หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมเอ่ยขอบใจเย่ซิงเฉินแล้วรีบพูดเรื่องสำคัญต่อทันที..
“ในบรรดาเสาหลักทั้งสามของประเทศนี้ตระกูลหลิงของข้าเพิ่งจะผงาดขึ้นมาได้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจเทียบได้กับตระกูลหลง และตระกูลเย่ในเวลานี้ เหตุผลก็คือ.. ตระกูลหลิงยังขาดรากฐานที่มั่นคงและแข็งแกร่ง!”
“ด้วยเหตุนี้..เรื่องเร่งด่วนสำหรับตระกูลหลิง จึงเป็นเรื่องของการสร้างความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นทั้งภายใน และภายนอก”
เย่ซิงเฉินยิ้มพร้อมกับถามขึ้นว่า“สร้างความแข็งแกร่งขึ้นภายในตระกูลหลิง เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงงั้นรึ เจ้าคิดจะทำเช่นใด?”
ดวงตาของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาทันทีและเริ่มเล่าแผนการของตนเองให้เย่ซิงเฉินฟัง.. “เวลานี้..ตระกูลหลิงมีผู้ที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้อยู่ถึงสองคน ซึ่งก็คือท่านปู่ของข้า และท่านน้าจินเหยียว..”
หลิงหยุนจ้องหน้าเย่ซิงเฉินพร้อมกับย้ำว่า“และกำลังจะมีเจ้าเพิ่มมาอีกหนึ่งคน..”
“ส่วนท่านพ่อของข้าก็คงจะใช้เวลาอีกไม่นานนักและเมื่อรวมตัวข้าเองด้วยแล้ว ตระกูลหลิงก็จะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างมากถึงห้าคนทีเดียว!”
แต่ในใจของหลิงหยุนนั้น..เขายังมีอีกสองคนอยู่ในใจ แต่เลือกที่จะไม่พูดออกมาให้เย่ซิงเฉินฟังในตอนนี้ ซึ่งก็คือหนิงหลิงยู่ และเกาเฉินเฉิน เขาเชื่อมั่นว่าหญิงสาวทั้งสองคนจะสามารถพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว..
“แต่ต่อให้ตระกูลหลิงมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งถึงห้าคนหากจะคอยพึ่งพาเฉพาะพวกเราห้าคน ก็ยังไม่เพียงพอ..”
ในการมาปักกิ่งครั้งที่สองและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากผ่านการประลองเมื่อคืนนี้มา ทำให้การประเมินตระกูลหลงกับตระกูลเย่ของหลิงหยุนได้เปลี่ยนไปด้วย..
เพราะการที่ตระกูลหลงกับตระกูลเย่ไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับการประลองในครั้งนี้ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าทั้งสองตระกูลมั่นใจว่า แม้ตระกูลหลิงจะผงาดขึ้นมาได้อีกครั้ง ก็ไม่สะเทือนถึงรากฐานที่แข็งแกร่งของทั้งสองตระกูลได้ พวกเขาจึงสามารนิ่งนอนใจได้เช่นนั้น!
“แต่การที่จะสร้างยอดฝีมือในขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้ในช่วงเวลาสั้นๆใช่ว่าจะสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับตระกูลหลิง จึงจำเป็นต้องสร้างจากภายนอกเสียก่อน!”
เย่ซิงเฉินถามขึ้นด้วยความสงสัย“แล้วเจ้าคิดว่าจะเริ่มต้นสร้างความแข็งแกร่งจากภายนอกได้อย่างไร”
หลิงหยุนดีดนิ้วพร้อมกับตอบไปว่า“เริ่มจากการสร้างหน่วยข่าวที่แข็งแกร่งของตระกูลหลิงขึ้นเองก่อน!”
“เวลานี้พวกเรามีนักรบตระกูลหลิงอยู่ทั้งหมดสามสิบหกคนมีเหล่ากุ่ยเป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกเขา ส่วนหลิงอี๋กับหลิงชีก็เป็นผู้ช่วยเหล่ากุ่ย..”
“นักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนนี้ล้วนแล้วแต่จงรักภักดีกับข้าเพียงแต่ยังขาดทักษะในการสะกดรอย ลอบสังหาร แล้วก็สืบข่าว..”
“ด้วยเหตุนี้..”
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้น..เขามองตาเย่ซิงเฉินพร้อมกับทำสีหน้าที่ราวกับจะบอกนางว่า ‘เจ้าย่อมรู้อยู่แล้วว่าต้องทำเช่นใด’
เย่ซิงเฉินยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเข้าใจ“เจ้าต้องการให้องค์กรนักฆ่าข้าฝึกทักษะในการสะกดรอย ลอบสังหาร แล้วก็สืบข่าว ให้กับนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนสินะ”
หลิงหยุนยกนิ้วให้พร้อมกับเอ่ยชมเย่ซิงเฉิน“แน่นอนที่สุด! เรื่องพวกนี้ไม่มีใครเก่งเกินเจ้าอยู่แล้ว!” เย่ซิงเฉินพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ได้สิ! ตั้งแต่ซือกงถูกับลูกๆของมันถูกเจ้าจับตัวไป แรงกดดันของข้าก็ลดลงไปมากทีเดียว ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ส่งนักรบตระกูลหลิงเข้าไปร่วมฝึกกับมือสังหารขององค์กรนักฆ่าได้เลย!”
หลิงหยุนปรบมือพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง“เช่นนั้นก็ดี.. ข้าขอมอบพวกเขาให้กับองค์นักฆ่าของเจ้าช่วยฝึกฝนให้ ข้าจะให้เบอร์ติดต่อกับเหล่ากุ่ยไว้ หากมีเรื่องอะไรเจ้าก็สั่งเหล่ากุ่ยได้โดยตรง เขาจะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า..”
เรื่องการจัดตั้งหน่วยข่าวกรองของตระกูลหลิงนั้นหลิงหยุนเองก็ได้เคยเกริ่นกับเหล่ากุ่ยไว้คร่าวๆบ้างแล้ว ในเมื่อการประลองสิ้นสุดลงแล้ว เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ควรต้องลงมือทำอย่างจริงจังเสียที!
“อ่อ..ข้ายังมีศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคน แต่เวลานี้ทั้งหมดยังอยู่ในเมืองจิงฉู และขั้นพวกเขายังต่ำมากนัก รอให้พวกเขาฝึกฝนจนสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ก่อน ข้าจะส่งไปให้องค์กรนักฆ่าของเจ้าเป็นผู้ฝึกฝนพวกเขาต่อไป..”
และแน่นอนว่าทั้งหมดนั้นก็คือ..ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนของสำนักหมอสวรรค์นั่นเอง!
เย่ซิงเฉินพยักหน้าเป็นการตอบตกลง..
“เจ้าช่วยสั่งคนขององค์กรนักฆ่าให้ฝึกฝนทักษะต่างๆและสำนึกในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้กับพวกเขาก็พอ ไม่จำเป็นต้องฝึกเขาให้เป็นมือสังหารที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นข้าจะใช้งานอื่นๆพวกเขาไม่ได้!”
เย่ซิงเฉินยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวและตอบหลิงหยุนไปว่า “เรื่องนั้นข้ารู้!”
“อ่อ..ยังมีเรื่องที่ข้าคิดว่าเป็นอันตรายอยู่สองเรื่อง!”
จู่ๆหลิงหยุนก็นึกถึงเรื่องสำคัญสองเรื่องขึ้นมาได้ จึงรีบพูดต่อทันที “เรื่องแรกคือเรื่องของพรรคโลหิตมาร และเรื่องที่สองคือเรื่องของซือกงวู่ฉิง..”
“เวลานี้แม้แตระกูลเฉินจะถูกข้าทำลายไปแล้วแต่พรรคโลหิตมารก็เป็นหุ่นเชิดของตระกูลเฉิน แม้ว่าคนของพรรคโลหิตมารจะถูกข้าสังหารไปมากมาย แต่ก็ยังมีบางส่วนหลงเหลืออยู่ เจ้าใช้อำนาจที่มีในพรรคมารและองค์กรนักฆ่า จัดการพวกมันให้สิ้นซากเสีย!”
“ส่วนซือกงวู่ฉิงนั้น..เจ้าช่วยข้าสืบดูว่าเวลานี้มันซ่อนตัวอยู่ที่ใดกันแน่ เพราะมันคือศัตรูที่อันตรายมากของข้า และเวลานี้ข้าก็เชื่อว่ามันยังไม่รู้ว่าซือกงถูพ่อของมันยังไม่ได้ถูกข้าสังหาร!”
เย่ซิงเฉินได้ฟังหลิงหยุนพูดถึงซือกงวู่ฉิงก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะตอบไปว่า “พรรคโลหิตมารไม่ใช่ปัญหา..”
“แต่ซือกงวู่ฉิงนั้น..ตั้งแต่วันที่มันหลบหนีไปได้ ข้าเองก็ได้ส่งคนออกตามหาตัวของมัน แต่จนป่านนี้ยังไม่พบร่องรอยของมันแม้แต่น้อย!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“เวลานี้ซือกงวู่ฉิงเสมือนนกที่กำลังตกใจ จึงยังคงหลบซ่อนตัวไม่ยอมออกมา เว้นแต่ว่า.. มันจะหนีออกไปจากประเทศ และไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องคอยระมัดระวังตัวให้มาก..”
ระหว่างที่พูดเรื่องนี้หลิงหยุนก็ได้หยิบประคำโลหิตออกมาถือไว้..
“นี่คือมรดกประจำตระกูลเฉินมันคือประคำโลหิต! ในการประลองเมื่อคืนนั้น.. เพราะประคำโลหิตเม็ดนี้ทีเดียว ทำให้เฉินจิ้งเฉวียนเกือบจะสังหารข้าได้..”
“แต่ก็ทำให้ข้าได้รู้ว่าประคำโลหิตเม็ดนี้ยังมีความน่าอัศจรรย์อีกมากมายข้าคงต้องศึกษามันให้ละเอียดมากกว่านี้..”
จากนั้นหลิงหยุนจึงเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิงเฉินพร้อมกับถามขึ้นว่า “ซิงเฉิน.. เจ้ารู้หรือไม่ว่ามรดกตระกูลซันคือสิ่งใด เจ้าเคยได้ยินมาบ้างหรือไม่?”
เย่ซิงเฉินส่ายหน้าไปมา“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน..” “หลิงหยุน..ใช่ว่าทุกตระกูลจะมีสมบัติล้ำค่าเป็นมรดกประจำตระกูล และต่อให้ตระกูลซันมี พวกมันก็คงไม่ป่าวประกาศให้ผู้อื่นได้รู้เป็นแน่!”
