DC บทที่ 327: พวกเจ้าได้ข้ามเส้นที่ไม่ควรข้ามไปแล้ว
“พี่ชาย… ท่าน… หรือว่าความทรงจำของท่านในที่สุดก็กลับคืนมาแล้ว” ซูหยินมองดูเขาด้วยดวงตานองน้ำตา แขนของเธอยังคงโอบรอบซูหยางราวกับโคอาล่ากอดต้นไม้
“อื้อ” ซูหยางพยักหน้าอย่างเยือกเย็น
แม้ว่าเขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของตนเองก่อนที่เขาคืนความทรงจำของเซียน ดูเหมือนว่านั่นคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อมาถึงจุดนี้
“หวาาา พี่ชายใหญ่ ข้าคิดถึงท่านมาตลอด” ซูหยินเริ่มร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม
ในขณะนั้นคนสำนักหงส์สวรรค์จ้องมองพวกเขาด้วยท่าทางงงงัน
“ไม่มีทาง… เขาเป็นพี่ชายใหญ่ของศิษย์น้องหญิงจริงๆด้วย…”
“แต่ข้าคิดว่าเขาตายไปแล้ว”
“ไม่ เขามิเคยได้รับการยืนยันว่าตาย เพียงสูญหายไป” เหยาหนิงกล่าว ซึ่งเธอได้ฟังซูหยินพูดถึงซูหยางบ่อยกว่าที่ต้องการ
“ข้าคิดว่าเธอเพียงแค่โม้เมื่อเธอเรียกพี่ชายของเธอว่าเป็น “ชายรูปหล่อที่สุดในโลก” …” เหยาหนิงอดที่จะชื่นชมหน้าตาซูหยางอย่างเงียบไม่ได้
“ขออภัย…”
ทหารยามพลันเรียกขานพวกเขา
“ข้าต้องขออภัย แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิด ข้าจักประทับใจอย่างยิ่งถ้าพวกท่านสามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับการกระทบกระทั่งเล็กๆน้อยๆนี้ นี่ก็มิมีใครได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน”
เหยาหนิงคำนับทหารลาดตระเวน
“เอ้อ…”
ทหารลาดตระเวนสบสายตากันและหลังจากนั้นพวกเขาก็กล่าวต่อว่า “ในเมื่อมิมีใครได้รับบาดเจ็บและนี่ก็เป็นถึงสำนักหงส์สวรรค์ เราจักมิไล่เลียงเรื่องนี้ต่อไปและจักไปในบัดดล”
สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะล่วงเกินสำนักระดับสูงในเรื่องบางอย่างที่เล็กน้อย
ครั้นเมื่อทหารลาดตระเวนจากไปแล้ว เหยาหนิงก็ก้าวไปข้างหน้าแลคำนับอีกครั้ง
“ข้าต้องขออภัยกับความเข้าใจผิดในพฤติกรรมของศิษย์ร่วมสำนักของข้านี้ ในเมื่อพวกเขากระทำหยาบคายและทำผิดพลาดล่วงเกินน้องชายท่านนี้มากเกินไป ข้าคือเหยาหนิง ศิษย์หลักของสำนักหงส์สวรรค์และเพื่อนรักของน้องสาวซู มีอะไรที่ข้าจะสามารถทำได้ในการชดเชยกับการกระทำของพวกเราในวันนี้ได้บ้างหรือไม่”
เหยาหนิงขอโทษด้วยความจริงใจต่อซูหยาง แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ไม่ได้ด่าว่าซูหยาง เธอก็ยังคงรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้น ในเมื่อเธอเป็นคนที่เกือบอาวุโสที่สุดรองมาจากผู้อาวุโสสำนัก
“ปกติแล้วข้าก็จักมักจะมองข้ามความเข้าใจผิดเล็กน้อยเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสาวสวยเช่นตัวเจ้าคำนับขออภัยต่อข้า อย่างไรก็ตามข้าเกือบสิ้นชีพเมื่อกี้เมื่อตาแก่นั่นพยายามที่จะลอบทำร้ายข้า บอกข้าสิว่าเจ้าจะชดเชยให้กับข้าอย่างไร”
