–ยอดฝีมือคนสุดท้ายสวมชุดผ้าแพรไหมดำเจ้าจัดการถอดชุดของมันออกมา แล้วรากร่างของมันไปทิ้งไว้ในป่า– หลิงหยุนร้องบอกตี้เสี่ยวอู๋
หลิงหยุนคาดเดาว่ายอดฝีมือทั้งสิบสองคนนี้น่าจะเป็นกลุ่มหัวขโมยที่รวมตัวกันเพื่อดักปล้นสมบัติล้ำค่าจากผู้ที่ประมูลได้ และน่าจะทำมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะดูจากอาวุธหลากหลายชนิดที่พวกมันใช้ และถุงผ้าที่ภายในมีวัตถุวิเศษล้ำค่าอีกมากมายหลายชนิด
แต่น่าเสียดายที่พวกมันกลับไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหล่านั้นเพราะถูกหลิงหยุนสังหารตายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ตี้เสี่ยวอู๋ออกมาจากป่าที่ซ่อนตัวและจัดการเตะร่างที่นอนขวางถนนออกไป แล้วจึงทำการค้นตัวของพวกมัน
เสี่ยวเม่ยเม่ยที่อยู่ในรถได้แต่นั่งมองตี้เสี่ยวอู๋จัดการเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณเหล่านั้นนิ่งเงียบในใจพลันนึกไปถึงเมื่อครั้งที่ตนเคยลอบสังหารหลิงหยุนเมื่อหกเดือนก่อน..
‘ข้าช่างโง่เขลายิ่งนัก..’
เสี่ยวเม่ยเม่ยได้แต่คิดว่าการที่ตนสามารถรอดชีวิตมาจากเงื้อมือของหลิงหยุนได้นั้น ช่างเป็นปาฏิหารย์ยิ่งนัก!
–รีบไปเร็วเข้า..ด้านหน้ามีหลายคนกำลังคิดที่จะหนี!-
ใช่ว่าหลิงหยุนจะมีจิตหยั่งรู้เพียงคนเดียวยอดฝีมือคนอื่นก็มีเช่นกัน หลังจากที่พวกมันพบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หลายคนจึงไม่กล้าคิดที่จะปล้นเสี่ยวเม่ยเม่ยอีกเลย
ลึกเข้าไปในป่าข้างทางด้านหน้ายังมียอดฝีมือที่เก่งกาจดักซุ่มคอยปล้นอยู่อีกมากมาย พวกมันต่างก็คอยจับตาดูเสี่ยวเม่ยเม่ยก่อนว่าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด อีกหนึ่งเหตุผลที่พวกมันไม่เลือกที่จะลงมือก่อน เพราะไม่ต้องการให้ตนเป็นเป้าถูกกลุ่มอื่นล้อมปล้นเช่นกัน ดังนั้นระหว่างที่ดักซุ่มอยู่นั้นพวกมันจึงได้เปิดหยิ่งรู้คอยสำรวจดูเหตุการณ์บนถนนอยู่ตลอดเวลา และเมื่อได้เห็นยอดฝีมือด่านสุดท้ายขั้นเซียงเทียนทั้งสิบสองคนถูกสังหารตายอย่างเลือดเย็นและรวดเร็วเช่นนั้น พวกมันก็ถึงกับเหงื่อตก และเสียวแผ่นหลังวาบขึ้นมาทันที
นี่เป็นกับดัก..มียอดฝีมือสูงส่งกำลังดักล่าพวกเราอีที!
หากคนผู้นั้นไม่โง่จนเกินไปก็ย่อมที่จะมองสถานการณ์ออก และรีบเตือนสหายร่วมทางทันที..
ข้าเองก็เห็นยอดฝีมือทั้งสิบสองคนถูกสังหารเช่นกันสามในนัันใกล้จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 แล้วยังไม่รอดเลย น่ากลัวมากทีเดียว!
บางคนตกใจจนแทบอยากจะรีบๆหนีไปตอนนี้ทันที!