“แต่หากมีจริง..เหตุใดยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนมากมายในตระกูลซัน จึงไม่สามารถเข้าสู่ขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้เลยเล่า”
“แต่หากตระกูลซันมีมรดกประจำตระกูลจริงๆข้าคาดว่าพวกมันคงจะมอบให้กับทายาทรุ่นเล็กเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และผู้ที่เก็บรักษามรกดกตระกูลซันได้ ก็น่าจะเป็นลูกชายของซันเทียนหลัว..”
เย่ซิงเฉินคาดการณ์หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม และตอบไปว่า “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น.. จากนี้ไปข้าคงต้องสืบหาว่าทายาทตระกูลซันอยู่ที่ใดกันแน่ แม้ข้ารับปากจะไม่สังหารพวกมัน แต่อย่างน้อยก็ต้องทำลายวรยุทธของพวกมันทิ้งเสีย ไม่เช่นนั้น.. สักวันพวกมันคงได้ย้อนกลับมาแก้แค้นตระกูลหลิงของข้าเป็นแน่!” เย่ซิงเฉินได้ฟังเช่นนั้นจึงตอบกลับไปทันที “เจ้าไม่จำเป็นต้องสืบ.. ข้ารู้มาว่าทายาทตระกูลซันได้หอบเงินจำนวนมากมายหนีเข้าประเทศญี่ปุ่น จากนั้นจึงจะนั่งเรือต่อไปพบตระกูลไป๋หลี่เพื่อลี้ภัยอยู่ที่นั่น!”
หลิงหยุนกรพริบตา“อะไรนะ พวกมันทั้งหมดอพยพไปอยู่ที่พันธมิตรทะเลจีนตะวันออกงั้นรึ?”
เย่ซิงเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจ“ถูกต้อง.. เช่นเดียวกับที่หลายตระกูลเคยอพยพไปอยู่ที่นั่นเมื่อหลายร้อยปีก่อน!”
“หลิงหยุน..ในเมื่อพูดถึงตระกูลไป๋หลี่ ข้าอยากจะเตือนเจ้าว่า.. ครั้งนี้เจ้าทำให้ตระกูลไป๋หลี่ต้องพ่ายแพ้ แต่กลับปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้ สักวันพวกเขาต้องกลับมาแก้แค้นเจ้าคืนแน่! จากนี้ไปเจ้าต้องระมัดระวังคนจากพันธมิตทะเลจีนตะวันออกให้มาก!”
“ถ้าพวกมันกล้ามาหาเรื่องข้าถึงผืนแผ่นใหญ่..ข้าก็จะสังหารพวกมันให้หมด!”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน..
……
หลังจากนั้น..หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็นั่งพูดคุยกันถึงรายละเอียดในเรื่องต่างๆต่อ ทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้เฉลียวฉลาด จึงสามารถพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเหล่าตระกูลใหญ่ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับยุทธภพ..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวและเวลานี้ท้องฟ้าภายนอกก็เริ่มมืดครึ้มแล้ว ในที่สุดหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายเริ่มกลับมาพูดคุยเรื่องโรงประมูลของชาวยุทธต่อ..
หลิงหยุนเอ่ยถามเย่ซิงเฉิน“ซิงเฉิน.. เจ้ารู้หรือไม่ว่าเร็วๆ นี้จะมีการจัดประมูลขึ้นอีกหรือไม่”
“ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องถามเรื่องนี้กับข้าแน่!”เย่ซิงเฉินตอบยิ้มๆ
“เร็วๆนี้จะมีการจัดโรงประมูลขึ้นทั้งหมดสามแห่งแต่แห่งแรกนั้นเป็นโรงประมูลสำหรับเหล่ายอดฝีมือในขั้นโฮ่วเทียน และผู้ที่เริ่มเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน ทั้งสองแห่งนี้จึงไม่เหมาะที่เจ้าจะไป..”
หลิงหยุนตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีพร้อมกับถามไปว่า “แล้วอีกสองแห่งล่ะ”
“อีกสองแห่งน่าสนใจมากทีเดียว!”
เย่ซิงเฉินเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดต่อว่า“โรงประมูลแห่งแรกจัดโดยตระกูลเย่ และจะเริ่มขึ้นในอีกแปดวันข้างหน้าซึ่งจะตรงกับวันที่เก้ากันยายนนี้ แต่จะจัดที่ใดนั้นตระกูลเย่เองก็ยังไม่ได้ประกาศชัดเจน..”
“ข้าว่าโรงประมูลแห่งนี้น่าจะมีของที่เจ้าต้องการ..”
หลิงหยุนพยักหน้าทันที“ข้าต้องไปร่วมประมูลแน่! ข้าต้องการผ้าแพรไหมดำ ส่วนสมบัติล้ำค่าอื่นๆ ต้องดูว่าจะโชคดีเพียงใด”
เย่ซิงเฉินยิ้ม“ได้.. ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
เย่ซิงเฉินเป็นถึงธิดาพรรคมารจึงเสมือตัวแทนของพรรคมารนางต้องดูแลองค์กรนักฆ่า จึงจำเป็นต้องหาซื้อทรัพยากร และอาวุธสำหรับฝึกฝน อีกทั้งยังต้องการนำของที่มีอยู่ไปประมูล นางจึงต้องไปที่โรงประมูลชาวยุทธอยู่บ่อยๆ
หลิงหยุนได้ยินว่าเย่ซิงเฉินจะไปกับเขาด้วยจึงได้แต่ถามออกมาด้วยความสงสัย “ซิงเฉิน.. เจ้าเป็นคนของพรรคมาร สามารถเข้าออกโรงประมูลที่ตระกูลเย่จัดได้ด้วยงั้นรึ!