“ไร้สาระ ข้าเพียงต้องการที่จะแยกเจ้าจากซูหยิน ต่อให้การโจมตีของข้าโดน นั่นก็มิถึงกับฆ่าเจ้า และถึงกับเรียกว่านี่เป็นการลอบทำร้าย เจ้าไร้ยางอายหรืออย่างไร”
ผู้อาวุโสสำนักที่พยายามจะโจมตีซูหยางพลันโต้ตอบ
“ยังจะกล่าวหาว่าข้าไร้ยางอายในขณะที่เจ้าซึ่งเป็นผู้ฝึกวิชาระดับสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณ เพียงแค่พยายามจะโจมตีคนรุ่นเยาว์ที่ไม่แม้จะถึงเขตสัมมาวิญญาณ หนังเจ้าต้องหนาเหมือนกับหนังวัวแน่”
ผู้อาวุโสสำนักใบหน้าแดงก่ำหลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูหยาง
“เจ้าเด็กเลว เจ้ากล้าดูถูกข้าอย่างงั้นรึ–”
“ผู้อาวุโส ถ้าเจ้ามิหยุดในครั้งนี้ ข้าจักบอกอาจารย์ข้าว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่หลังจากนี้”
ซูหยินพลันขัดขึ้นด้วยเสียงเย็นเยียบ
“ซ-ซูหยิน… เจ้า…”
ผู้อาวุโสสำนักไม่อยากเชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับความเย็นชาจากซูหยินแบบนั้น ซึ่งปกติแล้วจะเป็นเด็กใจดีและนุ่มนวล
ซูหยินพลันกล่าวต่อว่า “พวกเจ้าทั้งหมดควรกลับไปที่โรงเตี๊ยมโดยมิมีข้า ข้าจักอยู่กับพี่ชายใหญ่ของข้าชั่วระยะเวลาหนึ่ง”
“อะไร ทำเช่นนั้นมิได้ อาจารย์ของเจ้า เจ้าสำนักคาดหวังให้เจ้ากลับไป” ผู้อาวุโสสำนักปฏิเสธทันที
“ข้ามิได้ขออนุญาต” ซูหยินตอบ
“น้องหญิง… อย่าทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากกับพวกเรา…”
“เจ้าสำนักจักต้องโกรธแน่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า..”
“ใช่แล้ว ชีวิตของพวกเราจักต้องเสี่ยงในเวลานั้น”
ศิษย์ของเธอต่างก็พากันกล่าวถึงความกังวลของตนเองออกมา
“ฮึ่ม” ซูหยินแค่นเสียงเย็นชา “แม้ว่าเราอาจจะเป็นศิษย์ร่วมสำนัก แต่เจ้าได้ข้ามเส้นที่เจ้ามิควรจะข้ามไปแล้วในวันนี้เมื่อเจ้าหยามพี่ชายใหญ่ของข้า ข้าจักจำเรื่องนี้ไว้”
“…”
ศิษย์ทุกคนที่นั่นที่ได้อ้าปากกล่าวหาซูหยางไม่นานก่อนหน้านั้นได้ก้มหน้าลงด้วยความละอาย จิตใจเต็มไปด้วยความเสียใจ
พวกเขาทั้งหมดล้วนรู้ว่าซูหยินรักพี่ชายของเธอสุดซึ้ง ในเมื่อนั่นเป็นทุกอย่างที่เธอจะพูดถึงในสำนัก แต่พวกเขาทุกคนไม่คาดว่าจะมากมายถึงเพียงนี้
“ถ้าเจ้าไปกับพวกเขา เช่นนั้นข้าจักร่วมทางกับเจ้าด้วย” เหยาหนิงพูดในขณะถัดไป “ถ้าข้าไปกับเจ้า เจ้าสำนักจักได้ไม่กังวล ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงมิต้องการให้เจ้าสำนักขัดขวางการอยู่ร่วมของเจ้ากับพี่ชายของเจ้า ใช่ไหม”
ซูหยินครุ่นคิดอย่างเงียบๆชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้า
“ตกลง พี่หนิงไปกับข้าได้”
ซูหยินพลันหันไปหาซูหยาง
“พวกเราไปกันเถอะ พี่ชาย ข้ามีหลายเรื่องที่จะพูดกับท่าน” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า
“อื้อ..”
ซูหยางหันไปมองดูโหลวหลานจี ซึ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขื่นขม “น้องสาวเจ้าสามารถตามพวกเราไปยังโรงเตี๊ยมได้”
หลังจากที่ทุกสิ่งได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ซูหยินและเหยาหนิงก็ได้ตามนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกลับไปยังที่พักของพวกเขา ปล่อยให้ผู้อาวุโสสำนักจากสำนักหงส์สวรรค์กรุ่นไปด้วยความโกรธ
“ข้าจักพูดกับเจ้าสำนักยามเมื่อเรากลับไป พวกเจ้าจักต้องมิพูดออกไปเกี่ยวกับเรื่องวันนี้ พวกเจ้าเข้าใจข้าหรือไม่”
“ได้ ผู้อาวุโส”
สำนักหงส์สวรรค์จากไปไม่นานหลังจากนั้น
–
–
–
“ฮี่ฮี่ฮี่…”
ซูหยินกอดแขนซูหยางแน่นขณะที่พวกเขาเดินกลับไปยังโรงเตี๊ยมขณะที่ส่งเสียงสนุกสนาน
“น้องสาวคนนี้.. ดูประหลาดอยู่บ้าง…”
ศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมองดูการกระทำของซูหยินด้วยหางตา
“เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว น้องสาว” ซุนจิงจิงตัดสินใจที่จะเริ่มการสนทนากับเธอ
“ข้าจักอายุสิบหกเดือนหน้า” เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เช่นนั้นเธอก็เพียงอ่อนกว่าศิษย์พี่ชายปีเดียวเองนะสิ หือ”
เหล่าศิษย์เริ่มกระซิบกระซาบกัน
“สามารถเข้าถึงระดับสูงสุดของเขตสัมมาวิญญาณตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนั้น ช่างเป็นสัตว์ประหลาดอะไรเช่นนั้น..” โหลวหลานจีถอนใจ
“สมกับเป็นน้องสาวของซูหยาง หน้าตาและพรสวรรค์ของทั้งคู่ล้วนไม่ธรรมดา” ซุนจิงจิงหัวเราะหึ
“…”
ซูหยินมองดูซุนจิงจิงและสาวสวยเหล่านี้ทั้งหมดด้วยสายตาครุ่นคิด
“พี่ชาย ข้าต้องการถาม เกิดอะไรขึ้นกับนังเลวนั่น” ซูหยินถามเขาด้วยท่าทางจริงจัง
“ใครกัน” ซูหยางเลิกคิ้ว
“คนที่อยู่กับท่านที่ประตูศักดิ์สิทธิ์ และที่บ้านของตระกูลซู”
เมื่อรู้ว่าซูหยินพูดถึงชิวเยว่ ซูหยางไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ในเมื่อเธอเพิ่งถูกเรียกว่านังเลวจากเด็กน้อย
“ข้าจักบอกเจ้าทุกอย่างที่โรงเตี๊ยม ส่วนสำหรับหญิงสาวคนนั้น นั่นไม่เหมือนกับที่เจ้าคิดนะ เธอมิมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการสูญเสียความทรงจำของข้า”
“อะไรกัน เช่นนั้น..”
“ก็เหมือนกับวันนี้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิด”
“ไม่มีทาง…” ซูหยินพลันเงียบไปและเริ่มรู้สึกผิดกับการกระทำและความคิดของเธอก่อนหน้านี้