หลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นการให้คำแนะนำแก่ศิษย์แล้ว โหลวหลานจีก็กล่าวว่า “แม้ว่าการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ เราก็อาจจะไม่ได้แข่งขันทันทีขึ้นกับเวลาของการแข่งคู่ของเรา เจ้าสำนักต่างๆจะรวมตัวกันก่อนในตอนเช้าพรุ่งนี้เพื่อที่จะฟังคำจากตระกูลซี เราควรจะได้รู้ถึงตัวตนของคู่แข่งขันของเราในขณะที่อยู่ที่นั่น”
“นี่คือทั้งหมดที่ข้ามีในวันนี้ เตรียมตัวพวกเจ้าให้พร้อมจนกว่าพวกเรากลับมาพร้อมกับข้อมูลที่มากกว่านี้พรุ่งนี้”
บรรดาศิษย์แยกย้ายกันไปหลังจากนั้น และเหล่าศิษย์ทั้งหมดก็พากันไปเตรียมตัวอย่างตั้งใจ
วันถัดมาซูหยางและโหลวหลานจีก็ออกไปจากโรงเตี๊ยมแต่เช้าและมุ่งตรงสู่สถานที่ที่ซึ่งการแข่งขันจะจัดขึ้น โคลีเซียมหิมะร่วงที่ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง
โคลีเซียมหิมะร่วงเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้หลายล้านอย่างง่ายดาย และใจกลางของสถานที่นี้เป็นสนามแข่งขันขนาดใหญ่ที่ซึ่งตำแหน่งนั้นเพียงจุดเดียวสามารถจุคนได้นับพัน
และผู้ที่ชุมนุมอยู่ในสนามแข่งขันขนาดใหญ่นี้ในตอนนี้ก็คือเจ้าสำนักจากทุกสำนักที่จะเข้าร่วมในการแข่งขันระดับภูมิภาคในปีนี้ และมีจำนวนมากถึงสองร้อยคน ในอีกความหมายหนึ่งก็คือมีมากกว่าสองร้อยสำนักที่เข้าร่วมในการแข่งขันปีนี้ ซึ่งเป็นสองเท่าของการแข่งขันปีที่แล้วที่มีเพียงร้อยสำนักที่เข้าร่วมการแข่งขัน
การเพิ่มขึ้นของผู้เข้าแข่งขันนี้อาจบางทีเกิดจากซีซิงฟาง ผู้ซึ่งมีข่าวว่าจะปรากฏตัวมาดูว่าจะมีชายหนุ่มผู้มีความสามารถคนไหนที่จะทำให้เธอสนใจได้บ้าง
“ซูหยางอย่ามองไปทางขวา ผู้นำนิกายล้านอสรพิษกำลังจ้องมาทางเรา” โหลวหลานจีกระซิบให้กับเขาหลังจากที่เธอสังเกตเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้สนใจคำแนะนำของเธอ หันไปมองสบสายตาฟูกวางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า กระทั่งโบกมือให้อีกฝ่ายแล้วกล่าวว่า “นิกายล้านอสรพิษจัดการกับการตายของตาแก่นั่นอย่างไรบ้าง ข้าหวังว่าพวกเขาจะทำได้ดีนะ”
ซูหยางยั่วยุฟูกวางโดยตรงด้วยการตายของผู้อาวุโสสูงสุดเหริน ทำให้ดวงตาของฟูกวางแผดเผาไปด้วยจิตสังหาร
“ขอบคุณทุกท่านที่มาที่นี่ในวันนี้และเข้าร่วมในการแข่งขันระดับภูมิภาคในปีนี้” เจ้าซีพลันปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
“ท่านเจ้า”
เจ้าสำนักทุกสำนักที่อยู่ที่นั่นพลันโค้งคำนับเพื่อทักทายการมาของเขาหลังจากที่สังเกตเห็นตัวตนของอีกฝ่าย ยกเว้นชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนอย่างสบายๆที่นั่นด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย
แต่เป็นโชคดีสำหรับซูหยางเพราะว่าทุกคนที่นั่นได้ก้มหัวของตนเองลง พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเขายกเว้นเจ้าซี ซึ่งได้แต่ทำเป็นไม่สนใจเขา
“เงยหน้าขึ้น ตอนนี้ข้าจะอธิบายบางอย่างเกี่ยวกับการแข่งขันปีนี้ มองไปทางด้านขวาของพวกเจ้าตรงที่กล่องจับฉลาก” เจ้าสิกล่าวขณะที่เขาชี้ไปยังกล่องซึ่งตั้งอยู่ในที่โล่งห่างออกไป 2-3 เมตรจากพวกเขา
“แต่ละสำนักจะเลือกกระดาษชิ้นหนึ่งภายในนั้น และใครก็ตามที่มีหมายเลขเหมือนกันจะต่อสู้กันในรอบแรกในวันนี้ และในเมื่อมันมีจำนวนผู้เข้าร่วมแข่งขันเป็นเลขคี่ก็จะมีกระดาษแผ่นหนึ่งที่ว่างอยู่ภายในนั้น ซึ่งจะทำให้สำนักนั้นผ่านการแข่งขันในรอบแรก”
“พวกเจ้าสามารถหยิบหมายเลขได้ในภายหลัง สำหรับตอนนี้ให้ข้าได้อธิบายถึงกฎเกณฑ์และรางวัลไว้ล่วงหน้า”
“อันดับแรกสุดแต่ละสำนักจะสามารถส่งจำนวนศิษย์ได้สูงสุดสิบคนขึ้นไปบนเวทีเท่านั้น ถ้าเจ้ามีศิษย์มากกว่าสิบคนที่เข้าร่วมการแข่งขันคนที่เหลือจะต้องรอไปยังรอบถัดไป”