ยอดฝีมือด่านสุดท้ายขั้นเซียงเทียนหลายสิบคนนี้เพิ่งจะตกลงร่วมมือกันเป็นการชั่วคราว ผู้ที่อ่อนด้อยที่สุดอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-7 นอกนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นที่ใกล้จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 แล้ว
แผนการของพวกเขาคือ..ดักรอจนกว่ารถของเสี่ยวเม่ยเม่ยจะมาถึงในบริเวณนั้น จากนั้นจึงค่อยบุกจู่โจมปล้นเอาสมบัติที่อยู่ในรถไป แต่เมื่อทั้งหมดได้เห็นยอดฝีมือทั้งสิบสองคนถูกสังหารตายภายในชั่วพริบตาเช่นนั้น หลายคนจึงต้องการที่จะรีบหนีเอาชีวิตรอด
พวกเจ้าอย่างเพิ่งตื่นตระหนก..
หนึ่งในผู้ที่ใกล้จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9เอ่ยเตือน ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการที่จะไล่ล่าพวกเราแล้ว คงไม่ยอมปล่อยให้พวกเราหนีรอดไปได้ง่ายๆแน่
มีหนทางเดียวเท่านั้นคือพวกเราต้องระมัดระวังตัวให้มากรอให้รถขับมาถึง พวกเราทั้งหมดจึงค่อยบุกจู่โจมเข้าไปพร้อมกัน แล้วรีบแย่งชิงสมบัติในรถมาให้ได้ หากอีกฝ่ายเริ่มไล่ล่า พวกเราค่อยต่อรองแบ่งสมบัติกับมัน แต่หากอีกฝ่ายไม่ยินยอม พวกเราก็จะทำลายสมบัตินั่นทิ้งซะ!
โอ้..เป็นความคิดที่ชาญฉลาดยิ่งนัก! แผนนี้ดีมากทีเดียว..
แต่ช่างโชคร้าย..ที่หลิงหยุนได้ยินคำพูดเหล่านั้นทั้งหมดแล้ว!
–นี่เป็นกับดักอย่างที่พวกเจ้าคิดจริงๆแต่เป็นเพราะความโลภของพวกเจ้าเองไม่ใช่รึ หากเมื่อครู่พวกเจ้ายอมถอดใจ และหนีไปซะ ข้าก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่ตอนนี้.. พวกเจ้าไม่มีทางเลือกแล้ว และทางเดียวที่พวกเจ้ามีก็คือความตาย!-
น้ำเสียงเย็นยะเยือกชวนขนลุกของหลิงหยุนดังขึ้นอยู่ข้างหูของยอดฝีมือนับสิบคนนี้..
โอ๊ะ!!!
กระบี่กังฉีพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือทั้งหมดที่ซุ่มอยู่ในป่าลึกแทงทะลุเข้าใส่ศรีษะของพวกมันในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา และสิ้นใจตายในทันที! คิดที่จะต่อรองกับหลิงหยุนอย่างนั้นรึเวลานี้พวกมันไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้หลบหนีด้วยซ้ำไป..
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาหลิงหยุนต้องพบเจอกับคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า และการต่อสู้ที่ดุเดือดจนแทบเอาชีวิตไม่รอดมาหลายครั้งครา แต่นั่นก็ทำให้ทักษะในการต่อสู้ของเขาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เวลานี้แม้แต่ยอดฝีมือระดับสามขั้นพลังเหนือธรรมชาติยังไม่อยู่ในสายตาของหลิงหยุนจึงแทบไม่ต้องพูดถึงยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นต่ำกว่านั้น..
ขั้นตอนการเก็บกวาดหลังจากนี้ก็คือยึดอาวุธ ยึดถุงสมบัติ จากนั้นจึงค่อยค้นตามตัวของพวกมันทีละคนว่ามีผู้ใดสวมชุดผ้าแพรไหมดำ หรือชุดเกราะชนิดอื่นหรือไม่ หากมีก็ให้ถอดออกมาให้หมด แล้วลากศพออกไปให้พ้นทาง..
