Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1297 : เงินทองไม่อาจเทียบได้

   ดูนั่นสิ!ดูเหมือนศิษย์พี่หลี่เฉินจะสามารถเอาชนะฤทธิ์โอสถไร้ใจได้! 

  หนึ่งในเหล่าแม่ชีซึ่งเป็นศิษย์อารามจิ้งซินที่ยืนอยู่ด้านนอกเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นหลี่สุ่ยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฉิงเม่ยเฟิงตอนนี้ ทำให้นางอดที่จะร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่ได้!

  เวลานี้ฉินตงเฉี่วยยืนถอยหลังออกไปทำให้ศิษย์อารามจิ้งซินซึ่งอยู่ด้านนอกสามารถมองเห็นเฉิงเม่ยเฟิงได้อย่างชัดเจน

  โอสถเยาว์วัยที่สามสิบปีจึงจะหลอมได้สักครั้งมีผู้ใดบ้างเล่าที่ไม่ต้องการ แม้แต่ศิษย์อารามจิ้งซินก็ตาม ด้วยเหตุนี้พวกนางจึงวางความโกรธแค้นเมื่อครู่ลง และกำลังเฝ้าดูการประมูลอย่างใจจดใจจ่อ แต่เป็นเพราะพวกนางไม่มีกำลังทรัพย์ที่เพียงพอจึงได้แต่ยอมแพ้กับราคาประมูลที่สูงลิบลิ่ว

  หลี่ซิ่วซึ่งเป็นน้องเล็กที่สุดและเข้ากันได้ดีกับเฉิงเม่ยเฟิงเป็นที่สุดนั้นหลังจากที่ได้รู้ความจริงจากปากเฉิงเม่ยเฟิงถึงสาเหตุที่นางต้องเข้าไปอยู่ในอารามจิ้งซิน ก็ไม่นึกตำหนิการกรำทำของนางเมื่อครู่เลย มิหนำซ้ำยังยินดีและรู้สึกมีความสุขกับนางไปด้วย

  ด้วยเหตุนี้ทันทีที่เห็นน้ำตาและรอยยิ้มแห่งความปิติสุขของเฉิงเม่ยเฟิง หลี่ซิ่วจึงได้ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง

  ศิษย์ของอารามจิ้งซินต่างก็รู้ฤทธิ์เดชของโอสถไร้ใจและวิชาไร้ใจดีว่ามีอานุภาพรุนแรงมากเพียงใดไม่ว่าหญิงใดได้กลืนโอสถนี้และฝึกวิชานี้ ก็จะต้องลืมสิ้นชายอันเป็นที่รัก และยิ่งเมื่อฝึกวิชาไร้ใจนานวันเข้า อย่าว่าแต่จะไร้อารมณ์ความรู้สึกต่อบุรุษเลย แม้แต่สิ่งสวยงามต่างๆบนโลกใบนี้ พวกนางก็จะไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกด้วยเช่นกัน จนกระทั่งกลายเป็นคนเย็นชาและไร้ซึ่งน้ำตาในที่สุด

  ด้วยเหตุนี้ทันทีที่หลี่สุ่ยเห็นภาพของเฉิงเม่ยเฟิงที่ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาเวลานี้ นางจึงรู้ได้ว่าฤทธิ์ของโอสถไร้ใจได้สูญสิ้นลง และไม่สามารถส่งผลต่อจิตใจของนางได้อีกต่อไปแล้ว!

   นี่..นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบสามร้อยปีของอารามจิ้งซินที่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น! 

  แม่ชีมี่หลินที่สังเกตเห็นอาการของเฉิงเม่ยเฟิงเช่นกันก็รู้สึกตกใจอย่างมากเช่นกัน และคิดไม่ถึงว่าพลังจิตพลังใจของเฉิงเม่ยเฟิงจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้!

  แต่แม่ชีมี่หลินไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้หลิงหยุนได้ทำอะไรกับร่างของเฉิงเม่ยเฟิงไปบ้างไม่เช่นนั้นแล้วเฉิงเม่ยเฟิงคงจะไม่สามารถเอาชนะฤทธิ์ของโอสถไร้ใจและวิชาไร้ใจได้พร้อมๆกันเช่นนี้เป็นแน่

   ทั้งคู่รักกันแน่นเช่นนี้มี่ยู่ทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน 

  เหล่าศิษย์รุ่นเล็กของอารามจิ้งซินต่างก็จับกลุ่มกระซิบกระซาบเรื่องของแม่ชีมี่ยู่ด้วยความรู้สึกรังเกียจอย่างยิ่ง!

