DC บทที่ 330: เมล็ดเพลิงนรก
“เจ้าสองคนเสร็จแล้วรึ” โหลวหลานจีถามซูหยางหลังจากที่เขาออกไปจากห้องพร้อมกับซูหยิน
“ช่าย และถ้าท่านมิถือ เธอต้องการอยู่กับพวกเราพักหนึ่ง ให้เธอใช้ห้องข้าได้”
“ตามสบาย” โหลวหลานจีพยักหน้า “อย่างไรก็ตาม เจ้าวางแผนที่จะทำอะไรในตอนนี้จนกว่าจะถึงการแข่งขันระดับภูมิภาค”
“จริงแล้ว นอกจากฝึกวิชา ก็มิมีอย่างอื่นอีก” ซูหยางยักไหล่
“เช่นนั้นเจ้ายินดีที่จะร่วมทางกับศิษย์รุ่นเยาว์หรือไม่ พวกเขาต้องการเข้าร่วมในการประมูลที่จะมาถึงนี้และได้ถามข้าว่าเจ้าจะไปกับพวกเขาได้ไหม”
“งานประมูลรึ” ซูหยางเลิกคิ้ว “ทำไมพวกเขาจึงต้องการเข้าร่วมงานประมูล”
“ดูเหมือนว่าโรงประมูลนี้มีเจ้าของเป็นนิกายดอกบัวเพลิง และพวกเขามีสมบัติหายากเป็นพิเศษมาประมูลในปีนี้ ก็เหมือนกับการแข่งขันระดับภูมิภาค มันไม่ค่อยได้เปิดทำธุรกิจ และศิษย์เหล่านี้ต้องการหาประสบการณ์กับเหตุการณ์หายากนี้ให้ตนเอง”
“นิกายดอกบัวเพลิงรึ พวกเขาก็มีโรงประมูลในเมืองนี้ด้วยรึ”
“มิได้มีเพียงแค่ไม่กี่เมือง พวกเขาเป็นเจ้าของโรงประมูลในเกือบทุกเมืองในทวีปแห่งนี้ แน่นอนว่าที่อยู่ในเมืองนี้เป็นโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุด” โหลวหลานจีกล่าว “นี่คือรายการของสิ่งที่น่าสนใจที่สุดที่พวกเขาจักขายในปีนี้”
เธอยื่นกระดาษที่เปี่ยมสีสันให้กับเขา
“นี่คือบัตรเชื้อเชิญอย่างเป็นทางการสู่โรงประมูล ส่งมาโดยนักปรุงยาหวังชูเหรินด้วยตนเอง เธอมาที่นี่เมื่อตอนที่พวกเราไปทำการทดสอบ”
ซูหยางมองดูรายการอย่างรวดเร็ว
“เมล็ดเพลิงนรกรึ” ซูหยางค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นวัตถุสิ่งนี้ในโลกนี้
“มีอะไรที่กระตุ้นความสนใจของเจ้ารึ” โหลวหลานจีสังเกตเห็นแววปรารถนาจากสายตาของเขา
“ใช่..เล็กน้อย”
เขาพยักหน้า “ข้าจักเข้าร่วมในงานประมูลนี้กับศิษย์เหล่านั้น”
“ดี ข้าจักบอกพวกเขาทีหลัง ที่นั่นจะเปิดสามวันหลังจากนี้ ดังนั้นใช้เวลานี้เตรียมตัวให้พร้อม”
“พี่ชาย อะไรที่ทำให้ท่านสนใจ” ซูหยินถามเขาขณะที่แอบมองไปยังรายการจากด้านข้าง
“เมล็ดเพลิงนรก มันเป็นยาที่มีประสิทธิภาพสุดยอดสำหรับเพิ่มปราณหยางของผู้คน”
“เจ้าพูดว่าเมล็ดเพลิงนรกรึ ทำไมเจ้าจึงต้องการสิ่งอันตรายเช่นนั้น” โหลวหลานจีมีท่าทางตระหนกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“มันอันตรายขนาดนั้นเลยรึ” ซูหยินถาม
“แน่นอน เปรียบเทียบกับดอกหยางพิสุทธิ์ มันมีประสิทธิภาพและอันตรายมากกว่าอย่างน้อยสิบเท่า จริงแล้วมันอันตรายมากกระทั่งผู้ที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณก็ยังมิกล้าแตะต้องมัน”
“ถ้ามันเป็นสิ่งอันตรายเช่นนั้น ทำไมจึงมีคนต้องการที่จะซื้อมัน” ซูหยินเผยให้เห็นหน้าตาสงสัย