เย่ซิงเฉินยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“ได้สิ! โรงประมูลนะ ไม่ใช่ที่สำหรับฆ่าคน..”
“ตามกฏของยุทธภพแล้ว..ห้ามมีการต่อสู้กันในโรงประมูลโดยเด็ดขาด!”
“อีกอย่าง..ไม่ว่าจะเป็นโรงประมูลที่จัดโดยตระกูลหลงหรือตระกูลย่.. พวกเขาต่างก็แสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดอยู่แล้ว หากผู้ที่ไปไม่จงใจไปสร้างปัญหาให้กับโรงประมูล!”
“แต่หากเกรงว่าจะมีปัญหา..ข้าก็ปลอมตัวเข้าไป ไม่มีผู้ใดจำข้าได้แน่!” “อ่อ..ข้าเข้าใจแล้ว!”
หลิงหยุนได้ฟังคำอธิบายของเย่ซิงเฉินก็เข้าใจได้ทันทีสำหรับผู้ฝึกในขั้นสูงๆนั้น สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ เปลี่ยนเสียงได้เลยทีเดียว แต่จะคงอยู่ได้นานหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับขั้นกำลังของคนผู้นั้น
แต่หากอยู่ต่อหน้าผู้ที่มีขั้นพลังสูงส่งกว่าก็ยากที่จะปิดบังอีกฝ่ายได้..
“ได้..ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะไปด้วยกัน!”
“แล้วโรงประมูลอีกแห่งเล่า”หลิงหยุนถามขึ้นด้วยความอยากรู้..
เย่ซิงเฉินตอบกลับไปทันที“อีกแห่งจะเปิดหลังจากนี้ราวครึ่งเดือน.. ซึ่งจะตรงกับวันชุมนุมชาวยุทธพอดี!”
“โรงประมูลที่จัดขึ้นตรงกับวันชุมนุมชาวยุทธนั้นจะเป็นโรงประมูลขนาดใญ่ที่รวมเอาอาวุธ โอสถล้ำค่า ยันต์ และของล้ำค่าอื่นๆที่หาได้ยากอีกมากมายเลยทีเดียว!”
“แม้กระทั่งข้อมูลสำคัญๆก็ยังมีการนำมาประมูลที่ห้องประมูลนี้!”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาเพราะการประมูลแห่งสุดท้ายนี้ ช่างคล้ายคลึงกับโรงประมูลในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นัก..
เย่ซิงเฉินเห็นหลิงหยุนยิ้มกว้างเช่นนั้นจึงอดที่จะถามออกมาไม่ได้ “นี่เจ้ายิ้มดีใจอะไรงั้นรึ”
“ไม่มีอะไร..ข้าแค่รู้สึกสนุกขึ้นมา!” หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
เย่ซิงเฉินมองตาหลิงหยุนพร้อมกับเล่าต่อว่า“ถูกต้อง! การประมูลทั้งสนุกแล้วก็ตื่นเต้น เพราะของแต่ละชิ้นที่นำออกมาประมูลกันนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของหายาก หรือไม่ก็แปลกประหลาด!”
“หากเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากมากๆก็จะยิ่งประมูลกันด้วยราคาที่สูงมาก หากไม่ใช่คนร่ำรวย ก็คงได้แต่ยืนมองเท่านั้น..”
เย่ซิงเฉินเล่าต่ออย่างคนที่ชำนิชำนาญเรื่องโรงประมูลเป็นอย่างดี..“แต่ถึงแม้จะสนุกมาก แต่ก็อันตรายมากเช่นกัน!”
“นั่นเพราะ..หลังการประมูลสิ้นสุดลง โรงประมูลก็จะไม่รับผิดชอบต่อชีวิตของผู้คนที่เข้าร่วมประมูลแล้ว หลังจากจบการประมูล จึงมักตามมาด้วยการเข่นฆ่ากันจนกลายเป็นเรื่องปกติ!”
“ด้วยเหตุนี้..หากไม่แข็งแกร่งพอก็ไม่ควรจะไปร่วมประมูลในครั้งนี้ ต่อให้ร่ำรวยสามารถประมูลของล้ำค่าได้ แต่หลังจากนั้นก็อาจถูกผู้อื่นแย่งชิงไป และแม้แต่ชีวิตก็ยากที่จะรักษาไว้ได้!”
หากแม้แต่เย่ซิงเฉินยังพูดเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถประมาทได้!
หลังจากที่นิ่งไปนานหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า“ตระกูลหลิงของข้าจะต้องเป็นผู้จัดโรงประมูลขึ้นบ้าง!”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดว่า..ในเมื่อตระกูลหลิงก็เป็นหนึ่งในสามเสาหลัก ก็ย่อมมีคุณสมบัติที่จะเปิดโรงประมูลได้ด้วยเช่นเดียวกัน.. เย่ซิงเฉินได้ฟังจึงได้แต่พูดขึ้นว่า“หลิงหยุน.. หากเจ้าต้องการจะเปิดโรงประมูล เจ้าต้องเตรียมการให้ดีเสียก่อน!”
