“พ่อหนุ่ม..เจ้าอย่าได้กังวลใจไปหากผู้อื่นจะล่วงรู้การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของแม่สาวน้อยผู้นั้น แต่เจ้ามั่นใจได้ว่าจะไม่มีผู้ใดรู้เห็นการปรากกฏตัวของข้ากับตาเฒ่านั่นแน่!”
ดวงจิตซึ่งสถิตอยู่ในพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์สื่อสารบอกหลิงหยุนระหว่างที่พูดนั้นเงาที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ก็มองลงไปที่ผืนดินเบื้องล่าง แล้วจึงอธิบายต่อว่า
“เพราะโลกที่พวกเราอยู่ในเวลานี้ได้ถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง! แม้แต่จิตหยั่งรู้ก็ไม่อาจมองเห็น!”
หลิงหยุนได้ฟังจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก..
หลังจากที่พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ได้ดูดกลืนพลังอมตะเส้นสุดท้ายเข้าไปแล้ว จึงได้บอกกับหลิงหยุนว่า
“พลังอมตะสีทองเหล่านี้ข้าจะช่วยเก็บไว้ให้เจ้าก่อน และเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญของการบ่มเพาะตน ข้ากับตาเฒ่าจะช่วยเจ้าเอง แต่จะฝึกเช่นใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้า..”
“ข้าน้อยขอบคุณอาวุโสยิ่งนัก!”
หลิงหยุนพยักหน้าและเอ่ยขอบคุณชายชราอย่างจริงใจ.. เขารู้จักพู่กันจักรพรรดิดีกว่าใคร เพราะที่ผ่านมานับตั้งแต่เขาได้ให้พู่กันจักรพรรดิดื่มเลือดตนเองเข้าไปนั้น ไม่ว่าเขาจะตกอยู่ในห้วงวิกฤติจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดสักกี่ครั้ง พู่กันจักรพรรดิก็ออกมาช่วยเขาไว้ได้ทันเวลาเสมอ เพียงแต่ไม่ยอมสื่อสารกับเขาเท่านั้นเอง..
และหากไม่ได้พลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดิ เขาก็คงไม่สามารถฝึกฝนจนก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้แน่!
ตูม!
จู่ๆพายุหมุนลูกใหญ่บนท้องฟ้าก็ได้พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างสุดกำลัง และเกิดเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น เสียงดังสะเทือนเข้าไปในแก้วหูของหลิงหยุน จนเขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นภายในหูทันที ในขณะเดียวกันนั้น สมุดจักรพรรดิสีทองขนาดใหญ่ที่สกัดกั้นอยู่นั้น ก็ได้ทรุด และร่วงหล่นลงมาราวหนึ่งร้อยเมตรได้..
“นี่ตาเฒ่า..อย่าบอกนะว่าเจ้าหมดแรงแล้ว!”
พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เงยหน้าขึ้นมองสมุดสีทองเล่มใหญ่พร้อมกับร้องตะโกนบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า
“พ่อหนุ่ม..เจ้าต้องการจะขึ้นไปดูข้างบนหรือไม่”
ทันทีที่ได้ยินคำถามของพู่กันจักรพรรดิหลิงหยุนก็แทบไม่ต้องไตร่ตรองเลยแม้แต่น้อย เขาต้องการที่จะเห็นอย่างมากจึงรีบตอบกลับไปทันที
“ต้องการ!”
“เอาล่ะ..ถ้าเช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปเอง!” ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เงาคล้ายมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าหลิงหยุนก็ได้แบมือออก จากนั้นลำแสงสีทองก็พุ่งออกจากฝ่ามือตรงเข้าห่อหุ้มร่างของหลิงหยุนไว้ ราวกับระฆังทองที่กำลังครอบร่างของเขาอยู่ ทำให้หลิงหยุนสามารถยืนอยู่ในนั้นได้อย่างมั่นคง
จากนั้นเงาของชายชราก็ได้ยกมือขึ้นกวักเรียกหลิงหยุนแล้วร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับชายชรา จากนั้นชายชราก็ได้คว้าแขนของหลิงหยุน และพาหายเข้าไปในสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพทันที..
วินาทีต่อมา..ร่างของหลิงหยุน และพู่กันจักรพรรดิก็ได้เหาะขึ้นมาอยู่เหนือสมุดจักรพรรดิสีทองเล่มใหญ่..
