แต่หากมีใครสักคนพยายามที่จะเป่าหู และปลุกระดมคนอื่นๆให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย จากเรื่องที่ง่ายก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น และกลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด!

  เวลานี้หลายคนต่างก็เริ่มกระวนกระวายใจและแสดงออกว่าเห็นด้วยกับหานเถี่ยซิน และจ้าวเจี่ยหมิง..

   นั่นสิ!เวลานี้ตระกูลหลิงของพวกท่านถึงกับกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลเฉิน และตระกูลซันจนถึงขั้นจะประลองกันแบบนี้ แต่พวกเรากลับต้องมาเสี่ยงกับตระกูลหลิงเช่นนี้ พวกเราก็ยากที่จะรับไหวนะ.. 

  บางคนถึงกับพุ่งเข้าไปเกาะแขนหลิงเย่วไว้พร้อมกับอ้อนวอนว่า..

   คุณหลิง..ได้โปรดให้พวกเราถอนหุ้น และคืนเงินลงทุนให้กับพวกเราเถิด รอให้ตระกูลหลิงเสร็จสิ้นการประลองกับตระกูลเฉินและตระกูลซันก่อน แล้วพวกเราค่อยมาลงทุนร่วมกันใหม่อีกครั้ง! 

  ………. ไอลีนโนเวล

  หลังจากถูกหานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงปั่นหัว นักธุรกิจคนอื่นๆอีกราวสิบกว่าคนก็เริ่มตื่นตระหนก และกระวนกระวายใจอย่างมากเช่นกัน พวกเขาเกรงว่าตระกูลหลิงจะไม่ยอมคืนเงินลงทุนให้..

  และในเวลานี้..ภายในห้องรับแขกก็เริ่มโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนต่างก็พากันร้องตะโกนโวยวายออกมา และหันไปทางหลิงเย่ว ไม่มีสักคนที่สนใจหลิงหยุนซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า

   พวกเจ้าสองคนหุบปากได้แล้ว! 

  จู่ๆสายตาของหลิงหยุนก็พุ่งเป้าไปที่หานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิง พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดุดัน

   พวกเจ้าสองคนไม่คิดว่าตนเองทำเกินไปหน่อยรึ 

  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปทางเหล่ากุ่ยพร้อมกับสั่งว่า เหล่ากุ่ย.. จัดการสั่งสอนพวกมันแทนข้า! 

   ขอรับ..ผู้นำตระกูล! 

  เหล่ากุ่ยเองก็เริ่มหมดความอดทนเช่นกันหลังจากที่ได้รับคำสั่งจากหลิงหยุน เขาก็ตรงเข้าไปยืนตรงหน้าหานเถี่ยซิน และเงื้อมือขึ้นตบเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง..

  เพียะ..เพียะ.. เพียะ..

  เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้ารวเจ็ดแปดครั้งดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องรับแขก..

  หลังจากตบหน้าหานเถี่ยซินเสร็จแล้วเหล่ากุ่ยก็เดินตรงเข้าไปหาจ้าวจิ่งหมิง และจัดการตบหน้าเขาไปมาราวเจ็ดแปดครั้งเช่นกัน!

  หลังจากตบหน้าทั้งสองคนที่คอยสร้างความปั่นป่วนขึ้นภายในห้องแล้วทุกคนต่างก็พากันเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจดังขึ้นให้ได้ยินด้วยซ้ำไป!

  และเวลานี้..คนอื่นๆที่อยู่ภายในห้องก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป และต่างก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ!

  นั่นเพราะภาพที่ทุกคนในห้องเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือ..ทั้งหานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงต่างก็มีเลือดไหลกลบปาก ใบหน้าทั้งสองข้างมีรอยนิ้วมือสีแดงประทับอยู่ และเวลานี้ใบหน้าของทั้งคู่ก็เริ่มบวมเปล่งราวกับซาลาเปาลูกใหญ่!

   โอ๊ย.. 

   โอ๊ย.. 