“ครั้นเมื่อเจ้าได้เลือกศิษย์สิบคนแล้วพวกเขาก็จะถูกส่งขึ้นไปบนเวทีครั้งละหนึ่งคนจนกว่าข้างใดข้างหนึ่งไม่มีคนเหลือที่จะต่อสู้อีก แน่นอนว่าตราบเท่าที่พวกเขายังสามารถต่อสู้ได้พวกเขาอาจจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้มากกว่าหนึ่งครั้ง อาจจะถึงขั้นต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามทั้งสิบคนด้วยตัวคนเดียว”
“แม้ว่าตอนนี้ข้าไม่ควรกล่าวถึงเรื่องนี้แต่การฆ่าฟันระหว่างการแข่งขันเป็นสิ่งที่ต้องห้ามสูงสุด ในเมื่อศิษย์ที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกๆคนเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ มันจะเป็นการสูญเสียสำหรับทุกคนถ้าคนใดคนหนึ่งของผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ต้องสิ้นชีวิตในการแข่งขัน ต่อให้เป็นอุบัติเหตุถ้าสำนักของเจ้าทำให้ผู้อื่นสิ้นชีวิตจะมีค่าปรับเท่ากับสิบล้านก้อนหินวิญญาณ”
“เราต้องจ่ายสิบล้านก้อนหินวิญญาณทั้งๆที่เป็นอุบัติเหตุงั้นรึ”
เจ้าสำนักที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันงุนงงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจ้าซีในเมื่อกฏแบบนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนหน้านี้ ทำไมเขาจึงพลันสร้างกฏแบบนี้ขึ้นมา
“เชอะ…” ฟูกวางแค่นเสียงเย็นชาอยู่ในใจ เขามีความรู้สึกว่าเจ้าซีสร้างกฏนี้ขึ้นมาก็เพื่อในกรณีที่นิกายล้านอสรพิษได้พบเจอกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและฆ่าพวกเขาโดย”อุบัติเหตุ”
แน่นอนฟูกวางจะรู้สักนิดก็หาไม่ว่าเจ้าซีมีเจตนาตรงกันข้ามเมื่อกฏและบทลงโทษนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องนิกายล้านอสรพิษในกรณีที่พวกเขาวิ่งเข้าไปชนกับซูหยางผู้ซึ่งอาจจะเข่นฆ่าศิษย์ของพวกเขาทั้งหมดโดย”อุบัติเหตุ”
ส่วนสำหรับซูหยางเขาเพียงแค่ส่ายหัวหลังจากที่ได้ยินกฏนี้ “เจ้าเชื่อจริงๆเลยหรือว่าข้าจักฆ่าศิษย์ของพวกเขาโดยไม่แยกแยะเพียงเพราะสถานการณ์เช่นนี้”
“ตอนนี้มาถึงรางวัลสำหรับการแข่งขันระดับภูมิภาคประจำปีนี้” เจ้าซีกล่าวต่อหลังจากนั้น “ถ้าสำนักของเจ้าได้ตำแหน่งในลำดับที่ 4 ถึงที่ 10 ตระกูลซีจะให้รางวัลเจ้าแต่ละคนด้วยหินวิญญาณ 500.000 ก้อน สมบัติวิญญาณระดับวิญญาณ 5 ชิ้นตามแต่จะเลือก และยอมให้สำนักของเจ้าได้ยืมวิชาฝีมือระดับปฐพี1 วิชาตามแต่จะเลือกจากห้องสมบัติของตระกูลของข้าเป็นเวลา 10 ปี”
“สำหรับตำแหน่งที่ 3จะได้รับรางวัล 2 ล้านก้อนหินวิญญาณ สมบัติวิญญาณระดับปฐพี 2 ชิ้นตามแต่จะเลือก และยืมวิชาฝีมือระดับปฐพี3 วิชาตามแต่จะเลือกเป็นเวลา 10 ปี”
“สำหรับตำแหน่งที่ 2 จะได้รับรางวัล 5 ล้านก้อนหินวิญญาณ สมบัติวิญญาณระดับอัมพร 1 ชิ้นตามแต่จะเลือก และยืมวิชาฝีมือระดับอัมพร 1 วิชาเป็นเวลา 10 ปี”
“ส่วนสำหรับตำแหน่งที่ 1 นั้น….. จะได้รับรางวัล10 ล้านก้อนหินวิญญาณ สมบัติวิญญาณระดับอัมพรตามแต่จะเลือก 2 ชิ้น ยืมวิชาฝีมือระดับอัมพร 2 วิชาเป็นเวลา 10 ปี และจะมีสิทธิ์ที่จะส่งศิษย์ 3 คนจากสำนักมาฝึกฝนในสระสวรรค์เป็นเวลา 7 วัน”
“สระสวรรค์”
สำนักส่วนใหญ่ที่อยู่ในนั้นต่างมีท่าทางตกตะลึงหลังจากที่ได้ยินชื่อ “สระสวรรค์” เหมือนราวกับว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“สระสวรรค์ นั่นคืออะไรกัน”
อย่างไรก็ตามทั้งโหลวหลานจีและซูหยางต่างก็ไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่นี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาได้แต่เพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย คิดสงสัยอยู่ในใจอย่างเงียบๆว่าทำไมเจ้าสำนักอื่นจึงมีท่าทางประหลาดใจเช่นนั้น