“สวรรค์!!นี่มันอะไรกัน!”
ทันทีที่ได้เห็นสภาพท้องฟ้าเบื้องบนหลิงหยุนก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และได้แต่นิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่!
ภาาพท้องฟ้าที่หลิงหยุนเห็นในเวลานี้นั้นช่างเป็นภาพที่น่าหวาดผวา และน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
ท้องฟ้าเวลานี้..เหล่าทัณฑ์เมฆาได้สลายตัวไปหมดแล้ว มีเพียงพายุหมุนขนาดใหญ่ราวหนึ่งร้อยเมตรอยู่เพียงลูกเดียว ขนาดที่ใหญ่มหึมาของมันนั้น ทำให้ดูคล้ายกับหลุมดำขนาดใหญ่ที่ภายในมีสายฟ้าสีดำ สีเขียว สีม่วง และสีทองอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด สายฟ้าแต่ละเส้นก็มีขนาดใหญ่ไม่น้อยกว่าสิบเมตร และกำลังพุ่งออกจากหลุมดำฟาดเข้าใส่สมุดจักรพรรดิอย่างต่อเนื่อง ราวกับกำลังจะปรับแต่งสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพเสียใหม่!
ภาพที่ปรากฏอยู่เวลานี้แม้จะไม่เหมือนกับภาพในการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งสุดท้ายของหลิงหยุน เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่เสียทีเดียว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ห่างไกลกันมากนัก..
แม้ว่าสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพจะถูกสายฟ้าขนาดมหึมาหลากหลายสีฟาดเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้งแต่ก็ดูเหมือนไม่ได้รับความเสียหายอะไรมากนัก มีเพียงแค่แรงสั่นสะเทือนรุนแรงจนกระเพื่อมขึ้นลงเป็นลูกคลื่นเท่านั้น แต่ยังนับว่าสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี..
ทันทีที่หลิงหยุนปรากฏตัวขึ้นเหนือสมุดจักรพรรดิบรรดาสายฟ้าขนาดใหญ่นั้นก็ได้ฟาดเข้าใส่ร่างของเขาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพียงแต่เวลานี้ที่เหนือศรีษะของหลิงหยุนนั้นมีหม้อเสินหนง และแสงสีทองของพู่กันจักรพรรดิปกป้องอยู่ ทำให้หลิงหยุนสามารถยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นได้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง เพราะรู้ว่าสายฟ้าเหล่านั้นจะไม่สามารถทำอันตรายตนเองได้..
ในระยะที่ใกล้เช่นนี้หลิงหยุนสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ด้วยตาเนื้อของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยจิตหยั่งรู้
“ต้นหลิวเทวะวิญญาณนี่!”
หลิงหยุนนั่งลงขัดสมาธิอยู่ภายในแสงสีทองแล้วจึงค่อยๆหันมองไปรอบตัว สิ่งแรกที่เขาเห็นคือต้นหลิวเทวะวิญญาณซึ่งหยั่งรากลึกลงบนสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพนั้น กำลังใช้กิ่งก้านของมันต่อสู้กับสายฟ้าที่จู่โจมลงมาจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว..
คืนนี้เป็นการรับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วของหนิงหลิงยู่เป็นครั้งแรกหลิงหยุนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาก เขาจึงไม่ได้นำหลิวเทวะวิญญาณที่บ้านตระกูลหลิงติดตัวมาด้วย..
หลิงหยุนตกใจอย่างที่สุดกับภาพที่เห็นในเวลานี้เขาไม่คิดไม่ฝันว่าต้นหลิวเทวะวิญญาณจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับเหล่าสายฟ้าเทวะเพียงลำพังเช่นนี้ได้ มิหนำซ้ำยังดูเหมือนว่าหลิวเทวะวิญญาณกำลังอาศัยสายฟ้าเหล่านี้ช่วยให้เจริญเติบโตรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย!
“น่าเสียดาย..หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าจะนำหลิวเทวะวิญญาณอีกต้นติดตัวมาด้วย!”
หลิงหยุนได้แต่พึมพำด้วยความเสียดายและได้แต่นึกปลอบใจตัวเองว่า ‘เอาเถอะ.. อย่างน้อยหลิวเทวะวิญญาณทั้งสองต้นก็ยังเป็นของข้า!’ ครืน..