  หลังจากเหล่ากุ่ยตบหน้าไปราวสิบวินาทีเสียงกรีดร้องเจ็บปวดก็ดังตามขึ้นมา ดูเหมือนว่าทั้งคู่เพิ่งจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นหลังจากที่หายตกใจ..

  หลิงหยุนยังคงนั่งยิ้มดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงในขณะที่พูดออกไปว่า

   พวกเจ้าพูดอีกสิ!หรือยังอยากจะขึ้นให้ได้ยินด้วยซ้ำไป!

  และเวลานี้..คนอื่นๆที่อยู่ภายในห้องก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป และต่างก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ!

  นั่นเพราะภาพที่ทุกคนในห้องเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือ..ทั้งหานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงต่างก็มีเลือดไหลกลบปาก ใบหน้าทั้งสองข้างมีรอยนิ้วมือสีแดงประทับอยู่ และเวลานี้ใบหน้าของทั้งคู่ก็เริ่มบวมเปล่งราวกับซาลาเปาลูกใหญ่!

   โอ๊ย.. 

   โอ๊ย.. 

  หลังจากเหล่ากุ่ยตบหน้าไปราวสิบวินาทีเสียงกรีดร้องเจ็บปวดก็ดังตามขึ้นมา ดูเหมือนว่าทั้งคู่เพิ่งจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นหลังจากที่หายตกใจ..

  หลิงหยุนยังคงนั่งยิ้มดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงในขณะที่พูดออกไปว่า

   พวกเจ้าพูดอีกสิ!หรือยังอยากจะโวยวายอะไรอีกหรือไม่ 

  เวลานี้ทั้งหานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงต่างก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากทั้งคู่ยังคงอยู่ในอาการตกใจ และหวาดกลัวจนพูดไม่ออก พร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงกล้าใช้กำลัง และไม่สนใจกฏเกณฑ์กติการเช่นนี้!

  ทั้งคู่กำลังสองจิตสองใจว่าจะพูดอะไรออกไปดีหรือไม่แต่แล้วก็เลือกที่จะกล้ำกลืนคำพูดต่างๆกลับเข้าไป นั่นเพราะทั้งคู่ต่างก็ตระหนักแล้วว่า.. หากพวกเขายังคงโวยวายสร้างความปั่นป่วนขึ้นอีกครั้ง คงต้องถูกตบหน้าอีกเป็นแน่ หรือไม่ก็อาจถูกซ้อมจนปางตายก็เป็นได้!

  และวิธีแก้ปัญหาของหลิงหยุนก็ง่ายๆไม่มีอะไรมาก!

  หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปทางหานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงพร้อมกับกำชับด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน..

   ข้าขอเตือนพวกเจ้าสองคน..หากยังพยายามจะก่อกวน และสร้างความวุ่นวายขึ้นอีกครั้งก่อนที่ข้าจะจัดการแก้ปัญหาต่างๆเสร็จสิ้น ข้าจะฉีกปากพวกเจ้าทั้งคู่ และถอดกรามของพวกเจ้าทิ้งซะ! 

  เวลานี้ภายในห้องรับแขกกลับเงียบสนิทยิ่งกว่าเดิมไม่มีใครกล้าส่งเสียงพูดออกมาแม้แต่คำเดียว และเวลานี้ทุกคนในห้องต่างก็พร้อมใจกันหันหน้าไปทางเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว..

  และเวลานี้..ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไม่เห็นหลิงหยุนอยู่ในสายตาอีก!

  หลิงเย่วที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกับยิ้มออกมา

  ระหว่างนั้นหลิงเย่วที่ยืนดูอยู่เงียบๆก็ถึงกับยิ้มออกมากับวิธีการแก้ปัญหาของหลิงหยุน เพราะเวลานี้ทุกคนในห้องก็หน้าเหลือเพียงแค่สองนิ้ว!