จากนั้นเสี่ยวเม่ยเม่ยในฐานะนางนกต่อก็ขับรถตรงไปข้างหน้าอย่างช้าๆเช่นเคย โดยมีหลิงหยุนทำหน้าที่เป็นมือสังหาร ในขณะที่ตี้เสี่ยวอู๋ทำหน้าที่เก็บกวาด ทั้งสามคนร่วมมือกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ..
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงเสี่ยวเม่ยเม่ยก็ขับรถมาเป็นระยะทางมากกว่าสิบห้ากิโลเมตรได้ ส่วนหลิงหยุนก็ปลิดชีพเหล่ายอดฝีมือไปหลายกลุ่มแล้ว
ในบรรดายอดฝีมือเหล่านั้นบางกลุ่มจะรวมตัวกันชั่วคราวเพื่อปล้นสมบัติของผู้ประมูล และทำกันมานานหลายปีแล้ว ส่วนบางคนเบื้องหน้าแสดงว่าเป็นผู้มีศีลธรรม แต่เบื้องหลังก็แอบลอบสังหารผู้ประมูลเพื่อปล้นสมบัติเช่นกัน
แต่เมื่อรถของเสี่ยวเม่ยเม่ยขับไปข้างหน้าอีกราวสองกิโลเมตรก็ถึงกับต้องหยุดกะทันหัน เมื่อพบว่าด้านหน้านั้นมีชายห้าคนแต่งตัวแบบจอมยุทธโบราณ ยืนขวางอยู่กลางถนน และทั้งหมดอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติแล้วทั้งสิ้น!
แน่นอนว่าหลิงหยุนย่อมจำได้แม่นยำ..ยอดฝีมือทั้งห้านี้ก็คือคนที่มาจากดินแดนพันธมิตรทะเลจีนตะวันออก และต้องการแผนที่ปริศนานั่นเอง
ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..
ทันทีที่เสี่ยวเม่ยเม่ยเบรครถยอดฝีมือทั้งห้าคนก็หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกัน
หนึ่งในนั้นก้าวเท้าเดินออกมาด้านหน้าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด ก่อนจะประกาศเสียงกร้าว
ในเมื่อรถก็แล่นมาถึงที่นี่แล้วเหตุใดสหายจึงไม่ปรากฏตัวเล่า
หลิงหยุนควบคุมกระบี่เหินยู่เจี้ยนลงมาทันทีอย่างไม่ลังเลก่อนจะกระโดดม้วนตัวลงมายืนอยู่ประจันหน้ากับยอดฝีมือทั้งห้าคน..
หนึ่งในยอดฝีมือจากดินแดนพันธมิตรทะเลจีนตะวันออกจึงพูดขึ้นว่า มิน่าแม่นางผู้นี้จึงไม่มีอาการหวาดวิตกแม้แต่น้อย เพราะมียอดฝีมือสูงส่งขั้นพลังชี่คอยปกป้องคุ้มครองมาตลอดทางนี่เอง ข้าเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ! งั้นรึ!
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ในเมื่อเจ้าเองก็เห็นกับตาแล้ว ยังมีอะไรที่คิดไม่ถึงอีกงั้นรึ!
ย่อมมี..สิ่งที่พวกข้าคิดไม่ถึงก็คือเจ้าเองยังเด็กนักแต่กลับมีพลังสูงส่งถึงเพียงนี้ สามารถปกป้องคุ้มครองแม่นางผู้นี้ให้รอดมาถึงที่นี่ได้โดยไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย
ผู้ที่เป็นหัวหน้ายิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับอธิบายเสียงเย็น..
มาถึงตอนนี้ตี้เสี่ยวอู๋เองก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกแล้วเขาวิ่งออกมาจากป่าข้างทางทันที แต่อีกฝ่ายกลับไม่แยแส และไม่เห็นตี้เสี่ยวอู๋อยู่ในสายตา
ในใจของตี้เสี่ยวอู๋นึกเดือดดาลยิ่งนักที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะชำเลืองสายตามองมา..
หลิงหยุนเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัว ทำไม พวกเจ้ากลัวข้างั้นรึ?