  ……

   เจ้าจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้แล้วสินะคำพูดที่เสี่ยวเม่ยเม่ยบอกให้ข้าพูดกับเจ้านับว่าได้ผลมากจริงๆ! 

   ห๊ะ! เฉิงเม่ยเฟิงถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงง

  –พี่เม่ยเฟิง..ข้าเป็นคนบอกน้าหญิงให้บอกกับเจ้าเช่นนั้นเองล่ะ ท่านจะตอบข้าเช่นใดดี-

  ทันทีที่เฉิงเม่ยเฟิงได้ยินคำพูดประโยคนี้ดังขึ้นข้างหูนางก็จำได้ว่าเป็นเสียงของเสี่ยวเม่ยเม่ย แล้วน้ำตาก็เริ่มไหลพรากออกมาอีกครั้ง เพื่อให้นางสามารถจดจำหลิงหยุนได้ ทุกคนต่างก็แอบทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อนางมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ

  ไม่ว่าจะเป็นการแอบติดตามนางขึ้นบนหุบเขาแห่งนี้การได้ศิลาเกลาใจมาด้วยความบังเอิญ การปรากฏตัวของตี้เสี่ยวอู๋ การจัดการกับอารามจิ้งซิน เสียงของเสี่ยวเม่ยเม่ย แม้กระทั่งฉินตงเฉี่วยที่กลืนโอสถสองเม็ดจนหน้าตาคล้ายกับฉินจิวยื่อ ทุกอย่างไม่ใช่ความบังเอิญ แต่มันคือความตั้งใจ..   ยังไม่นับพลังอมตะสีม่วงที่หลิงหยุนได้ถ่ายเทลงไปในร่างของเฉิงเม่ยเฟิงทั้งหมดนี้ทำให้เฉิงเม่ยเฟิงสามารถกลับมาจดจำทุกอย่างได้ มีเพียงแค่หลิงหยุนที่ยังไม่ปรากฏตัวต่อหน้านาง..

   หรือเจ้าได้ปรากฏตัวต่อหน้าข้าก่อนหน้านี้แล้วเพียงแต่ข้าจดจำเจ้าไม่ได้.. 

  เฉิงเม่ยเฟิงพึมพำออกมาพร้อมกับก้มลงมองศิลาเกลาใจในมือของตนเวลานี้จิตใจของนางเปี่ยมไปด้วยความปิติสุขยิ่งนัก!

  หากเป็นเพื่อนนักเรียนของหลิงหยุนจะสามารถเล่าเรื่องราวระหว่างคนสองคนได้ละเอียดถึงเพียงนี้เชียวหรือ จะรู้แม้กระทั่งความลับของคนสองคนที่ผู้อื่นไม่มีทางรู้เชียวหรือ?

  อีกอย่าง..หากอีกฝ่ายไม่มีวรยุทธจริง หลังจากที่ขึ้นมาถึงหุบเขาหลงเฟย และได้พบเหล่าชาวยุทธที่พกอาวุธหลากหลายมากมายเช่นนี้ มีหรือที่จะไม่ตกใจกลัวจนหน้าถอดสี แต่เด็กหนุ่มผู้นั้นกลับมีสีหน้านิ่งเรียบ..   อีกทั้งเมื่อครั้งที่เผชิญกับฝ่ามือของแม่ชีมี่ยู่เด็กหนุ่มผู้นั้นกลับไม่มีอาการหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขายังคงยืนมองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม!

  เขามาที่นี่แล้วและได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ตนฟังแล้ว อีกทั้งยังบอกให้นางไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด..

  หลิงหยุนได้เตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว!

   สีหน้าของพี่เม่ยเฟิงเปี่ยมไปด้วยความสุขยิ่งนักข้าอยากให้ตนเองเป็นเช่นนางในตอนนี้บ้าง 

  เย่ซิงเฉินเฝ้ามองเฉิงเม่ยเฟิงซึ่งอยู่กลางลานประมูลด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจจนอดที่จะรำพึงรำพันออกมาเช่นนั้นไม่ได้ หลิงหยุนทำเพื่อเฉิงเม่ยเฟิงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ตัวนางเองยังรู้สึกประทับใจอย่างที่สุด..