“ในบรรดาเสาหลักทั้งสามของประเทศนี้ตระกูลหลิงของข้าเพิ่งจะผงาดขึ้นมาได้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจเทียบได้กับตระกูลหลง และตระกูลเย่ในเวลานี้ เหตุผลก็คือ.. ตระกูลหลิงยังขาดรากฐานที่มั่นคงและแข็งแกร่ง!”
“ด้วยเหตุนี้..เรื่องเร่งด่วนสำหรับตระกูลหลิง จึงเป็นเรื่องของการสร้างความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นทั้งภายใน และภายนอก”
เย่ซิงเฉินยิ้มพร้อมกับถามขึ้นว่า“สร้างความแข็งแกร่งขึ้นภายในตระกูลหลิง เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงงั้นรึ เจ้าคิดจะทำเช่นใด?”
ดวงตาของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาทันทีและเริ่มเล่าแผนการของตนเองให้เย่ซิงเฉินฟัง.. “เวลานี้..ตระกูลหลิงมีผู้ที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้อยู่ถึงสองคน ซึ่งก็คือท่านปู่ของข้า และท่านน้าจินเหยียว..”
หลิงหยุนจ้องหน้าเย่ซิงเฉินพร้อมกับย้ำว่า“และกำลังจะมีเจ้าเพิ่มมาอีกหนึ่งคน..”
“ส่วนท่านพ่อของข้าก็คงจะใช้เวลาอีกไม่นานนักและเมื่อรวมตัวข้าเองด้วยแล้ว ตระกูลหลิงก็จะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างมากถึงห้าคนทีเดียว!”
แต่ในใจของหลิงหยุนนั้น..เขายังมีอีกสองคนอยู่ในใจ แต่เลือกที่จะไม่พูดออกมาให้เย่ซิงเฉินฟังในตอนนี้ ซึ่งก็คือหนิงหลิงยู่ และเกาเฉินเฉิน เขาเชื่อมั่นว่าหญิงสาวทั้งสองคนจะสามารถพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว..
“แต่ต่อให้ตระกูลหลิงมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งถึงห้าคนหากจะคอยพึ่งพาเฉพาะพวกเราห้าคน ก็ยังไม่เพียงพอ..”
ในการมาปักกิ่งครั้งที่สองและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากผ่านการประลองเมื่อคืนนี้มา ทำให้การประเมินตระกูลหลงกับตระกูลเย่ของหลิงหยุนได้เปลี่ยนไปด้วย..
เพราะการที่ตระกูลหลงกับตระกูลเย่ไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับการประลองในครั้งนี้ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าทั้งสองตระกูลมั่นใจว่า แม้ตระกูลหลิงจะผงาดขึ้นมาได้อีกครั้ง ก็ไม่สะเทือนถึงรากฐานที่แข็งแกร่งของทั้งสองตระกูลได้ พวกเขาจึงสามารนิ่งนอนใจได้เช่นนั้น!
“แต่การที่จะสร้างยอดฝีมือในขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้ในช่วงเวลาสั้นๆใช่ว่าจะสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับตระกูลหลิง จึงจำเป็นต้องสร้างจากภายนอกเสียก่อน!”
เย่ซิงเฉินถามขึ้นด้วยความสงสัย“แล้วเจ้าคิดว่าจะเริ่มต้นสร้างความแข็งแกร่งจากภายนอกได้อย่างไร”
หลิงหยุนดีดนิ้วพร้อมกับตอบไปว่า“เริ่มจากการสร้างหน่วยข่าวที่แข็งแกร่งของตระกูลหลิงขึ้นเองก่อน!”
“เวลานี้พวกเรามีนักรบตระกูลหลิงอยู่ทั้งหมดสามสิบหกคนมีเหล่ากุ่ยเป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกเขา ส่วนหลิงอี๋กับหลิงชีก็เป็นผู้ช่วยเหล่ากุ่ย..”
“นักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนนี้ล้วนแล้วแต่จงรักภักดีกับข้าเพียงแต่ยังขาดทักษะในการสะกดรอย ลอบสังหาร แล้วก็สืบข่าว..”
“ด้วยเหตุนี้..”
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้น..เขามองตาเย่ซิงเฉินพร้อมกับทำสีหน้าที่ราวกับจะบอกนางว่า ‘เจ้าย่อมรู้อยู่แล้วว่าต้องทำเช่นใด’
เย่ซิงเฉินยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเข้าใจ“เจ้าต้องการให้องค์กรนักฆ่าข้าฝึกทักษะในการสะกดรอย ลอบสังหาร แล้วก็สืบข่าว ให้กับนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนสินะ”
หลิงหยุนยกนิ้วให้พร้อมกับเอ่ยชมเย่ซิงเฉิน“แน่นอนที่สุด! เรื่องพวกนี้ไม่มีใครเก่งเกินเจ้าอยู่แล้ว!” เย่ซิงเฉินพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ได้สิ! ตั้งแต่ซือกงถูกับลูกๆของมันถูกเจ้าจับตัวไป แรงกดดันของข้าก็ลดลงไปมากทีเดียว ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ส่งนักรบตระกูลหลิงเข้าไปร่วมฝึกกับมือสังหารขององค์กรนักฆ่าได้เลย!”
หลิงหยุนปรบมือพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง“เช่นนั้นก็ดี.. ข้าขอมอบพวกเขาให้กับองค์นักฆ่าของเจ้าช่วยฝึกฝนให้ ข้าจะให้เบอร์ติดต่อกับเหล่ากุ่ยไว้ หากมีเรื่องอะไรเจ้าก็สั่งเหล่ากุ่ยได้โดยตรง เขาจะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า..”
เรื่องการจัดตั้งหน่วยข่าวกรองของตระกูลหลิงนั้นหลิงหยุนเองก็ได้เคยเกริ่นกับเหล่ากุ่ยไว้คร่าวๆบ้างแล้ว ในเมื่อการประลองสิ้นสุดลงแล้ว เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ควรต้องลงมือทำอย่างจริงจังเสียที!
“อ่อ..ข้ายังมีศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคน แต่เวลานี้ทั้งหมดยังอยู่ในเมืองจิงฉู และขั้นพวกเขายังต่ำมากนัก รอให้พวกเขาฝึกฝนจนสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ก่อน ข้าจะส่งไปให้องค์กรนักฆ่าของเจ้าเป็นผู้ฝึกฝนพวกเขาต่อไป..”
และแน่นอนว่าทั้งหมดนั้นก็คือ..ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนของสำนักหมอสวรรค์นั่นเอง!
เย่ซิงเฉินพยักหน้าเป็นการตอบตกลง..
“เจ้าช่วยสั่งคนขององค์กรนักฆ่าให้ฝึกฝนทักษะต่างๆและสำนึกในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้กับพวกเขาก็พอ ไม่จำเป็นต้องฝึกเขาให้เป็นมือสังหารที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นข้าจะใช้งานอื่นๆพวกเขาไม่ได้!”
เย่ซิงเฉินยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวและตอบหลิงหยุนไปว่า “เรื่องนั้นข้ารู้!”
“อ่อ..ยังมีเรื่องที่ข้าคิดว่าเป็นอันตรายอยู่สองเรื่อง!”
จู่ๆหลิงหยุนก็นึกถึงเรื่องสำคัญสองเรื่องขึ้นมาได้ จึงรีบพูดต่อทันที “เรื่องแรกคือเรื่องของพรรคโลหิตมาร และเรื่องที่สองคือเรื่องของซือกงวู่ฉิง..”
“เวลานี้แม้แตระกูลเฉินจะถูกข้าทำลายไปแล้วแต่พรรคโลหิตมารก็เป็นหุ่นเชิดของตระกูลเฉิน แม้ว่าคนของพรรคโลหิตมารจะถูกข้าสังหารไปมากมาย แต่ก็ยังมีบางส่วนหลงเหลืออยู่ เจ้าใช้อำนาจที่มีในพรรคมารและองค์กรนักฆ่า จัดการพวกมันให้สิ้นซากเสีย!”
“ส่วนซือกงวู่ฉิงนั้น..เจ้าช่วยข้าสืบดูว่าเวลานี้มันซ่อนตัวอยู่ที่ใดกันแน่ เพราะมันคือศัตรูที่อันตรายมากของข้า และเวลานี้ข้าก็เชื่อว่ามันยังไม่รู้ว่าซือกงถูพ่อของมันยังไม่ได้ถูกข้าสังหาร!”
เย่ซิงเฉินได้ฟังหลิงหยุนพูดถึงซือกงวู่ฉิงก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะตอบไปว่า “พรรคโลหิตมารไม่ใช่ปัญหา..”
“แต่ซือกงวู่ฉิงนั้น..ตั้งแต่วันที่มันหลบหนีไปได้ ข้าเองก็ได้ส่งคนออกตามหาตัวของมัน แต่จนป่านนี้ยังไม่พบร่องรอยของมันแม้แต่น้อย!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“เวลานี้ซือกงวู่ฉิงเสมือนนกที่กำลังตกใจ จึงยังคงหลบซ่อนตัวไม่ยอมออกมา เว้นแต่ว่า.. มันจะหนีออกไปจากประเทศ และไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องคอยระมัดระวังตัวให้มาก..”
ระหว่างที่พูดเรื่องนี้หลิงหยุนก็ได้หยิบประคำโลหิตออกมาถือไว้..
“นี่คือมรดกประจำตระกูลเฉินมันคือประคำโลหิต! ในการประลองเมื่อคืนนั้น.. เพราะประคำโลหิตเม็ดนี้ทีเดียว ทำให้เฉินจิ้งเฉวียนเกือบจะสังหารข้าได้..”
“แต่ก็ทำให้ข้าได้รู้ว่าประคำโลหิตเม็ดนี้ยังมีความน่าอัศจรรย์อีกมากมายข้าคงต้องศึกษามันให้ละเอียดมากกว่านี้..”
จากนั้นหลิงหยุนจึงเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิงเฉินพร้อมกับถามขึ้นว่า “ซิงเฉิน.. เจ้ารู้หรือไม่ว่ามรดกตระกูลซันคือสิ่งใด เจ้าเคยได้ยินมาบ้างหรือไม่?”
เย่ซิงเฉินส่ายหน้าไปมา“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน..” “หลิงหยุน..ใช่ว่าทุกตระกูลจะมีสมบัติล้ำค่าเป็นมรดกประจำตระกูล และต่อให้ตระกูลซันมี พวกมันก็คงไม่ป่าวประกาศให้ผู้อื่นได้รู้เป็นแน่!”
“แต่หากมีจริง..เหตุใดยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนมากมายในตระกูลซัน จึงไม่สามารถเข้าสู่ขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้เลยเล่า”
“แต่หากตระกูลซันมีมรดกประจำตระกูลจริงๆข้าคาดว่าพวกมันคงจะมอบให้กับทายาทรุ่นเล็กเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และผู้ที่เก็บรักษามรกดกตระกูลซันได้ ก็น่าจะเป็นลูกชายของซันเทียนหลัว..”
เย่ซิงเฉินคาดการณ์หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม และตอบไปว่า “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น.. จากนี้ไปข้าคงต้องสืบหาว่าทายาทตระกูลซันอยู่ที่ใดกันแน่ แม้ข้ารับปากจะไม่สังหารพวกมัน แต่อย่างน้อยก็ต้องทำลายวรยุทธของพวกมันทิ้งเสีย ไม่เช่นนั้น.. สักวันพวกมันคงได้ย้อนกลับมาแก้แค้นตระกูลหลิงของข้าเป็นแน่!” เย่ซิงเฉินได้ฟังเช่นนั้นจึงตอบกลับไปทันที “เจ้าไม่จำเป็นต้องสืบ.. ข้ารู้มาว่าทายาทตระกูลซันได้หอบเงินจำนวนมากมายหนีเข้าประเทศญี่ปุ่น จากนั้นจึงจะนั่งเรือต่อไปพบตระกูลไป๋หลี่เพื่อลี้ภัยอยู่ที่นั่น!”
หลิงหยุนกรพริบตา“อะไรนะ พวกมันทั้งหมดอพยพไปอยู่ที่พันธมิตรทะเลจีนตะวันออกงั้นรึ?”
เย่ซิงเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจ“ถูกต้อง.. เช่นเดียวกับที่หลายตระกูลเคยอพยพไปอยู่ที่นั่นเมื่อหลายร้อยปีก่อน!”
“หลิงหยุน..ในเมื่อพูดถึงตระกูลไป๋หลี่ ข้าอยากจะเตือนเจ้าว่า.. ครั้งนี้เจ้าทำให้ตระกูลไป๋หลี่ต้องพ่ายแพ้ แต่กลับปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้ สักวันพวกเขาต้องกลับมาแก้แค้นเจ้าคืนแน่! จากนี้ไปเจ้าต้องระมัดระวังคนจากพันธมิตทะเลจีนตะวันออกให้มาก!”
“ถ้าพวกมันกล้ามาหาเรื่องข้าถึงผืนแผ่นใหญ่..ข้าก็จะสังหารพวกมันให้หมด!”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน..
……
หลังจากนั้น..หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็นั่งพูดคุยกันถึงรายละเอียดในเรื่องต่างๆต่อ ทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้เฉลียวฉลาด จึงสามารถพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเหล่าตระกูลใหญ่ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับยุทธภพ..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวและเวลานี้ท้องฟ้าภายนอกก็เริ่มมืดครึ้มแล้ว ในที่สุดหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายเริ่มกลับมาพูดคุยเรื่องโรงประมูลของชาวยุทธต่อ..
หลิงหยุนเอ่ยถามเย่ซิงเฉิน“ซิงเฉิน.. เจ้ารู้หรือไม่ว่าเร็วๆ นี้จะมีการจัดประมูลขึ้นอีกหรือไม่”
“ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องถามเรื่องนี้กับข้าแน่!”เย่ซิงเฉินตอบยิ้มๆ
“เร็วๆนี้จะมีการจัดโรงประมูลขึ้นทั้งหมดสามแห่งแต่แห่งแรกนั้นเป็นโรงประมูลสำหรับเหล่ายอดฝีมือในขั้นโฮ่วเทียน และผู้ที่เริ่มเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน ทั้งสองแห่งนี้จึงไม่เหมาะที่เจ้าจะไป..”
หลิงหยุนตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีพร้อมกับถามไปว่า “แล้วอีกสองแห่งล่ะ”
“อีกสองแห่งน่าสนใจมากทีเดียว!”
เย่ซิงเฉินเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดต่อว่า“โรงประมูลแห่งแรกจัดโดยตระกูลเย่ และจะเริ่มขึ้นในอีกแปดวันข้างหน้าซึ่งจะตรงกับวันที่เก้ากันยายนนี้ แต่จะจัดที่ใดนั้นตระกูลเย่เองก็ยังไม่ได้ประกาศชัดเจน..”
“ข้าว่าโรงประมูลแห่งนี้น่าจะมีของที่เจ้าต้องการ..”
หลิงหยุนพยักหน้าทันที“ข้าต้องไปร่วมประมูลแน่! ข้าต้องการผ้าแพรไหมดำ ส่วนสมบัติล้ำค่าอื่นๆ ต้องดูว่าจะโชคดีเพียงใด”
เย่ซิงเฉินยิ้ม“ได้.. ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
เย่ซิงเฉินเป็นถึงธิดาพรรคมารจึงเสมือตัวแทนของพรรคมารนางต้องดูแลองค์กรนักฆ่า จึงจำเป็นต้องหาซื้อทรัพยากร และอาวุธสำหรับฝึกฝน อีกทั้งยังต้องการนำของที่มีอยู่ไปประมูล นางจึงต้องไปที่โรงประมูลชาวยุทธอยู่บ่อยๆ
หลิงหยุนได้ยินว่าเย่ซิงเฉินจะไปกับเขาด้วยจึงได้แต่ถามออกมาด้วยความสงสัย “ซิงเฉิน.. เจ้าเป็นคนของพรรคมาร สามารถเข้าออกโรงประมูลที่ตระกูลเย่จัดได้ด้วยงั้นรึ!