หัวหน้ากลุ่มส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า ข้าต้องยอมรับว่ากระบี่เหินยู่เจี้ยนของเจ้าอาจจะเอาชนะสี่ในห้านี้ได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถสังหารพวกเราได้แม้แต่คนเดียว..
นั่นย่อมหมายความว่าเจ้าเองก็จะไม่สามารถปกป้องรถคันนั้นได้อีกแล้ว..
ชายร่างสูงใหญ่ผู้เป็นหัวหน้ายิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับพูดต่อว่า เช่นนี้แล้วเจ้าคิดว่าพวกข้าควรหวาดกลัวเจ้าหรือไม่
อืมม..งั้นรึ!
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับปรบมือเบาๆ ดูท่าพวกเจ้าคงอยากจะประมือมากสินะ!
อีกฝ่ายจ้องมองท่าทีไม่สะทกสะท้านของหลิงหยุนแล้วจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชายิ่งกว่าเดิม
สหาย..เจ้าอย่าได้ใช้อารมณ์นัก หากพวกเราทั้งห้าลงมือ ลำพังเจ้าก็คงรับมือพวกเราพร้อมกันได้ไม่เกินสามคน และผลที่ตามมาจะเป็นเช่นใดนั้น ข้าคิดว่าเจ้าเองก็พอที่จะคาดเดาได้ไม่ยาก.. หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปทันที ข้าเองก็คิดเช่นนั้น!
สีหน้าของผู้ที่เป็นหัวหน้าดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ตอบไปว่า หากเจ้ายินยอมทิ้งรถพร้อมสมบัติล้ำค่าทั้งห้าไว้ พวกเรารับปากจะปล่อยพวกเจ้าทั้งสามคนไป..
เจ้าคิดเห็นเช่นใด
หลิงหยุนแสร้งทำเป็นถอนหายใจจากนั้นจึงส่ายหน้าไปมาพร้อมกับตอบไปว่า ข้อเสนอของเจ้าก็ไม่เลวนัก แต่น่าเสียดาย.. ตลอดชีวิตของข้า ข้าเกลียดผู้ที่ชอบข่มเหงรังแกผู้อื่นเป็นที่สุด!
นั่นอะไร..!
จู่ๆผู้ที่เป็นหัวหน้าก็ร้องตะโกนออกมาเมื่อพบว่าเวลานี้เหนือศรีษะของพวกเขา มีนกยักษ์ในร่างมนุษย์ถึงห้าตัวกำลังบินโฉบลงมาจากท้องฟ้าอันมืดมิด..
นกยักษ์ในร่างมนุษย์ทั้งห้าตัวนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ลำตัวสีเขียว ใบหน้ามีเขี้ยวยาวงอกออกมา ปีกทั้งสองข้างที่สยายกว้างของพวกมันนั้นมีขนาดใหญ่ถึงหกเมตร แต่หนึ่งในนั้นมีปีกที่สยายกว้างใหญ่มากกว่าสิบเมตร ทั้งปีกและดวงตามีสีม่วงแตกต่างจากตัวอื่น
แวมไพร์!
ยอดฝีมือทั้งห้าจากดินแดนพันธมิตรทะเลจีนตะวันออกได้เห็นแวมไพร์ทั้งห้าร่อนลงมาจากท้องฟ้าเช่นนั้น ก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ในขณะที่ใบหน้าของทุกคนเริ่มเปลี่ยนไปทันที!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายรูปร่างสูงใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าที่เพิ่งจะกล่าววาจาสามหาวออกมาถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเมื่อเหล่าแวมไพร์ยักษ์ปรากฏตัวขึ้นถึงห้าตน เพราะหากเป็นเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าฝ่ายของตนกลับกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบขึ้นมาทันที!
หากไม่นับตี้เสี่ยวอู๋กับเสี่ยวเม่ยเม่ยทั้งสองฝ่ายก็มีห้าคนเท่ากัน มิหนำซ้ำหลิงหยุนเพียงคนเดียวก็สามารถรับมือกับยอดฝีมือได้พร้อมกันถึงสามคน ส่วนแวมไพร์ทั้งห้าก็จัดการกับยอดฝีมืออีกสองคนที่เหลือได้อย่างสบาย
หลิงหยุนยังคงยิ้มพร้อมกับถามขึ้นว่า ตอนนี้เจ้าว่าข้าควรคิดเห็นเช่นใดงั้นรึ!