   พอเถอะ..อย่าให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับข้าอีกเลย!  หลิงหยุนเอ่ยออกมา  ……

   เม่ยเฟิง..ที่นี่ไม่เหมาะแก่การพูดคุย ออกไปจากตรงนี้ดีกว่า ไปหาที่เงียบๆคุยกัน! 

  หลังจากที่ความทรงจำของเฉิงเม่ยเฟิงกลับคืนมาฉินตงเฉี่วยก็เริ่มดึงร่างของเฉิงเม่ยเฟิงออกไปจากตรงนั้นทันที

   เสี่ยวอู๋..ข้าต้องไปก่อนแล้ว ขอบใจเจ้ามาก! 

  เฉิงเม่ยเฟิงไม่ลืมที่จะหันไปร้องบอกตี้เสี่ยวอู๋และหวังชงเซียว  ข้าน้อยขอบคุณอาวุโสด้วยเช่นกัน! 

  หากไม่ใช่เพราะหวังชงเซียวที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันมีหรือที่ศิษย์อารามจิ้งซินจะตกใจจนยอมล่าถอยกลับออกไปเช่นนั้น เฉิงเม่ยเฟิงจึงต้องกล่าวขอบคุณเขาด้วยเช่นกัน

   เอ่อ..นายหญิงอย่าได้กล่าวกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่กล้ารับไว้.. 

  หวังชงเซียวได้ยินเฉิงเม่ยเฟิงเรียกตนว่าอาวุโสเช่นนี้ก็ถึงกับกลับหวาดกลัวจนต้องรีบเอ่ยห้ามไว้ทันที!

   ….. เฉิงเม่ยเฟิงถึงกับงุนงงกับท่าทางของหวังชงเซียวจนพูดอะไรไม่ออก

   ไปกันดีกว่า.. 

  ฉินตงเฉี่วยหันไปยิ้มให้เฉิงเม่ยเฟิงพร้อมกับชักชวนนางกระโดดออกไปนอกลานประมูลแล้วเดินไปหาที่เงียบๆนั่งพูดคุย

  ระหว่างที่หญิงสาวทั้งสองเดินห่างออกไปนั้นก็มีคนอีกสองสามคนเดินตามพวกนางออกไปด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือเสี่ยวเม่ยเม่ย เหมี่ยวเสี่ยวเหมา และไป๋เซียนเอ๋อนั่นเอง พวกนางต่างก็รู้จักกับเฉิงเม่ยเฟิงมาก่อนจึงรีบเดินตามออกไป

  ……

   นี่..เจ้าไม่ออกไปกับเขาบ้างรึ 

  เย่ซิงเฉินที่ไม่ได้เดินตามทุกคนออกไปเป็นฝ่ายเอ่ยถามหลิงหยุนออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

   ไม่!    หลิงหยุนตอบกลับเย่ซิงเฉินไปทันทีจากนั้นจึงทำหน้าพยักเพยิดไปกลางลานประมูล  ตอนนี้การประมูลกำลัเข้มข้น.. 

   1.2ล้านแต้ม! 

  เวลานี้ราคาของโอสถเยาว์วัยได้พุ่งขึ้นสูงถึง1.2 ล้านแต้มแล้ว หากคิดเป็นเงินก็เกือบสี่หมื่นล้านหยวนทีเดียว!

  ตอนนี้เหลือเพียงแค่ชาวยุทธระดับหัวแถวเท่านั้นที่ยังคงประมูลโอสถเยาว์วัยอยู่ซึ่งมีทั้งคนของวัดเส้าหลิน สำนักเขาหลงหู่ ตระกูลหลง ตระกูลเย่ สำนักกระบี่คุนหลุน และสำนกระบี่เทียนซาน..

  เวลานี้ดูเหมือนผู้คนจะลืมเลือนโอสถโฉมสะคราญไปเลยทีเดียวและสนใจประมูลเพียงแค่โอสถเยาว์วัยเท่านั้น!

   1.3ล้านแต้ม! 