จู่ๆหม้อเสินหนงก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดใหญ่กว่าสิบเมตร เพื่อทำการรับสายฟ้าเทวะที่ฟาดกระหน่ำลงมาอย่างเกรี้ยวกราด ดูเหมือนหม้อเสินหนงเองก็กำลังอาศัยสายฟ้าเทวะ ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวมันเอง ดังเช่นที่ต้นหลิวเทวะวิญญาณทำอยู่..
ครืน..เปรี้ยง!
เงาของชายชราปรากฏขึ้นเหนือพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ร่างเลือนลางนั้นแทบจะทันที แต่เจ้าของร่างกลับยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ปล่อยให้สายฟ้าจำนวนมากที่พุ่งออกจากหลุมดำขนาดใหญ่นั้น ฟาดเข้าใส่จนแทบมองไม่เห็นร่าง..
หลังจากนั้น..ชายชราก็ได้เคลื่อนไหว และสายฟ้าสีดำที่ฟาดเข้าใส่ร่างของเขานั้น ก็หักออกเป็นเสี่ยงๆ เกิดเป็นกระแสไฟแปลปลาบไปทั่วแผ่นฟ้า!
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองหรอกรึ!” มาถึงตอนนี้..ในที่สุดหลิงหยุนเองก็เพิ่งจะเข้าใจได้ว่า สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพนั้น คือของวิเศษที่ใช้ในการป้องกัน และต้านทาน ส่วนพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์นั้น เป็นของวิเศษที่ใช้ในการต่อสู้ และจู่โจม ของวิเศษทั้งสองชิ้นนี้จะทำหน้าที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน..
“น้องชาย..เจ้าไปเก็บเกี่ยวพลังอมตะสีม่วงเถิด ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า!”
หลิงหยุนเห็นว่าพู่กันจักรพรรดิสามารถที่จะทำลายสายฟ้าขนาดใหญ่เหล่านั้นได้แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำ และยังคงปล่อยให้สายฟ้าเทวะสีทองฟาดเข้าใส่ร่างอย่างไม่เกรงกลัว..
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับคิดในใจว่า‘น่าเสียดายที่ข้าไม่มีของวิเศษทั้งสองสิ่งนี้เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าก็คงจะสามารถต้านทางสายฟ้าเทวะสีม่วงเส้นสุดท้ายได้เป็นแน่!’ ครืน..เปรี้ยง!
เสียงฟ้าคำรามและฟ้าผ่ายังคงดังไปทั่วทุกหนทุกแห่ง อสุนีบาตจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งออกมาจากหลุมดำฟาดตรงเข้าใส่พู่กันจักรพรรดิอย่างไม่ปราณี
“หึ..สายฟ้าของเจ้าก็แค่เกาทัณฑ์เท่านั้นล่ะ!”
เสียงตะโกนแข็งกร้าวของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ดังก้องขึ้นและจู่ๆ เงาที่เห็นก็เปล่งประกายเป็นภาพชายชรากำลังถือพู่กันไว้ในมือ และกำลังกระโจนเข้าไปในหลุมดำมหึมาตรงหน้า!
“ช่างน่าตื่นเต้นและอัศจรรย์มากจริงๆ!”
หลิงหยุนได้แต่พึมพำเมื่อเห็นพู่กันจักรพรรดิพุ่งเข้าไปในหลุมดำขนาดใหญ่หมายจะเอาชนะเช่นนั้น!
ปัง!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง..จากนั้นโลกทั้งโลกก็เงียบสนิท หลิงหยุนเห็นสายฟ้าเทวะทั้งหมดรวมตัวกันกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ และกำลังรวบร่างของพู่กันจักรพรรดิไว้!
“อาวุโส..ได้โปรดระวังตัวด้วย!”
แม้ว่าหลิงหยุนจะเห็นความเก่งกาจและแข็งแกร่งของชายชรา แต่ก็ใช่ว่าจะประมาทได้ หลิงหยุนจึงได้แต่ร้องเตือนออกไปด้วยความตกใจ
“พ่อหนุ่ม..เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์นั้นร้ายกาจมากเพียงใด!”