ผู้ที่เป็นหัวหน้าถึงกับตกตะลึงเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเช่นนี้ เหตุใดจู่ๆจึงมีแวมไพร์ตะวันตกปรากฏตัวในประเทศจีนเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงอย่างปักกิ่งด้วย!
ลงมือได้!
ผู้ที่เป็นหัวหน้าจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนสั่งการทันทีในขณะที่ตัวมันเองก็กระโดดลอยตัวขึ้นฟ้าพุ่งตรงเข้าไปยังรถของเสี่ยวเม่ยเม่ยทันที..
ฟิ้ว..
กระบี่กังฉีของหลิงหยุนพุ่งตรงเข้าใส่หน้าอกของผู้ที่เป็นหัวหน้าทันที!
หึ..กระบี่นั่นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก!
ผู้ที่เป็นหัวหน้าซัดลมปราณจากฝ่ามือเข้าใส่กระบี่กังฉีของหลิงหยุนพลังปราณสีฟ้าที่พุ่งออกจากฝ่ามือของชายชรานั้นสามารถสกัดกั้นกระบี่กังฉีของหลิงหยุนไว้ได้
ในขณะเดียวกันแสงสีเขียวก็พุ่งออกมาจากกึ่งกลางหว่างคิ้วของชายชรา และเปลี่ยนเป็นกระบี่ยาวห้าฟุตพุ่งตรงไปที่รถของเสี่ยวเม่ยเม่ยอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่แวมไพร์ทั้งห้าปรากฏตัวผู้ที่เป็นหัวหน้าก็เปลี่ยนแผนจากการเจรจา มาเป็นชิงลงมือสังหารเพื่อแย่งชิงสมบัติล้ำค่าทันที!
หลิงหยุนปล่อยกระบี่เหินเงาธนูออกไปสกัดกั้นกระบี่ของชายชราไว้จากนั้นจึงเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาถือไว้ในมือ แล้วจึงกระโดดตามไปทันที
ตูม!
เสียงกระบี่โลหิตแดนใต้ฟันเข้ากับกระบี่บินของชายชราอย่างรุนแรงจนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งท้องนภา.. พวกเจ้าทั้งห้าช่วยข้าขวางพวกมันอีกสี่คนไว้!
หลิงหยุนร้องตะโกนสั่งแวมไพร์ทั้งห้าตนให้ช่วยตรึงยอดฝีมืออีกสี่คนไว้ในขณะที่ตัวเขานั้นถือกระบี่โลหิตแดนใต้ พร้อมกับควบคุมกระบี่เหินเงาธนูพุ่งเข้าสังหารชายชราผู้เป็นหัวหน้า!
ต่ำกว่าด่านกลางขั้นพลังชี่นั้นไม่สามารถเหาะเหินได้และนี่นับเป็นจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของหลิงหยุน หากเขาจะใช้กระบี่เหินเงาธนูเพื่อให้สามารถเหาะได้ เขาก็จะไม่สามารถใช้มันจู่โจมศัตรูได้..
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะหลิงหยุนยังมีกระบี่กังฉีซึ่งแม้จะไม่สามารถขยายขนาดได้ แต่ก็มีความเร็วที่สูงและแข็งแกร่งกว่ากระบี่เหินเงาธนู
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงตัดสินใจควบคุมกระบี่กังฉีของตนเข้าจู่โจมชายชรา ในขณะเดียวกันก็ถือกระบี่โลหิตแดนใต้พุ่งเข้าใส่ด้วย
กระบี่โลหิตแดนใต้!แหวนพื้นที่! ทันทีที่เห็นกระบี่โลหิตแดนใต้ปรากฏขึ้นในมือของอีกฝ่ายม่านตาของชายชราก็หรี่เล็กลงทันที พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
นี่เจ้าคือหลิงหยุนงั้นรึ