“แม้ว่ามันจะมิสามารถกลืนกินได้โดยตรง มันยังมีประโยชน์อื่น อย่างเช่นเพิ่มปราณไร้ลักษณ์ในบริเวณใกล้เคียง” โหลวหลานจีกล่าว “ถ้าเจ้าวางเมล็ดเพลิงนรกไว้ในห้องหนึ่งเปรียบเทียบกับอีกห้องที่ว่างเปล่า ปราณไร้ลักษณ์ในห้องที่มีเมล็ดเพลิงนรกก็จักมีความเข้มข้นมากกว่าห้องที่ว่างอย่างน้อยสองเท่า ทำให้เจ้าสามารถฝึกยุทธได้รวดเร็วมากกว่า”
“แต่แน่นอน เพราะว่าธาตุหยางอันรุนแรง มีเพียงผู้ที่ฝึกวิชาด้วยปราณหยางที่สามารถฝึกฝนได้ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นโดยไม่มีผลข้างเคียง”
โหลวหลานจีจึงหันไปมองดูซูหยางและกล่าวต่อว่า “เป็นการดีกว่าถ้าเจ้าปล่อยวางเมล็ดเพลิงนรก ในเมื่อพวกมันล้วนแพงอย่างที่สุด เมล็ดสุดท้ายถูกขายที่ราคามากกว่าหนึ่งแสนก้อนหินวิญญาณ”
“หนึ่งแสนก้อนหินวิญญาณ” ซูหยินอ้าปากค้างกับจำนวนเงินมหาศาล ต่อให้เป็นตระกูลซูก็ยังไม่สามารถที่จะนำเอาเงินจำนวนนั้นออกมาโดยไม่กระทบต่อสถานะทางการเงินของตระกูลไปหลายปี
“หนึ่งแสนก้อนหินวิญญาณรึ” ซูหยางไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย ในเมื่อเงินจำนวนนั้นก็เหมือนกับหยดน้ำหยดหนึ่งในทะเลในสายตาของเขา
หลังจากที่ปล้นห้องสมบัติภายในคลังสมบัติเซียน นอกจากวิชายุทธและสมบัติวิญญาณ เขาก็ยังได้หินวิญญาณอีกหลายล้านก้อน ความร่ำรวยเช่นนี้ย่อมพอเพียงที่จะเป็นค่าใช้จ่ายให้กับสำนักขนาดใหญ่ทั้งหมดเป็นเวลาหลายปี
“ข้าจักจำไว้” ซูหยางตอบหลังจากผ่านไปชั่วขณะ
เวลาต่อไป เหยาหนิงและศิษย์คนอื่นก็ปรากฏตัวขึ้น
“น้องหญิง เจ้าเสร็จสิ้นการพูดกับพี่ชายของเจ้าแล้วหรือ” เหยาหนิงเข้าไปหาเธอ
“อื้อ และข้าต้องขอโทษที่ลากเจ้ามาที่นี่พร้อมกับข้า” ซูหยินกล่าว
“อย่ากังวลเรื่องนี้ ข้ามาที่นี่ด้วยตัวข้าเอง ทั้งข้าเองก็สนใจในตัวพี่ชายของเจ้าอยู่เล็กน้อย” เหยาหนิงหันไปมองดูซูหยางพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “ซูหยางใช่หรือไม่ อีกครั้งที่ข้าต้องขอโทษกับความเข้าใจผิด”
“เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย” เขาตอบสนองเธอด้วยท่าทีไม่สนใจ
“อย่างไรก็ตาม ข้าได้พูดกับเพื่อนศิษย์ของเจ้าได้สักพักหนึ่งแล้ว และข้าต้องขอพูดว่าเจ้ามิได้เป็นอะไรที่เหมือนกับน้องสาวเจ้าอธิบายเลยแม้แต่น้อย” เหยาหนิงพลันหัวเราะคิกคัก
“โฮ่ เจ้าหมายความว่าอะไรเช่นนั้น” ซูหยางเลิกคิ้ว
“ใช่แล้ว เจ้าหมายความว่าอะไร อธิบายมาให้ชัดเจน ข้าจักมิทนการถูกหมิ่นเหยียดหยามต่อพี่ชายต่อให้เป็นเจ้าก็ตามเถอะ” ซูหยินกล่าว
“นั่นมิใช่อะไรแบบนั้น” เธอโบกมือ “จริงแล้วข้าอดมิได้ที่จะชื่นชอบเขามากกว่าเดิมตอนนี้ ที่สามารถดูแลคนมากมายปานนี้ได้ในครั้งเดียวอีกทั้งบ่อยครั้ง ร่างกายของเจ้าต้องพิเศษเป็นอย่างมากจริงๆ”