เย่ซิงเฉินยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“ได้สิ! โรงประมูลนะ ไม่ใช่ที่สำหรับฆ่าคน..”
“ตามกฏของยุทธภพแล้ว..ห้ามมีการต่อสู้กันในโรงประมูลโดยเด็ดขาด!”
“อีกอย่าง..ไม่ว่าจะเป็นโรงประมูลที่จัดโดยตระกูลหลงหรือตระกูลย่.. พวกเขาต่างก็แสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดอยู่แล้ว หากผู้ที่ไปไม่จงใจไปสร้างปัญหาให้กับโรงประมูล!”
“แต่หากเกรงว่าจะมีปัญหา..ข้าก็ปลอมตัวเข้าไป ไม่มีผู้ใดจำข้าได้แน่!” “อ่อ..ข้าเข้าใจแล้ว!”
หลิงหยุนได้ฟังคำอธิบายของเย่ซิงเฉินก็เข้าใจได้ทันทีสำหรับผู้ฝึกในขั้นสูงๆนั้น สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ เปลี่ยนเสียงได้เลยทีเดียว แต่จะคงอยู่ได้นานหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับขั้นกำลังของคนผู้นั้น
แต่หากอยู่ต่อหน้าผู้ที่มีขั้นพลังสูงส่งกว่าก็ยากที่จะปิดบังอีกฝ่ายได้..
“ได้..ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะไปด้วยกัน!”
“แล้วโรงประมูลอีกแห่งเล่า”หลิงหยุนถามขึ้นด้วยความอยากรู้..
เย่ซิงเฉินตอบกลับไปทันที“อีกแห่งจะเปิดหลังจากนี้ราวครึ่งเดือน.. ซึ่งจะตรงกับวันชุมนุมชาวยุทธพอดี!”
“โรงประมูลที่จัดขึ้นตรงกับวันชุมนุมชาวยุทธนั้นจะเป็นโรงประมูลขนาดใญ่ที่รวมเอาอาวุธ โอสถล้ำค่า ยันต์ และของล้ำค่าอื่นๆที่หาได้ยากอีกมากมายเลยทีเดียว!”
“แม้กระทั่งข้อมูลสำคัญๆก็ยังมีการนำมาประมูลที่ห้องประมูลนี้!”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาเพราะการประมูลแห่งสุดท้ายนี้ ช่างคล้ายคลึงกับโรงประมูลในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นัก..
เย่ซิงเฉินเห็นหลิงหยุนยิ้มกว้างเช่นนั้นจึงอดที่จะถามออกมาไม่ได้ “นี่เจ้ายิ้มดีใจอะไรงั้นรึ”
“ไม่มีอะไร..ข้าแค่รู้สึกสนุกขึ้นมา!” หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
เย่ซิงเฉินมองตาหลิงหยุนพร้อมกับเล่าต่อว่า“ถูกต้อง! การประมูลทั้งสนุกแล้วก็ตื่นเต้น เพราะของแต่ละชิ้นที่นำออกมาประมูลกันนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของหายาก หรือไม่ก็แปลกประหลาด!”
“หากเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากมากๆก็จะยิ่งประมูลกันด้วยราคาที่สูงมาก หากไม่ใช่คนร่ำรวย ก็คงได้แต่ยืนมองเท่านั้น..”
เย่ซิงเฉินเล่าต่ออย่างคนที่ชำนิชำนาญเรื่องโรงประมูลเป็นอย่างดี..“แต่ถึงแม้จะสนุกมาก แต่ก็อันตรายมากเช่นกัน!”
“นั่นเพราะ..หลังการประมูลสิ้นสุดลง โรงประมูลก็จะไม่รับผิดชอบต่อชีวิตของผู้คนที่เข้าร่วมประมูลแล้ว หลังจากจบการประมูล จึงมักตามมาด้วยการเข่นฆ่ากันจนกลายเป็นเรื่องปกติ!”
“ด้วยเหตุนี้..หากไม่แข็งแกร่งพอก็ไม่ควรจะไปร่วมประมูลในครั้งนี้ ต่อให้ร่ำรวยสามารถประมูลของล้ำค่าได้ แต่หลังจากนั้นก็อาจถูกผู้อื่นแย่งชิงไป และแม้แต่ชีวิตก็ยากที่จะรักษาไว้ได้!”
หากแม้แต่เย่ซิงเฉินยังพูดเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถประมาทได้!
หลังจากที่นิ่งไปนานหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า“ตระกูลหลิงของข้าจะต้องเป็นผู้จัดโรงประมูลขึ้นบ้าง!”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดว่า..ในเมื่อตระกูลหลิงก็เป็นหนึ่งในสามเสาหลัก ก็ย่อมมีคุณสมบัติที่จะเปิดโรงประมูลได้ด้วยเช่นเดียวกัน.. เย่ซิงเฉินได้ฟังจึงได้แต่พูดขึ้นว่า“หลิงหยุน.. หากเจ้าต้องการจะเปิดโรงประมูล เจ้าต้องเตรียมการให้ดีเสียก่อน!”