DC บทที่ 345: พิจารณาหมั้นหมาย
“หรือว่าเธอบ้าไปแล้ว เธอให้ตำแหน่งที่น่ายกย่องให้แก่คนที่ทั้งอ่อนเยาว์และหยิ่งยะโสได้อย่างไร ว่าแต่นิสัยใช้เงินอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น เขาต้องเป็นตะปูดอกสุดท้ายสำหรับโลงของพวกเขาแน่นอน”
“ถึงแม้ว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจะเป็นสำนักขนาดเล็ก เขาก็ยังเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่เคยเป็นผู้นำนิกาย….”
ผู้คนที่นั่นส่วนใหญ่แล้วพากันตกตะลึงในการตัดสินใจของโหลวหลานจีในการที่ทำให้บางคนที่ทั้งอายุน้อยและหยิ่งยะโสดังเช่นซูหยางเป็นผู้นำนิกายในเมื่อพวกเขาเชื่อว่าเขาจะต้องนำสำนักเข้าไปสู่การล่มสลายด้วยอัตราที่เร็วกว่าเดิม
ความจริงแล้วพวกเขาทั้งหมดต่างพากันเดาว่าเขาจะทำลายสำนักได้เร็วแค่ไหน
“สมกับเป็นพี่ชายของข้า…. ที่กลายเป็นเจ้าสำนักไปแล้ว….” ซูหยินหัวเราะคิกคัก
“อืม… ข้าควรเรียกท่านอย่างไรในเมื่อท่านกลายเป็นเจ้าสำนักไปแล้ว” จางซิวยิงถามด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“ก็ใช้เหมือนดังที่เจ้ารู้สึกว่าสบายใจ” ซูหยางกล่าว “นี่ก็ใช้สำหรับพวกเจ้าตัวเล็กด้วยเช่นกัน ถ้านั่นทำให้เจ้ารู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น ก็เพียงเรียกข้าว่า ศิษย์พี่ชายเหมือนปกติ”
ในเวลานั้นภายในห้องวีไอพี เจ้าซีกำลังตกอยู่ในภวังค์ลึก
“เขาวางแผนที่จะทำให้นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเป็นสำนักที่ทรงอำนาจที่สุดในทวีปตะวันออกจริงรึ หากเป็นเช่นนั้น โดยมิต้องสงสัยเลยว่านั่นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสมดุลในโลกนี้ไปทั่วทุกที่”
เจ้าซีไม่คิดสงสัยว่าซูหยางจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยานดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ตามจริงแล้วเขาเชื่อว่าต่อให้ซูหยางไม่กระตือรือล้นทำอะไรเลย ตราบเท่าที่อีกฝ่ายยังอยู่ในที่แห่งนั้น นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นปลาหลีฮื้อที่ทะยานเข้าสู่ประตูมังกรอยู่แล้ว
“เขาได้รับความแข็งแกร่งแบบนั้นในช่วงเวลาสั้นๆมาจากไหน ตามรายงานเขาเพิ่งอายุสิบเจ็ดปี โลกนี้จะเป็นอย่างไรในอีกสิบปีต่อจากนี้ เขามีเซียนเป็นอาจารย์ของเขาจริงหรือ”
เจ้าซีก็ไม่อาจที่จะจินตนาการถึงอนาคตของซูหยางในหนึ่งปีนับจากนี้ ในเมื่อเขาได้อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณในขณะที่อายุยังเยาว์เช่นนี้ อย่าเพิ่งคิดถึงสิบปีข้างหน้า
“ศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต่างก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายสวรรค์ในปีนี้ เมื่อมาคิดว่าพวกเขาก็มีศิษย์ถึงสองคนที่ได้เข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณ ถ้าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับซูหยางเกี่ยวพันไปถึงเซียนลึกลับนั้นที่ปกป้องนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจากนิกายล้านอสรพิษอยู่ บางทีข้าควรจะไปเยี่ยมเขาหลังจากการแข่งขันระดับภูมิภาค”
เจ้าซีเริ่มเชื่อว่าให้ลูกสาวเขาแก่ซูหยางที่มีพรสวรรค์หาใดเทียบและมีอนาคตไม่สิ้นสุดอย่างแท้จริงนั้น ว่าไปแล้วอาจจะเป็นความคิดที่ไม่เลวเสียทีเดียว
“ถ้าเขาสามารถช่วยรักษาอาการของลูกสาวข้าและยังคงมีชีวิตรอดหลังจากที่ล่วงเกินคนมากมายปานนี้ เช่นนั้นข้าจักพิจารณาการหมั้นหมายของพวกเขาอย่างจริงจัง…” เจ้าซีพยักเพยิดกับตัวเองอย่างเงียบๆ
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นหวังชูเหรินก็กลับขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับผู้ช่วยสาวสวย 2 คน