  หลังจากที่จัดการกับหานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงแล้วหลิงหยุนก็กวาดสายตามองไปยังคนอื่นๆ ที่พากันลุกขึ้นโวยวายตาม แต่ทั้งหมดก็รีบก้มหน้าลง และไม่มีใครกล้ามองหน้าหลิงหยุนเลยแม้แต่คนเดียว!

  และจู่ๆหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นตบลงบนโต๊ะเสียงดังปัง!

  คนที่ยืนก้มหน้านิ่งด้วยความหวาดกลัวอยู่แล้วนั้นถึงกับตกใจ และแทบจะกระโจนออกจากตรงนั้น และวิ่งหนีออกไปทันที!

  จากนั้น..ในมือของหลิงหยุนก็ปรากฏสมุดเช็คเล่มหนึ่ง เขายกสมุดเช็คในมือขึ้นโบกไปมา พร้อมกับฉีกยิ้มและประกาศเสียงดังว่า

   เอาล่ะ..ข้าไม่อยากพูดมากให้เสียเวลา มาเริ่มแก้ปัญหากันเลยดีกว่า! 

  หลิงหยุนจ้องมองไปทางเหล่านักธุรกิจที่อยู่ในห้องรับแขกพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ..

   ที่พวกเจ้ารีบร้อนมาตระกูลหลิงก็เพราะต้องการมาถอนหุ้น และยกเลิกโครงการต่างๆที่เคยร่วมทำกับตระกูลหลิงใช่หรือไม่ 

  แต่ทุกคนในห้องต่างก็เอาแต่นิ่งเงียบ..ทุกคนต่างก็หวาดกลัวจนไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา และไม่กล้าแม้แต่จะตอบคำถามของหลิงหยุน เพราะเกรงว่าหากพูดอะไรผิดไป ก็จะมีสภาพไม่ต่างจากหานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิง

  หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่า ตอนนี้ข้าต้องการจะแก้ปัญหาให้กับพวกเจ้าแล้ว เหตุใดยังนิ่งเงียบกันอยู่ได้ จะพูดหรือไม่พูด? 

   ตอบมา..ใช่หรือไม่ใช่ 

  เสียงของหลิงหยุนดังกระหึ่มราวกับมังกรคำรามและแทงทะลุเข้าไปในแก้วหูของทุกคนภายในห้อง!

  นักธุรกิจนับสิบๆคนในห้องต่างก็พากันพยักหน้าเป็นไก่จิกข้าวเปลือกอยู่เช่นนั้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร และเวลานี้ทุกคนต่างก็มีเหงื่อไหลท่วมตัวเต็มไปหมด..    ดีมาก.. 

  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าในที่นี้คงจะรู้หมดแล้วสินะว่า อีกสามวันข้างหน้าจะเป็นวันประลองระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลเฉิน และตระกูลซัน 

  ทุกคนในห้องต่างก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง..

   พวกเจ้าคงมั่นใจว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้กันประลองสินะ 

   แต่ข้าขอบอกพวกเจ้าไว้ล่วงหน้าว่าครั้งนี้หากพวกเจ้าตัดสินใจผิด และตระกูลหลิงเกิดเป็นฝ่ายชนะขึ้นมา ถึงตอนนั้นพวกเจ้าอยากจะกลับมาร่วมลงทุนกับตระกูลหลิงอีก ตระกูลหลิงของเราจะไม่ให้โอกาสพวกเจ้าเช่นกัน! 

  หลังจากหลิงหยุนพูดจบทุกคนในห้องก็เอาแต่นิ่งเงียบ แต่ไม่พยักหน้าดังเช่นก่อนหน้าอีกเลยแม้แต่คนเดียว!

  แต่ถึงแม้พวกเขาจะไม่พยักหน้าและไม่พูดอะไรออกมา แต่ในแววตาของพวกเขาทุกคนก็แฝงไว้ด้วยความดูถูกเหยียดหยัน เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาต่างก็ไม่เชื่อว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายชนะ!

  ในสายตาของพวกเขา..ตระกูลหลิงจัดอยู่ในอันดับสุดท้ายของตระกูลใหญ่ และห่างไกลจากตระกูลเฉินกับตระกูลซันมาก หนำซ้ำตอนนี้ตระกูลเฉินกับตระกูลซันยังประกาศร่วมมือกันที่จะจัดการกับตระกูลหลิงเช่นนี้ ตระกูลหลิงยังคิดว่าจะมีโอกาสชนะได้อีกอย่างนั้นหรือ

  เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ก็คงต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกเสียก่อนกระมัง!

  และหากพวกเขายังเชื่อว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายชนะการประลองในครั้งนี้พวกเขาก็คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก!

  หลิงหยุนเห็นสีหน้าและแววตาของเหล่านักธุรกิจตรงหน้าแล้วแต่ก็ไม่ใส่ใจนัก เพราะต่อให้เขาประกาศว่าตระกูลหลิงจะกลับขึ้นมาผงาดในปักกิ่งอีกครั้ง คนเหล่านี้ก็ไม่เชื่อ และต้องการที่จะถอนหุ้นออกจากธุรกิจของตระกูลหลิงอยู่ดี!

  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า ข้ายังมีคำพูดประโยคหนึ่งจะพูดกับทุกคน.. 

   ไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นพวกเจ้าทุกคนควรต้องคิดใคร่ครวญ และไตร่ตรองให้มาก อย่าปล่อยให้ผู้ใดปั่นหัว หรือว่าชักจูงได้ง่ายๆ จนท้ายที่สุดพวกเจ้ากลับต้องเป็นฝ่ายสูญเสียประโยชน์ที่ควรจะได้ไป.. 

  ระหว่างที่เหล่านักธุรกิจนิ่งเงียบอยู่นั้นหลิงหยุนก็ไม่ได้คิดจะพูดอะไรมากนัก เพียงแค่ตักเตือนสั้นๆ แล้วหันไปทางหลิงเย่วพร้อมกับพูดขึ้นว่า..

   ท่านลุงสอง..ข้าขอรบกวนให้ท่านช่วยไปนำสมุดบัญชีมาที จะได้จัดการคืนเงินให้กับพวกเขาตามที่ต้องการ! 

  แต่หลิงเย่วกลับยิ้มและตอบไปว่า ไม่จำเป็น.. ทุกอย่างอยู่ในหัวของข้าหมดแล้ว!    หลิงหยุนพยักหน้าและจัดการเปิดสมุดเช็คบนโต๊ะออก..

  ……

   จริงเหรอ! 

   นี่จะคืนเงินให้กับพวกเราจริงๆหรือนี่! 

  ตัวแทนจากตระกูลเล็กๆสิบกว่าตระกูลที่มานั่งรวมกันอยู่ในห้องหลังจากที่เห็นหลิงหยุนสั่งคนตบหน้าหานเถี่ยนซินและจ้าวจิ่งหมิงจนบวมเป็นซาลาเปาแล้ว พวกเขาต่างก็รู้สึกตกใจ และหมดหวัง ทุกคนในห้องต่างก็คิดว่าเงินทองที่นำมาลงทุนกับตระกูลหลิงนั้น คงต้องสูญเปล่าไม่มีทางได้กลับคืนแน่แล้ว..

  เพราะดูจากวิธีการแก้ปัญหาของหลิงหยุนแล้วทุกคนต่างก็คิดว่าหลิงหยุนจะต้องเป็นพวกไร้เหตุผล และชอบใช้กำลัง พวกเขาแอบคิดอยู่ในใจแล้วว่า ขอเพียงแค่กลับออกไปจากตระกูลหลิงได้อย่างปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า.. หลิงหยุนจะทำการคืนเงินให้กับพวกเขาจริงๆ!   ทุกคนในห้องต่างก็พากันประหลาดใจแต่ก็ยังลังเล และไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งเห็นหลิงหยุนเปิดสมุดเช็คตรงหน้าออก ทุกคนจึงได้แต่แอบดีใจอยู่เงียบๆ

 

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
Status: Ongoing
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset