หลังจากที่ซูหยางไปจากสถานที่แห่งนั้นแล้ว เจ้าซีก็กลับไปที่เมืองเช่นกัน อย่างไรก็ตามขณะที่ไปถึงประตู เขาก็พบกับคนขี้สงสัยจำนวนมากที่ถูกสั่งให้อยู่แต่ในเมืองจากทหารเฝ้าประตู
“ท-ท่านเจ้า ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีหรือไม่ ท่านบาดเจ็บหรือไม่” ทหารเฝ้าประตูพลันถามเขา
“ข้าสบายดี ต้นตอของปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อกี้นี้ได้ข้อสรุปแล้ว มิมีอะไรน่าเป็นห่วง” เจ้าซีกล่าว
“ท่านเจ้า ข้าพอจะถามได้หรือไม่ว่า อะไรที่เป็นต้นตอของปรากฏการณ์ประหลาดนั้น”
ผู้คนที่สงสัยต่างพากันถามเขา
“มันเป็นเพียงแค่การวิวาทกันเล็กน้อยระหว่างยอดยุทธสองคน มิมีค่าอะไรแก่การใส่ใจ”
“เพียงแค่การวิวาทเล็กน้อยเองรึ”
ผู้คนต่างพากันมึนงงกับคำตอบที่ไม่คาดคิด การทะเลาะวิวาทเล็กน้อยอะไรกันถึงทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายเพียงนี้ พวกเขายังคิดว่านี่เป็นสงครามระหว่างกองกำลังที่แข็งแกร่งสองฝ่ายเสียอีก
“ข้าจักต้องขออภัยแทนผู้ที่สร้างปัญหาเหล่านี้ด้วยถ้าการวิวาทของพวกเขาทำให้เกิดความไม่สะดวกขึ้น” เจ้าซีกล่าว
อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครพูดอะไร ไม่ว่าอย่างไรใครจะกล้าให้ราชันย์ขอโทษด้วยตนเอง ต่อให้เจ้าซีเองเป็นคนที่สร้างความวุ่นวายนี้เอง ก็ไม่มีใครกล้าตัดพ้อ
หลังจากนั้นเมื่อเจ้าซีกลับคืนถึงบ้าน ร่างอีกร่างหนึ่งที่มีสีหน้าอยากรู้ก็มาปรากฏต่อหน้าของเขา
“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นข้างนอกรึ ใช่พี่ชายซูหยางหรือไม่” ซีซิงฟางถามเขาทันทีที่เขาเดินผ่านประตู
“…อย่ากล่าวถึงชื่อของเขา” เจ้าซีรู้สึกถึงความโกรธที่ได้กดเอาไว้ปะทุขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินชื่อของเขา
ซีซิงฟางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เป็นเขาอย่างงั้นสินะ… มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกท่านทั้งสองกัน”
“เจ้าเลวนั่นเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่กล้าหยามข้าอย่างตรงๆ เขามิเคารพอำนาจหรือฐานะของข้า ถ้ามิใช่เพราะว่าอาการของเจ้า ข้าจักต้องฆ่าเขาที่นั่นเดี๋ยวนั้น”
“ท่านพ่อ” ซีซิงฟางพลันตะโกนออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ “ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรระหว่างท่านกับพี่ชายซูหยาง ข้าจักมิยอมให้ท่านทำอันตรายเขา”
“ฮึ่ม”
เจ้าซีเพียงแค่แค่นเสียงกับคำพูดของเธอและเดินจากไป
“ท่านพ่อ ข้าขอเตือนท่าน ถ้าท่านทำอันตรายเขา ข้าจักมิให้อภัยท่านถึงแม้ว่าท่านจะเป็นพ่อของข้าก็ตาม”
อย่างไรก็ตาม เจ้าซีไม่สนใจเธออีกต่อไปและหายไปจากตรงนั้นอย่างสิ้นเชิง
“…”
ชั่วขณะหลังจากนั้น ร่างอีกร่างหนึ่งก็มาปรากฏตัวต่อหน้าซีซิงฟาง
“ซิงเอ๋อร์ เจ้าชอบชายหนุ่มคนนั้นจริงๆ เฮ้อ”
“ท-ท่านปู่ ท่านมาทำอะไรที่นี่” ซีซิงฟางแสดงท่าทางประหลาดใจหลังจากที่เห็นชายชรา
“ถ้าข้ามิออกมา พ่อของเจ้าคงจะสู้ตายกับเพื่อนของเจ้า” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อจักไปสู้ตายกับพี่ชายซูหยาง ทำไมอะไรแบบนี้จึงเกิดขึ้นได้” ซีซิงฟางตื่นตระหนกอย่างแท้จริงในตอนนี้
“เอ้อ.. เจ้ารู้ไหม..”
ในเมื่อมันไม่ได้มีอันตรายอะไรในการที่จะให้เธอได้รู้ ชายชราจึงอธิบายสถานการณ์ให้กับเธอ
หลังจากที่รู้ความจริง ซีซิงฟางกัดฟันเธอด้วยความโกรธและพูดเสียงเย็นชา “นิกายล้านอสรพิษทำเกินไปแล้วคราวนี้ เมื่อมาคิดว่าพวกเขาถึงกับส่งนักฆ่าไปโจมตีนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย พวกเขาสมควรที่จะถูกริบสถานะสำนักระดับสูง ในเมื่อพฤติกรรมของเขามิต่างไปจากโจรร้าย”
“โฮ่ มิง่ายเลยที่จะเห็นเจ้าถึงกับโกรธแทนคนอื่นถึงปานนี้ ซิงเอ๋อร์ ชายชรามองดูเธอด้วยสีหน้าสนุกสนาน
ซีซิงฟางหน้าแดงและกล่าวว่า “เออ.. พี่ชายซูหยางเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อข้าและจะเป็นผู้ช่วยชีวิตของข้าด้วย แน่นอนว่าข้าย่อมโกรธแค้นถ้าเขาถูกคนของพวกเรารังแก”
“เจ้าดูเหมือนมีความมั่นใจว่าเขาจักสามารถรักษาอาการของร่างกายเจ้าได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น” เขาถามเธอ
“ข้ามิสามารถที่จะอธิบายได้ถูกต้องอย่างแท้จริง แต่มีกลิ่นอายรอบตัวเขาที่ทำให้ข้ามั่นใจเพียงแค่ได้อยู่ข้างกายเขา”
ชายชรายิ้มและกล่าวว่า “กลิ่นอายแบบนั้นเป็นสิ่งที่มีเพียงคนที่มีความมั่นใจสูงสุดในความสามารถของตนเองปลดปล่อยออกมา มิว่านั่นจะเป็นความหยิ่งยะโสหรือความมั่นใจ ตราบเท่าที่คนนั้นแข็งแกร่งพอ เขาจักย่อมมีผลกระทบต่อคนอื่นด้วยเพียงกลิ่นอายของเขาแต่เพียงอย่างเดียว มันเป็นบางสิ่งที่คล้ายกับสิ่งที่ราชันย์ปลดปล่อยออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าประชาชนของเขา”
“ข้าเข้าใจ…” ซีซิงฟางพยักหน้า
“อย่างไรก็ตามการรวบรวมดำเนินไปอย่างไรแล้ว มีสิ่งของมากมายเพียงใดที่พวกเรายังคงต้องการจากรายการนั้น” ชายชราพลันถามเธอ
“ท่านพ่อกลับมาพร้อมกับเลือดงูสามฤดูวันนี้ซึ่งนั่นทำให้สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งของรายการ เราควรจะได้สิ่งของอีกสองในอาทิตย์หน้า อย่างไรก็ตามสิ่งของที่เหลืออีกสามรายการทั้งหมดล้วนเป็นของหายากที่สุดที่กระทั่งพวกเรายังมิได้เห็นมันมานับสิบปีแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งโสมเลือดปีศาจ หากจะกล่าวไปแล้ว พี่ชายซูหยางได้กล่าวว่าเขาจะจัดการเรื่องโสมเลือดปีศาจ พวกเราจึงเพียงต้องกังวลกับอีกสองสิ่งเท่านั้น” ซีซิงฟางกล่าว
“ของสองสิ่งนั้นมีชื่อว่าอะไร” ชายชราถาม
“ข้าเชื่อว่ามันเป็นสมุนไพรพิษชื่อว่ารากอสูรและเลือดจากสัตว์พิเศษ กิเลนม่วง”
“กิเลนม่วง หือ… นี่ค่อนข้างจะมีปัญหา…” ชายชราขมวดคิ้ว
“ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ท่านปู่” ซีซิงฟางถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“กิเลนม่วงสามารถพบได้ที่ใกล้กับสระม่วงที่อยู่ในป่าต้องห้าม อย่างไรก็ตามปัญหามิได้อยู่ที่ตัวกิเลนแต่กลับเป็นสภาพแวดล้อมอันตรายของป่าต้องห้ามแทน สถานที่นั้นเต็มไปด้วยอากาศที่เป็นพิษที่อันตรายเสียจนกระทั่งข้ามิอาจจะเข้าไปได้ลึกโดยมิเป็นอันตรายต่อพลังการฝึกปรือของข้า”
“มันอันตรายถึงขนาดนั้นเชียวรึ เช่นนั้นพวกเราจะเข้าไปเอาเลือดของกิเลนม่วงได้อย่างไร”
“แม้ว่าข้ามิอาจเข้าไปในป่านั้นได้ แต่นั่นเป็นเรื่องอีกเรื่องสำหรับเจ้าซึ่งมีร่างกายที่ต้านทานพิษอย่างสมบูรณ์”
“ข-ข้ารึ…” ซีซิงฟางกลืนน้ำลายด้วยความเป็นกังวล
“ใช่ มีเพียงเจ้าที่สามารถเข้าไปในป่าต้องห้ามได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามข้ามิแนะนำเช่นนั้น ในเมื่อเจ้ามิอาจจะเป็นคู่มือของกิเลนม่วงที่อยู่ประมาณระดับหกของเขตอัมพรวิญญาณได้”
“ต่อให้มันจะต้องมีอันตราย เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งเลือดกิเลนม่วง ข้าต้องไป” ซีซิงฟางกล่าว
“ใจเย็นๆ ซิงเอ๋อร์ เราสามารถคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อเราได้รับของอย่างอื่นแล้ว ส่วนสำหรับรากอสูรนั้น เจ้าก็สามารถหามันได้จากภายในป่าต้องห้ามด้วยเช่นกัน แต่ในเมื่อมันสามารถหาพบได้จากรอบๆชายเขตของป่า เรามิต้องจำเป็นต้องกังวลว่าจะมิสามารถเข้าถึงมันได้”
ซีซิงฟางพยักหน้า
“มันดึกแล้ว เจ้าควรไปพักผ่อน”
“แล้วท่านล่ะ ท่านปู่”
“ข้าจักอยู่ที่นี่นานอีกสักหน่อย ข้ายังคงมีเรื่องต้องคุยกับพ่อของเจ้าอีกสองสามเรื่อง”
“ได้เลย ราตรีสวัสดิ์ ท่านปู่” ซีซิงฟางกล่าวกับเขาก่อนที่จะกลับไปยังห้องของตนเอง