“ขอบคุณทุกท่านที่รอคอยเราตอนนี้จักเริ่มส่วนที่ 2 และเป็นส่วนสุดท้ายของการประมูล” เธอกล่าวเสียงดังพร้อมกับกล่าวต่อว่า “ถ้าพวกท่านได้ประหลาดใจกับการประมูลสมบัติในครึ่งแรกแล้ว เช่นนั้นพวกท่านต้องเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่เรามีในคลังสำหรับพวกท่านในเวลาถัดไปนี้”
ก่อนที่เราจะเริ่มข้ามีสิ่งที่ต้องประกาศ เลือดงูสามฤดูที่คาดว่าจักนำมาประมูลในช่วงหลังจะไม่มีอีกต่อไป ในเมื่อท่านเจ้าได้ร้องขอเป็นการส่วนตัว ข้าต้องขออภัยในความไม่สะดวกที่ได้เกิดขึ้นนี้”
คนบางคนส่ายหน้าด้วยความเสียใจหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ในเมื่อพวกเขาได้เฝ้ามองที่จะซื้อเลือดงูสามฤดูที่สามารถใช้ปรุงเป็นยาที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตามในเมื่อท่านเจ้าซีได้เพ่งเล็งมัน นั่นย่อมไร้ค่าที่จะประมูลในเมื่อไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายเขาเพื่อสิ่งนั้น
“ในเมื่อเป็นท่านเจ้าย่อมไม่มีเหตุผลที่เทพธิดาหวังจักต้องขอโทษ”
“อย่ากังวลผู้อาวุโสหวัง พวกเรามิใช่คนไร้เหตุผล ท่านไม่ควรถูกตำหนิ”
บรรดาแขกต่างพากันเข้าใจสถานการณ์และไม่ได้ทำเรื่องยุ่งยากให้แก่เธอ
หวังชูเหรินพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “เช่นนั้นในเมื่อมิมีอะไรแล้วขอให้ข้าประกาศสมบัติชิ้นต่อไป”
ผู้ช่วยทั้ง 2 เปิดผ้าคลุมบนโต๊ะเลื่อนและเผยให้เห็นกล่องไม้ที่ค่อนข้างใหญ่กว่าแขนผู้ใหญ่เล็กน้อย”
“ภายในกล่องไม้นี้ก็คือเมล็ดเพลิงนรกที่ไหลเวียนไปด้วยปราณหยาง ตำนานกล่าวว่าถ้าหากกลืนมันเข้าไปต่อให้เป็นคนในเขตอัมพรวิญญาณก็สามารถข้ามระดับไปถึง 3 ระดับได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเพราะว่าปราณหยางรุนแรงเกินไปและไม่สามารถควบคุมได้ กระทั่งคนที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณก็ไม่สามารถกลืนมันเข้าไปได้โดยไม่ระเบิดตาย แทนที่จะกลืนมัน เมล็ดเพลิงนรกส่วนใหญ่แล้วมักใช้เพิ่มพลังปราณไร้ลักษณ์ในห้องปิด ถ้าวางมันภายในห้อง ปราณไร้ลักษณ์ภายในห้องก็จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าทั้งปริมาณและคุณภาพเพิ่มความเร็วในการฝึกปรืออย่างมากขณะที่อยู่ในห้องนั้น”
“ในที่สุดก็ได้เวลาประมูลเมล็ดเพลิงนรก”
“ข้าได้รอคอยสิ่งนี้อยู่”
ทุกคนในห้องต่างพากันตื่นเต้นกับเมล็ดเพลิงนรก ในเมื่อมันสามารถเปลี่ยนห้องธรรมดาให้กลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยปราณสำหรับฝึกฝีมือ
อีกนัยหนึ่งเมล็ดเพลิงนรกจะเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลหรือสำนักใดๆได้อย่างมหาศาล ดังนั้นจึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมทุกคนที่นั่นต่างพากันเพ่งเล็งมัน
“ราคาเริ่มต้นสำหรับเมล็ดเพลิงนรกจักเป็น 100,000 ก้อนหินวิญญาณ”
ทันทีหลังจากที่หวังชูเหรินได้ประกาศราคา มือนับสิบก็ได้ยกขึ้นไปบนอากาศและราคาสำหรับเมล็ดเพลิงนรกก็พุ่งสูงเสียดฟ้าขึ้นไปในทันที
“ตระกูลหวูประมูล 150,000 ก้อนหินวิญญาณ”
“ตระกูลหัวประมูล 180,000 ก้อนหินวิญญาณ”
“สำนักหงส์สวรรค์ประมูล 250,000 ก้อนหินวิญญาณ”
“ตระกูลหวังประมูล 255,000 ก้อนหินวิญญาณ”
“สำนักหมัดมังกรประมูล 270,000 ก้อนหินวิญญาณ”
“…300,000 ก้อนหินวิญญาณ”
“…375,000 ก้อนหินวิญญาณ”
“…390,000 ก้อนหินวิญญาณ”
“สำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ประมูล 500,000 ก้อนหินวิญญาณ”
สำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสำนักระดับสูงที่แข็งแกร่งที่สุดพลันเข้าร่วมการต่อสู้เป็นครั้งแรกในวันนี้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนหลายคนที่นั่น