  ผู้ที่เสนอราคาก็คือคนของสำนักเขาหลงหู่ที่หลายปีมานี้ขายโอสถและยันต์ไปมากมายจึงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ!

   1.4ล้านแต้ม!  เส้าหลินเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน

   1.8ล้านแต้ม 

  เสียงของใครบางคนร้องตะโกนประมูลแข่งขึ้นมาโดยเสนอราคาเพิ่มถึงสี่แสนแต้มในคราวเดียว

   สำนักกระบี่เทียนซานคงเสียสติไปแล้ว! 

  แม้หลิงหยุนจะไม่รู้จักแต่คนอื่นๆต่างก็รู้จักกันดี รวมทั้งนักพรตชงซวีแห่งสำนักบู๊ตึ๊งด้วย..

  ก่อนหน้านี้นักพรตชงซวีเองก็ร่วมประมูลด้วยเช่นกันแต่เมื่อราคาเริ่มสูงถึงหนึ่งล้านแต้มเขาก็หยุดทันที และอดที่จะหันไปพูดคุยกับหลวงจีนเจี๋วยหยวนไม่ได้

   ดูท่าตี๋เสี่ยวเจินยิ่งแก่ก็ยิ่งเลอะเลือนนางยังไม่ได้แก่อะไรมากมายนัก จะต้องการโอสถเยาว์วัยไปทำไมกัน    หลวงจีนเจี๋ยวหยวนยิ้มขื่นก่อนจะตอบกลับไปว่า เจ้าถามข้าแล้วจะให้ข้าไปถามผู้ใดเล่า แต่หากราคาสูงกว่า 1.2 ล้าน เส้าหลินของข้าก็คงต้องหยุดเช่นกัน ฮ่า.. ฮ่า.. 

  แน่นอนว่าบทสนทนาของทั้งคู่ต่างก็อยู่ในการรับรู้ของหลิงหยุนทั้งสิ้นและเวลานี้เขาก็ถึงกับใจสั่น!

  ตี๋เสี่ยวเจินแห่งสำนักกระบี่เทียนซานงั้นรึ

  หลิงหยุนแทบไม่ต้องคิด..สาเหตุที่ตี๋เสี่ยวเจินต้องการโอสถเยาว์วัยก็เพราะนางเห็นฉินจิวยื่อที่ดูอ่อนเยาว์ลงไปอีกสิบปีอย่างไรเล่า นางจึงต้องการที่จะอ่อนเยาว์ดังเช่นฉินจิวยื่อบ้าง..

  จนกระทั่งถึงตอนนี้หลิงหยุนยังไม่รู้ว่าฉินจิวยื่ออยู่ในกระบี่เทียนซานจะเป็นเช่นใดบ้าง

  หลิงหยุนเชื่อว่าข่าวคราวเรื่องที่เขาพาตัวตี๋ยั่วถังมาที่งานชุมนุมชาวยุทธด้วยนั้นคงจะต้องล่วงรู้ถึงหูของสำนักกระบี่เทียนซานแล้วเช่นกัน และเวลานี้ในลานประมูลก็คงมีคนของสำนักกระบี่เทียนซานอยู่ไม่น้อย พวกมันคงจะจัดการรายงานเรื่องโอสถเยาว์วัยนี้ให้ตี๋เสี่ยวเจินรู้แล้วด้วยเช่นกัน

  ด้วยเหตุนี้ตี๋เสี่ยวเจินจึงสั่งให้คนของตนต้องประมูลโอสถทั้งสองเม็ดมาให้ได้ ไม่ว่าราคาจะสูงมากเพียงใดก็ตาม!

  ที่ผ่านมาไม่เพียงตี๋เสี่ยวเจินจะไม่งดงามดังเช่นฉินจิวยื่อแต่ตอนนี้ฉินจิวยื่อยังสาวกว่านางมากนัก เช่นนี้แล้วนางจะไม่อยากได้โอสถทั้งสองเม็ดนี้อย่างไรกันเล่า

  เวลานี้เส้าหลินได้ถอยแล้วจึงเหลือเพียงแค่สองสำนักที่ยังคงประมูลแข่งกันอยู่ ซึ่งก็คือสำนักกระบี่คุนหลุนและสำนักกระบี่เทียนซาน

   2.6ล้าน! 

   2.8ล้าน! 

  สำนักกระบี่คุนหลุนได้แต่นิ่งเงียบไปเมื่อสำนักกระบี่เทียนซานเสนอราคาสูงถึง2.8 ล้านเช่นนี้!

   2.8ล้านครั้งที่หนึ่ง 2.8ล้านครั้งที่สอง..    ตี้เสี่ยวอู๋เห็นว่าไม่มีผู้ใดเสนอราคาแข่งอีกแล้วจึงได้ร้องตะโกนนับออกมาเสียงดังแต่ในระหว่างที่กำลังจะนับครั้งที่สามนั้น เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา..

   สามล้าน! 

   ผู้ใดกัน! 

   นั่นสิผู้ใดกันนะ นี่บ้ากันไปหมดแล้วหรืออย่างไร? เหตุใดจึงประมูลกันด้วยราคาที่สูงจนน่ากลัวเช่นนี้? 

   คนผู้นี้จงใจก่อนกวนหรืออย่างไร 

  ทุกคนที่อยู่รอบลานประมูลต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา

   ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงคนนั้น..นางบ้าไปแล้วหรืออย่างไร 

  ใครคนหนึ่งร้องตะโกนออกมาเมื่อหันไปพบหญิงสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าผู้หนึ่งและนางก็คือจินเหยียว

  ตี้เสี่ยวอู๋แสร้งทำเป็นหันไปทางจินเหยียวพร้อมกับพูดขึ้นว่า สหาย.. หวังว่าเจ้าคงจะไม่ได้ต้องการเพียงแค่ก่อกวนการประมูลของข้าหรอกนะ ไม่เช่นนั้นแล้ว.. 

  เพราะตี้เสี่ยวอู๋รู้ดีว่าหญิงผู้นี้ก็คือจินเหยียวเขาจึงไม่กล้าพูดว่าไม่เช่นนั้นแล้วผลที่ตามมาจะเป็นเช่นใด จึงแสร้งทำเป็นหันมองไปทางหวังชงเซียวแทน…

   เจ้าอย่าได้กังวลใจไปในเมื่อข้ากล้าเสนอราคา ย่อมต้องมีปัญญาจ่าย!  จินเหยียวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

   3.2ล้าน! 

  ครั้งนี้คนของสำนักกระบี่เทียนซานถึงกับกัดฟันแน่นก่อนจะตัดสินใจเสนอราคาออก

   3.4ล้าน! 

   3.6ล้าน!  สำนักกระบี่เทียนซานไม่ยอมแพ้

  จินเหยียวยังคงเสนอราคาต่อ 3.8 ล้าน! 

  ครั้งนี้สำนักกระบี่เทียนซานกลับนิ่งและในที่สุดตี้เสี่ยวอู๋ก็ต้องประกาศออกมา  3.8 ล้านครั้งที่หนึ่ง 3.8 ล้านครั้งที่สอง..    เวลานี้ทุกคนที่อยู่ฝ่ายหลิงหยุนต่างก็พากันเหงื่อตกเพราะเกรงว่าสำนักกระบี่เทียนซานจะยอมแพ้ไม่เสนอราคาประมูลแข่งอีก

  แต่แล้วสำนักกระบี่เทียนซานก็ไม่ทำให้หลิงหยุนต้องผิดหวังจริงๆ

   สี่ล้าน! 

  และครั้งนี้จินเหยียวก็ไม่เสนอราคาแข่งอีกในที่สุดโอสถเยาว์วัยจึงได้ตกเป็นของสำนักกระบี่เทียนซานไปด้วยราคาสี่ล้านแต้ม!

  หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับกำไรที่แสนงดงามเช่นนี้!

  ทางด้านเย่ซิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆก็ถึงกับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเช่นกันพร้อมพึมพำออกมาว่า

   ตี๋เสี่ยวเจินผู้นี้ช่างน่าสังเวชนัก! 

  แม้การประมูลโอสถเยาว์วัยจะประสบความสำเร็จและได้ราคาสูงถึงเพียงนี้แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หลิงหยุนมีความสุขเท่าที่เฉิงเม่ยเฟิงสามารถจดจำตนได้แล้ว เพราะราคาของโอสถย่อมไม่อาจเทียบกับเฉิงเม่ยเฟิงได้!

 

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
Status: Ongoing
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset