DC บทที่ 304: การดูแลเป็นพิเศษ
“มีอะไรรึ ศิษย์พี่ชาย ท่านโบกมือให้ใครรึ” ซุนจิงจิงถามเขา
“แค่เพื่อนคนหนึ่งท่ามกลางฝูงชน” เขาตอบด้วยรอยยิ้มลึกลับ
“…”
โหลวหลานจีมองดูซูหยางด้วยแววตาสงสัย เห็นได้ชัดว่าเขาโบกมือไปที่สำนักหงส์สวรรค์ แต่ทำไมเขาต้องโบกมือให้กับพวกนั้น
หลังจากที่สำนักหงส์สวรรค์ไปพ้นจากบริเวณนั้นแล้ว นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ตรงเข้าไปรอในแถว
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ความวุ่นวายก็มาอีกครั้ง
“ดูนั่น นิกายดอกบัวเพลิง”
ฝูงชนเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นซึ่งดูเหมือนจะมากยิ่งกว่าเมื่อตอนสำนักหงส์สวรรค์มาถึงก่อนหน้านี้
ช่วงเวลาสองสามเดือนไม่นานมานี้ นิกายดอกบัวเพลิงยิ่งมายิ่งมีความเกี่ยวพันกับทวีปมากยิ่งขึ้น กระทั่งได้รับการยอมรับว่าเป็นสำนักระดับสูงจากตระกูลซี
สำนักระดับสูงคือสำนักที่ได้พิสูจน์ว่าพวกเขามีคุณค่าอยู่ในระดับสูง ตัวอย่างเช่นสำนักหงส์สวรรค์และนิกายล้านอสรพิษ และมีเพียงตระกูลซีที่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินว่าใครเป็นนิกายระดับสูง
แน่นอนว่าเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนิกายดอกบัวเพลิงสำหรับการเติบโตด้วยความโดดเด่นเช่นนั้นในช่วงเวลาสั้นๆทั้งหมดก็เพราะหวังชูเหรินและโอสถดอกบัวเพลิงของเธอ
ไม่เพียงแต่เม็ดยาดอกบัวเพลิงเพิ่มพลังการฝึกปรือของศิษย์ของพวกเขาโดยรวม แต่มันยังทำให้พวกเขาร่ำรวยถึงที่สุดด้วย และด้วยความร่ำรวยและอำนาจอันมหาศาลของพวกเขา ตระกูลซีจึงตัดสินใจให้นิกายดอกบัวเพลิงเป็นสำนักระดับสูง
สำหรับหวังชูเหริน ต้นเหตุโดยตรงของเรื่องนี้ เธอก็กลายเป็นหนึ่งในคนสำคัญถึงที่สุดของทวีปตะวันออก สาเหตุหลักก็เพราะว่าความสามารถทางด้านการปรุงยาอันลึกล้ำของเธอและโอสถดอกบัวเพลิง
“นิกายดอกบัวเพลิงมีชื่อเสียงเช่นนี้ตลอดมารึ” หนึ่งในศิษย์รุ่นเยาว์ถาม
“ไม่ ข้ามิคิดเช่นนั้น…” อีกคนกล่าว
นิกายดอกบัวเพลิงและเกวียนสีแดงของพวกเขาขับเคลื่อนไปอย่างช้าๆมุ่งสู่ทางเข้า อย่างไรก็ตามขณะที่พวกเขามาถึงกลางทาง ขบวนเกวียนก็พลันหยุดชะงัก
“ทำไมพวกเขาจึงหยุดอยู่ตรงนั้น”
ผู้คนต่างพากันคิดสงสัย
ไม่นานหลังจากนั้นประตูของเกวียนคันแรกก็เปิดออก และหญิงสาวสวยพร้อมกับรูปร่างอันน่าจับใจก็ก้าวออกมาจากเกวียน
“นั่นผู้อาวุโสหวัง”
สายตานับไม่ถ้วนพลันตกลงไปบนหวังชูเหรินและร่างกายอันอวบอัดของเธอวินาทีที่เธอปรากฏตัวขึ้น
มีคนมากมายที่นั่นทีพลันหลงเสน่ห์กลิ่นอายสาวสะพรั่งของเธอ ทั้งถูกกระตุ้นด้วยรูปลักษณ์ที่เย้ายวนของเธอด้วย
“นั่นผู้อาวุโสหวังรึ เธอสวยและมีเสน่ห์ยิ่งกว่าคำร่ำลือ”
“มิเพียงแต่เธอมีรูปร่างของเทพธิดาแต่เธอก็ยังเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะ เธอถือว่าเป็นหญิงที่สมบูรณ์แบบได้อย่างแท้จริง”
ในเวลานั้น หวังชูเหรินไม่สนใจสายตาผู้ใดและเดินตรงไปยังแถวที่ซึ่งนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยยืนอยู่
“เธอมาทางนี้”
ศิษย์รุ่นเยาว์ชายสามารถรู้สึกได้ว่าหัวใจของพวกเขาเต้นแรงราวกับตีกลอง ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำด้วยความอาย เมื่อการปรากฏตัวของหวังชูเหรินนั้นมากเกินสำหรับเด็กหนุ่มจะรับไหว
“ม-มิใช่แน่ เธอมองมาทางนี้”
บรรดาศิษย์ยิ่งเกิดความตื่นเต้นมากขึ้นขณะที่หวังชูเหรินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยการเยื้องย่างอันยั่วเย้า
“พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่กันรึ…”
หวังชูเหรินยืนอยู่ตรงหน้านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“สักพักหนึ่งแล้ว” ซูหยางพูด
“ซูหยาง…”
หวังชูเหรินไม่รู้ว่าควรตอบกับคำพูดของเขาอย่างไร ในเมื่อเธอเพิ่งจะเห็นเขาเพียงแค่สองสัปดาห์ก่อน… ในห้องของเขา…
แน่นอนว่านับตั้งแต่กิจกรรมร่วมฝึกคู่กับซูหยางครั้งแรก หวังชูเหรินได้กลับมาหลายครั้งระหว่างช่วงเดือนที่ผ่านมา และเพื่อที่จะไม่ทำให้เกิดความสงสัย เธอก็ทำเหมือนกับว่าเธอมาทำธุรกิจกับซูหยาง
ดังนั้นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจึงมีโอสถดอกบัวเพลิงเก็บไว้มากมายเป็นผล
“ว่าไปแล้ว ท่านต้องการอะไรจากพวกเรารึ” โหลวหลานจีก้าวออกไปข้างหน้าถามอีกฝ่าย ในเมื่อเธอไม่อาจระบุได้ว่าหวังชูเหรินวางแผนอะไรไว้
“มิมีอะไรมากนัก เพียงแต่ว่าถ้าท่านมิต้องการที่จะยืนอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวัน ทำไมท่านมิติดตามพวกเราเข้าไปในเมืองล่ะ” หวังชูเหรินกล่าว
แม้ว่าเธอทำเหมือนกับว่าเธอต้องการช่วยนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย แต่เจตนาที่แท้จริงของเธอก็คือช่วยซูหยาง ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวที่นิกายดอกบัวเพลิงและตัวเธอเองสามารถเสพสุขกับสิทธิพิเศษในฐานะสำนักระดับสูง
โหลวหลานจีหรี่ตา เห็นชัดว่าสงสัยหวังชูเหริน ถ้าจะพูดไปทำไมคนที่มีชื่อเสียงและได้รับความนับถืออย่างเช่นอีกฝ่ายจึงปฏิบัติต่อพวกเธออย่างสุภาพนัก ทำไมอีกฝ่ายจึงมาทำธุรกิจด้วยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะยังมีสถานที่อื่นอีกมากนักที่หวังทำธุรกิจกับอีกฝ่าย ดังนั้นทำไมจึงเป็นพวกเธอที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ทุกสิ่งที่หวังชูเหรินเสนอดูเหมือนจะมีความไม่ชอบมาพากลสำหรับโหลวหลานจี
หวังชูเหรินสังเกตเห็นความสงสัยของโหลวหลานจีเพียงแค่จากสายตาของอีกฝ่าย เธอจึงกล่าวว่า “ท่านสามารถยืนอยู่ที่นี่ต่อได้ถ้าต้องการ แต่ข้าหวังว่าท่านมีที่พักสำรองไว้ล่วงหน้าแล้ว มิง่ายนักที่จักพบสักที่หลังจากนี้”
“ขอบคุณสำหรับความห่วงไยเกี่ยวกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของข้า แต่ข้าได้เตรียมสถานที่พักสำหรับพวกเราเรียบร้อยแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นละก็”
หวังชูเหรินไม่รบกวนพวกเขาอีกต่อไปและเริ่มเดินกลับไปยังเกวียนไม่นานหลังจากนั้น
“ผู้นำนิกาย.. ทำไมท่านจึงมิรับข้อเสนอของเธอ ในเมื่อเธอได้เสนอเช่นนี้…”
ผู้อาวุโสนิกายมองดูโหลวหลานจีด้วยท่าทางงุนงง ในเมื่อพวกเขาไม่อาจหาสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลในการปฏิเสธข้อเสนอของหวังชูเหริน
“ข้ามิรู้ เพียงแต่ว่ามีบางสิ่งในวิธีการที่เธอเข้ามาหาพวกเรานั้นค่อนข้างแปลก จับต้นชนปลายไม่ได้…”
ซูหยางหัวเราะในใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ
เขาพลันพูดขึ้นว่า “ท่านผู้นำนิกาย ข้าคิดว่าเราควรตามพวกเขาไป”
“ซูหยาง เจ้า..”
โหลวหลานจีมองดูเขาด้วยดวงตาค่อนข้างโตเล็กน้อย บางทีเขาอาจจะเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำไมหวังชูเหรินมาหาพวกเขาตั้งแต่แรก ไม่ใช่สำหรับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย มิน่าทำไมเธอจึงรู้สึกว่าจึงมีบางสิ่งเป็นที่น่าสงสัย
เมื่อหวังชูเหรินได้ยินคำพูดของซูหยาง เธอก็พลันชะงักการเคลื่อนที่และหันกลับมามองพวกเขา
“ข้ารู้แล้ว เธอมิได้ให้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย แต่เป็นซูหยางที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเธอ”
โหลวหลานจียืนยันเรื่องนี้ได้หลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของหวังชูเหริน
“ฮ้าาา…” เธอถอนใจยอมแพ้หลังจากนั้น ก่อนที่จะพยักหน้าตกลงกับคำแนะนำของเขา