“ข้ายังคงมิเข้าใจกับสิ่งที่เจ้าพยายามจะพูด พี่หนิง” ซูหยินขมวดคิ้ว
“ฮี่ฮี่… เจ้ายังคงเยาว์วัย” เหยาหนิงส่ายหน้า “รอจนกว่าผ่านพ้นวันเกิดของเจ้าเดือนหน้าก่อนที่จะถามคำถามข้ามากกว่านี้”
ได้ยินคำของอีกฝ่าย ศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยด้านหลังเธอต่างพากันหัวเราะคิกคัก
ระหว่างที่ซูหยินสนทนากับซูหยาง พวกเธอก็ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับซูหยางหลังจากที่เหยาหนิงร้องขอต้องการรู้จักซูหยางให้มากกว่านี้ แน่นอนว่าเนื่องจากธรรมชาติและประสบการณ์ของพวกเธอ สิ่งที่พวกเธอสามารถเปิดเผยได้ก็เป็นเพียงความสามารถของซูหยางบนเตียงและวิธีที่เขาระรานร่างกายของพวกเธอด้วยการใช้เพียงแค่มือ
เหยาหนิงถูกความตระหนกเข้าครอบงำกับข้อมูลแบบนั้นในตอนแรก ในเมื่อเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่หลังจากที่รู้มากขึ้นเกี่ยวกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและปกติวิสัยของพวกเธอ เธอก็เริ่มสนใจกับพวกเธอมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และก่อนที่เธอจะทันรู้ตัว ใจเธอก็ประทับใจไปกับการสนทนาเสียแล้ว
“ได้ ถ้าเจ้ามิต้องการที่จะบอกข้า ข้าจักถามพวกเธอด้วยตนเอง” ซูหยินแค่นเสียงและตรงไปยังเหล่าศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“โปรดบอกข้าเรื่องราวเกี่ยวกับพี่ชายของข้าในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอย่างละเอียด เพราะสถานการณ์บางอย่างทำให้ข้ามิสามารถที่จะเจอเขาเป็นเวลานับปี และข้าจักปลาบปลื้มไปนานเท่านานถ้าพวกเจ้าสามารถเปิดเผยประสบการณ์ของพวกเจ้ากับเขาต่อข้า”
“…”
เมื่อเห็นความจริงใจของซูหยิน เหล่าศิษย์ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า
“มากับพวกเรา เราจักบอกเจ้าทุกอย่างที่เจ้าต้องการจะรู้” หนึ่งในเหล่าศิษย์กล่าว
“ตกลง” ซูหยินพลันเปี่ยมไปด้วยความสุขในทันใด
“พี่ชาย เดี๋ยวข้าค่อยกลับมา” เธอกล่าวกับเขาก่อนที่จะติดตามเหล่าศิษย์ไปยังห้องอื่น
“เจ้ามิไปหยุดยั้งพวกเธอรึ” เหยาหนิงถามเขา “น้องสาวไร้เดียงสาของเจ้าจักรู้ความจริงเกี่ยวกับเจ้าในไม่กี่นาที รู้ไหม ใครจะรู้ว่าเธอจักมีท่าทีเช่นไรยามเมื่อเธอรู้ว่าพี่ชายสุดที่รักของเธอได้กลายเป็นชายเต็มตัวไปแล้วทั้งยังกับหญิงสาวมากมาย”
“ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้น เธอต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว” ซูหยางยักไหล่
“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างน่ารัก ข้าชอบ” เหยาหนิงหัวเราะ