ภายในจุดซือไห่ของหลิงหยุนเสียงหัวเราะของพู่กันจักรพรรดิดังกึกก้องไม่หยุด อีกทั้งยังบอกหลิงหยุนไม่ให้ตื่นตระหนก จากนั้นมือของเขาก็ตวัดพู่กันในมือเข้าใส่เหล่าสายฟ้าอย่างรวดเร็ว!
ฝ่ามือขนาดใหญ่นั้นถูกพู่กันของชายชราฟันขาดออกเป็นสองท่อนแต่เขาไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น และยังคงสะบัดพู่กันไปมาอีกหลายครั้ง จนสายฟ้าจำนวนมากนั้นขาดออกเป็นเสี่ยงๆ และไม่สามารถรวมตัวกันเป็นฝ่ามือใหญ่ได้อีก!
จากนั้น..ดวงจิตของพู่กันจักรพรรดิที่ถือพู่กันไว้ในมือขวา ก็กระโจนเข้าใส่หลุมดำขนาดใหญ่นั้นอีกครั้ง พร้อมกับเขียนอักขระคำว่า 封 (เฟิง) ซึ่งแปลว่าผนึกไว้ที่ปากหลุมทันที..
สายฟ้าเทวะสีทองที่กำลังพุ่งออกมานั้นเมื่อเผชิญกับอักขระ 封 (เฟิง) ก็ไม่สามารถพุ่งออกมาจากหลุมดำได้ และในนาทีนั้นเอง หลิงหยุนก็เห็นว่าพายุหมุนขนาดมหึมานั้นได้หายวับไปกับตาทันที!
หลิงหยุนยังคงนั่งอยู่บนสมุดจักรพรรดิสีทองเล่มใหญ่และมีหม้อเสินหนงขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือศรีษะ ในขณะที่กิ่งของต้นหลิวเทวะวิญญาณยังคงแกว่งไปมา และลำต้นของมันเริ่มกลายเป็นสีม่วง!
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นความจริง!
ดวงจิตของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของหลิงหยุน และเวลานี้ร่างของชายชราก็ดูใกล้เคียงกับคนจริงๆอย่างมาก ร่างทั้งร่างมีสีทองเปล่งปลั่ง แววตาก็เป็นประกายสีทองระยิบระยับ แต่สีหน้านั้นบ่งบอกว่าเป็นคนใจดี และขี้เล่น..
“พ่อหนุ่ม..ในเมื่อวันนี้ข้ากับน้องชายได้ช่วยเจ้าขโมยทรัพยากรสวรรค์อย่างสุดกำลังแล้ว เจ้าเองก็ต้องพยายามเติบโตให้เร็วที่สุดเช่นกัน ยังมีผู้คนอีกมากมายรอคอยเจ้าอยู่!”
หลังจากพูดสองประโยคนี้จบ..ดวงจิตของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ก็หายเข้าไปในพู่กันทันที จากนั้นพู่กันจักรพรรดิก็หดตัวลงเหลือเพียงแค่จุดเล็กๆ แล้วหายเข้าไปในจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนทันที!
แล้วสีทองที่ครอบร่างของหลิงหยุนอยู่ก็หายวับไปด้วยเช่นกัน..
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิดซึ่งพายุหมุนสีดำลูกใหญ่เพิ่งจะหายวับไปจากนั้นหม้อเสินหนงก็เริ่มหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเดิม หลังจากที่สำรวจอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหยุนจึงเรียกเข้าไปเก็บในแหวนจักรวาลดังเดิม..
หม้อเสินหนงดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วงไปมากอีกทั้งยังดูดเอาสายฟ้าเทวะเข้าไปมากมาย จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่เวลานี้ยังไม่เหมาะที่จะมานั่งพินิจพิจารณารายละเอียดของหม้อเสินหนง หลิงหยุนจึงต้องเก็บมันกลับเข้าไปก่อน..
ในระหว่างนั้น..สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพก็ค่อยๆหดเล็กลง และหายกลับเข้าไปอยู่ในจุดตันเถียนของหลิงหยุนดังเดิม ดูเหมือนสมุดจักรพรรดิก็ได้ดูดกลืนพลังอมตะสีม่วงเข้าไปมากมายเช่นกัน..
ครั้งนี้นับว่าหลิงหยุนได้ประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลจริงๆแต่จนถึงเวลานี้สมุดจักรพรรดิแห่งผืนแผ่นดินก็ยังคงไม่สื่อสารกับเขา..
“คงอีกไม่นานหรอก..”
หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมรำพึงรำพันกับตัวเองจากนั้นจึงบังคับกระบี่เหินเงาธนูให้เหาะกลับไปหาหนิงหลิงยู่..
ดวงจิตซึ่งสถิตอยู่ในพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์สื่อสารบอกหลิงหยุนระหว่างที่พูดนั้นเงาที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ก็มองลงไปที่ผืนดินเบื้องล่าง แล้วจึงอธิบายต่อว่า
“เพราะโลกที่พวกเราอยู่ในเวลานี้ได้ถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง! แม้แต่จิตหยั่งรู้ก็ไม่อาจมองเห็น!”
หลิงหยุนได้ฟังจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก..
หลังจากที่พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ได้ดูดกลืนพลังอมตะเส้นสุดท้ายเข้าไปแล้ว จึงได้บอกกับหลิงหยุนว่า
“พลังอมตะสีทองเหล่านี้ข้าจะช่วยเก็บไว้ให้เจ้าก่อน และเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญของการบ่มเพาะตน ข้ากับตาเฒ่าจะช่วยเจ้าเอง แต่จะฝึกเช่นใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้า..”
“ข้าน้อยขอบคุณอาวุโสยิ่งนัก!”
หลิงหยุนพยักหน้าและเอ่ยขอบคุณชายชราอย่างจริงใจ.. เขารู้จักพู่กันจักรพรรดิดีกว่าใคร เพราะที่ผ่านมานับตั้งแต่เขาได้ให้พู่กันจักรพรรดิดื่มเลือดตนเองเข้าไปนั้น ไม่ว่าเขาจะตกอยู่ในห้วงวิกฤติจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดสักกี่ครั้ง พู่กันจักรพรรดิก็ออกมาช่วยเขาไว้ได้ทันเวลาเสมอ เพียงแต่ไม่ยอมสื่อสารกับเขาเท่านั้นเอง..
และหากไม่ได้พลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดิ เขาก็คงไม่สามารถฝึกฝนจนก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้แน่!
ตูม!
จู่ๆพายุหมุนลูกใหญ่บนท้องฟ้าก็ได้พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างสุดกำลัง และเกิดเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น เสียงดังสะเทือนเข้าไปในแก้วหูของหลิงหยุน จนเขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นภายในหูทันที ในขณะเดียวกันนั้น สมุดจักรพรรดิสีทองขนาดใหญ่ที่สกัดกั้นอยู่นั้น ก็ได้ทรุด และร่วงหล่นลงมาราวหนึ่งร้อยเมตรได้..
“นี่ตาเฒ่า..อย่าบอกนะว่าเจ้าหมดแรงแล้ว!”
พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เงยหน้าขึ้นมองสมุดสีทองเล่มใหญ่พร้อมกับร้องตะโกนบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า
“พ่อหนุ่ม..เจ้าต้องการจะขึ้นไปดูข้างบนหรือไม่”
ทันทีที่ได้ยินคำถามของพู่กันจักรพรรดิหลิงหยุนก็แทบไม่ต้องไตร่ตรองเลยแม้แต่น้อย เขาต้องการที่จะเห็นอย่างมากจึงรีบตอบกลับไปทันที
“ต้องการ!”
“เอาล่ะ..ถ้าเช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปเอง!” ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เงาคล้ายมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าหลิงหยุนก็ได้แบมือออก จากนั้นลำแสงสีทองก็พุ่งออกจากฝ่ามือตรงเข้าห่อหุ้มร่างของหลิงหยุนไว้ ราวกับระฆังทองที่กำลังครอบร่างของเขาอยู่ ทำให้หลิงหยุนสามารถยืนอยู่ในนั้นได้อย่างมั่นคง
จากนั้นเงาของชายชราก็ได้ยกมือขึ้นกวักเรียกหลิงหยุนแล้วร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับชายชรา จากนั้นชายชราก็ได้คว้าแขนของหลิงหยุน และพาหายเข้าไปในสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพทันที..
วินาทีต่อมา..ร่างของหลิงหยุน และพู่กันจักรพรรดิก็ได้เหาะขึ้นมาอยู่เหนือสมุดจักรพรรดิสีทองเล่มใหญ่..
“สวรรค์!!นี่มันอะไรกัน!”
ทันทีที่ได้เห็นสภาพท้องฟ้าเบื้องบนหลิงหยุนก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และได้แต่นิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่!
ภาาพท้องฟ้าที่หลิงหยุนเห็นในเวลานี้นั้นช่างเป็นภาพที่น่าหวาดผวา และน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
ท้องฟ้าเวลานี้..เหล่าทัณฑ์เมฆาได้สลายตัวไปหมดแล้ว มีเพียงพายุหมุนขนาดใหญ่ราวหนึ่งร้อยเมตรอยู่เพียงลูกเดียว ขนาดที่ใหญ่มหึมาของมันนั้น ทำให้ดูคล้ายกับหลุมดำขนาดใหญ่ที่ภายในมีสายฟ้าสีดำ สีเขียว สีม่วง และสีทองอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด สายฟ้าแต่ละเส้นก็มีขนาดใหญ่ไม่น้อยกว่าสิบเมตร และกำลังพุ่งออกจากหลุมดำฟาดเข้าใส่สมุดจักรพรรดิอย่างต่อเนื่อง ราวกับกำลังจะปรับแต่งสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพเสียใหม่!
ภาพที่ปรากฏอยู่เวลานี้แม้จะไม่เหมือนกับภาพในการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งสุดท้ายของหลิงหยุน เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่เสียทีเดียว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ห่างไกลกันมากนัก..
แม้ว่าสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพจะถูกสายฟ้าขนาดมหึมาหลากหลายสีฟาดเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้งแต่ก็ดูเหมือนไม่ได้รับความเสียหายอะไรมากนัก มีเพียงแค่แรงสั่นสะเทือนรุนแรงจนกระเพื่อมขึ้นลงเป็นลูกคลื่นเท่านั้น แต่ยังนับว่าสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี..
ทันทีที่หลิงหยุนปรากฏตัวขึ้นเหนือสมุดจักรพรรดิบรรดาสายฟ้าขนาดใหญ่นั้นก็ได้ฟาดเข้าใส่ร่างของเขาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพียงแต่เวลานี้ที่เหนือศรีษะของหลิงหยุนนั้นมีหม้อเสินหนง และแสงสีทองของพู่กันจักรพรรดิปกป้องอยู่ ทำให้หลิงหยุนสามารถยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นได้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง เพราะรู้ว่าสายฟ้าเหล่านั้นจะไม่สามารถทำอันตรายตนเองได้..
ในระยะที่ใกล้เช่นนี้หลิงหยุนสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ด้วยตาเนื้อของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยจิตหยั่งรู้
“ต้นหลิวเทวะวิญญาณนี่!”
หลิงหยุนนั่งลงขัดสมาธิอยู่ภายในแสงสีทองแล้วจึงค่อยๆหันมองไปรอบตัว สิ่งแรกที่เขาเห็นคือต้นหลิวเทวะวิญญาณซึ่งหยั่งรากลึกลงบนสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพนั้น กำลังใช้กิ่งก้านของมันต่อสู้กับสายฟ้าที่จู่โจมลงมาจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว..
คืนนี้เป็นการรับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วของหนิงหลิงยู่เป็นครั้งแรกหลิงหยุนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาก เขาจึงไม่ได้นำหลิวเทวะวิญญาณที่บ้านตระกูลหลิงติดตัวมาด้วย..
หลิงหยุนตกใจอย่างที่สุดกับภาพที่เห็นในเวลานี้เขาไม่คิดไม่ฝันว่าต้นหลิวเทวะวิญญาณจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับเหล่าสายฟ้าเทวะเพียงลำพังเช่นนี้ได้ มิหนำซ้ำยังดูเหมือนว่าหลิวเทวะวิญญาณกำลังอาศัยสายฟ้าเหล่านี้ช่วยให้เจริญเติบโตรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย!
“น่าเสียดาย..หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าจะนำหลิวเทวะวิญญาณอีกต้นติดตัวมาด้วย!”
หลิงหยุนได้แต่พึมพำด้วยความเสียดายและได้แต่นึกปลอบใจตัวเองว่า ‘เอาเถอะ.. อย่างน้อยหลิวเทวะวิญญาณทั้งสองต้นก็ยังเป็นของข้า!’ ครืน..
จู่ๆหม้อเสินหนงก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดใหญ่กว่าสิบเมตร เพื่อทำการรับสายฟ้าเทวะที่ฟาดกระหน่ำลงมาอย่างเกรี้ยวกราด ดูเหมือนหม้อเสินหนงเองก็กำลังอาศัยสายฟ้าเทวะ ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวมันเอง ดังเช่นที่ต้นหลิวเทวะวิญญาณทำอยู่..
ครืน..เปรี้ยง!
เงาของชายชราปรากฏขึ้นเหนือพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ร่างเลือนลางนั้นแทบจะทันที แต่เจ้าของร่างกลับยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ปล่อยให้สายฟ้าจำนวนมากที่พุ่งออกจากหลุมดำขนาดใหญ่นั้น ฟาดเข้าใส่จนแทบมองไม่เห็นร่าง..
หลังจากนั้น..ชายชราก็ได้เคลื่อนไหว และสายฟ้าสีดำที่ฟาดเข้าใส่ร่างของเขานั้น ก็หักออกเป็นเสี่ยงๆ เกิดเป็นกระแสไฟแปลปลาบไปทั่วแผ่นฟ้า!
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองหรอกรึ!” มาถึงตอนนี้..ในที่สุดหลิงหยุนเองก็เพิ่งจะเข้าใจได้ว่า สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพนั้น คือของวิเศษที่ใช้ในการป้องกัน และต้านทาน ส่วนพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์นั้น เป็นของวิเศษที่ใช้ในการต่อสู้ และจู่โจม ของวิเศษทั้งสองชิ้นนี้จะทำหน้าที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน..
“น้องชาย..เจ้าไปเก็บเกี่ยวพลังอมตะสีม่วงเถิด ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า!”
หลิงหยุนเห็นว่าพู่กันจักรพรรดิสามารถที่จะทำลายสายฟ้าขนาดใหญ่เหล่านั้นได้แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำ และยังคงปล่อยให้สายฟ้าเทวะสีทองฟาดเข้าใส่ร่างอย่างไม่เกรงกลัว..
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับคิดในใจว่า‘น่าเสียดายที่ข้าไม่มีของวิเศษทั้งสองสิ่งนี้เมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าก็คงจะสามารถต้านทางสายฟ้าเทวะสีม่วงเส้นสุดท้ายได้เป็นแน่!’ ครืน..เปรี้ยง!
เสียงฟ้าคำรามและฟ้าผ่ายังคงดังไปทั่วทุกหนทุกแห่ง อสุนีบาตจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งออกมาจากหลุมดำฟาดตรงเข้าใส่พู่กันจักรพรรดิอย่างไม่ปราณี
“หึ..สายฟ้าของเจ้าก็แค่เกาทัณฑ์เท่านั้นล่ะ!”
เสียงตะโกนแข็งกร้าวของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ดังก้องขึ้นและจู่ๆ เงาที่เห็นก็เปล่งประกายเป็นภาพชายชรากำลังถือพู่กันไว้ในมือ และกำลังกระโจนเข้าไปในหลุมดำมหึมาตรงหน้า!
“ช่างน่าตื่นเต้นและอัศจรรย์มากจริงๆ!”
หลิงหยุนได้แต่พึมพำเมื่อเห็นพู่กันจักรพรรดิพุ่งเข้าไปในหลุมดำขนาดใหญ่หมายจะเอาชนะเช่นนั้น!
ปัง!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง..จากนั้นโลกทั้งโลกก็เงียบสนิท หลิงหยุนเห็นสายฟ้าเทวะทั้งหมดรวมตัวกันกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ และกำลังรวบร่างของพู่กันจักรพรรดิไว้!
“อาวุโส..ได้โปรดระวังตัวด้วย!”
แม้ว่าหลิงหยุนจะเห็นความเก่งกาจและแข็งแกร่งของชายชรา แต่ก็ใช่ว่าจะประมาทได้ หลิงหยุนจึงได้แต่ร้องเตือนออกไปด้วยความตกใจ
“พ่อหนุ่ม..เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์นั้นร้ายกาจมากเพียงใด!”
ภายในจุดซือไห่ของหลิงหยุนเสียงหัวเราะของพู่กันจักรพรรดิดังกึกก้องไม่หยุด อีกทั้งยังบอกหลิงหยุนไม่ให้ตื่นตระหนก จากนั้นมือของเขาก็ตวัดพู่กันในมือเข้าใส่เหล่าสายฟ้าอย่างรวดเร็ว!
ฝ่ามือขนาดใหญ่นั้นถูกพู่กันของชายชราฟันขาดออกเป็นสองท่อนแต่เขาไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น และยังคงสะบัดพู่กันไปมาอีกหลายครั้ง จนสายฟ้าจำนวนมากนั้นขาดออกเป็นเสี่ยงๆ และไม่สามารถรวมตัวกันเป็นฝ่ามือใหญ่ได้อีก!
จากนั้น..ดวงจิตของพู่กันจักรพรรดิที่ถือพู่กันไว้ในมือขวา ก็กระโจนเข้าใส่หลุมดำขนาดใหญ่นั้นอีกครั้ง พร้อมกับเขียนอักขระคำว่า 封 (เฟิง) ซึ่งแปลว่าผนึกไว้ที่ปากหลุมทันที..
สายฟ้าเทวะสีทองที่กำลังพุ่งออกมานั้นเมื่อเผชิญกับอักขระ 封 (เฟิง) ก็ไม่สามารถพุ่งออกมาจากหลุมดำได้ และในนาทีนั้นเอง หลิงหยุนก็เห็นว่าพายุหมุนขนาดมหึมานั้นได้หายวับไปกับตาทันที!
หลิงหยุนยังคงนั่งอยู่บนสมุดจักรพรรดิสีทองเล่มใหญ่และมีหม้อเสินหนงขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือศรีษะ ในขณะที่กิ่งของต้นหลิวเทวะวิญญาณยังคงแกว่งไปมา และลำต้นของมันเริ่มกลายเป็นสีม่วง!
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นความจริง!
ดวงจิตของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของหลิงหยุน และเวลานี้ร่างของชายชราก็ดูใกล้เคียงกับคนจริงๆอย่างมาก ร่างทั้งร่างมีสีทองเปล่งปลั่ง แววตาก็เป็นประกายสีทองระยิบระยับ แต่สีหน้านั้นบ่งบอกว่าเป็นคนใจดี และขี้เล่น..
“พ่อหนุ่ม..ในเมื่อวันนี้ข้ากับน้องชายได้ช่วยเจ้าขโมยทรัพยากรสวรรค์อย่างสุดกำลังแล้ว เจ้าเองก็ต้องพยายามเติบโตให้เร็วที่สุดเช่นกัน ยังมีผู้คนอีกมากมายรอคอยเจ้าอยู่!”
หลังจากพูดสองประโยคนี้จบ..ดวงจิตของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ก็หายเข้าไปในพู่กันทันที จากนั้นพู่กันจักรพรรดิก็หดตัวลงเหลือเพียงแค่จุดเล็กๆ แล้วหายเข้าไปในจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนทันที!
แล้วสีทองที่ครอบร่างของหลิงหยุนอยู่ก็หายวับไปด้วยเช่นกัน..
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิดซึ่งพายุหมุนสีดำลูกใหญ่เพิ่งจะหายวับไปจากนั้นหม้อเสินหนงก็เริ่มหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเดิม หลังจากที่สำรวจอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหยุนจึงเรียกเข้าไปเก็บในแหวนจักรวาลดังเดิม..
หม้อเสินหนงดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วงไปมากอีกทั้งยังดูดเอาสายฟ้าเทวะเข้าไปมากมาย จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่เวลานี้ยังไม่เหมาะที่จะมานั่งพินิจพิจารณารายละเอียดของหม้อเสินหนง หลิงหยุนจึงต้องเก็บมันกลับเข้าไปก่อน..
ในระหว่างนั้น..สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพก็ค่อยๆหดเล็กลง และหายกลับเข้าไปอยู่ในจุดตันเถียนของหลิงหยุนดังเดิม ดูเหมือนสมุดจักรพรรดิก็ได้ดูดกลืนพลังอมตะสีม่วงเข้าไปมากมายเช่นกัน..
ครั้งนี้นับว่าหลิงหยุนได้ประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลจริงๆแต่จนถึงเวลานี้สมุดจักรพรรดิแห่งผืนแผ่นดินก็ยังคงไม่สื่อสารกับเขา..
“คงอีกไม่นานหรอก..”
หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมรำพึงรำพันกับตัวเองจากนั้นจึงบังคับกระบี่เหินเงาธนูให้เหาะกลับไปหาหนิงหลิงยู่..