“นี่หมายความว่าอะไร กูกว่านถิง” ฟูกวานชี้นิ้วสั่นสะท้านไปยังเจ้าสำนักเมฆม่วงควันออกหู “เมื่อไหร่ที่นิกายล้านอสรพิษของข้าไปล่วงเกินเจ้าถึงได้รับความโหดร้ายเช่นนี้ หรือว่าเจ้าพยายามจะเริ่มสงครามกับพวกเรา”
อย่างไรก็ตาม กูกว่านถิงทำท่าเหมือนกับว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นฟูกวานและพูดกับหงอวี้เอ๋อร์ว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูด หรือนี่จะสร้างปัญหาไม่เพียงแต่พวกเราแต่เพื่อนศิษย์ของเจ้าด้วยเช่นกัน”
“กูกว่านถิง เจ้าทำเป็นไม่สนใจข้ารึ กล้าดียังไง” ฟูกวางยังคงตะโกนใส่อีกฝ่ายซึ่งสุดท้ายก็ตอบกลับมา
“ใจเย็น ฟูกวาน มันเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ และข้าก็ได้ตำหนิศิษย์ข้าไปแล้ว”
“อุบัติเหตุงั้นรึ เจ้ากำลังบอกข้าให้เชื่อว่าที่เธอทำจนพิการไม่เพียงแค่คนเดียวแต่ถึงสองคนติดต่อกันนั้นเป็นอุบัติเหตุงั้นรึ”
“แม้ว่าศิษย์ของข้าจะมีพรสวรรค์เหนือกว่าคนอื่นอยู่บ้าง แต่เธอก็มีปัญหาในการควบคุมแรง ข้าจักชดเชยความสูญเสียให้เจ้าในภายหลัง” กูกว่านถิงพูดอย่างใจเย็น
“ข้ามิต้องการ—”
“ผู้นำนิกายฟูกวาน โปรดส่งศิษย์คนถัดไปของเจ้าออกมา” ซื่อตงตัดบทอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วในเมื่อเขาไม่ต้องการทำให้การแข่งขันนี้ล่าช้าไปมากกว่านี้
ฟูกวานกัดฟันกรอดและหันไปมองศิษย์ของตนเอง “ใครต้องการไปเป็นคนถัดไป” เขาถามทุกคน
“..”
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสักคนยกมือแม้จะผ่านไปหลายวินาที ราวกับว่าพวกเขากลัวที่จะเผชิญหน้ากับหงอวี้เอ๋อร์หลังจากที่ได้รับรู้การกระทำอันโหดร้ายของเธอ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ร่างของฟูกวานก็สั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูด สุดท้ายก็มีคนที่ยกมือขึ้น
“ข้าจักขึ้นไปบนเวที”
ฟูกวางขมวดคิ้วเมื่อรู้ว่าใครที่เป็นคนพูดจึงกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนเดียวในที่นี้ที่เข้าถึงเขตปฐพีวิญญาณ เจ้ามั่นใจรึว่าเจ้าต้องการจะสูญเสียพละกำลังในตอนนี้”
“หญิงสาวคนนั้นดูขัดตา ข้ามีความรู้สึกว่ามิมีใครในที่นี้จักสามารถเอาชนะเธอได้”
“ข้าสามารถบอกได้เช่นกันว่าเธอซ่อนความสามารถมากกว่าที่แสดงออกมานี้ อย่างไรก็ตามนั้นทำให้ยิ่งมีความสำคัญสำหรับเจ้าที่จะต้องรักษาเรี่ยวแรงเอาไว้ใช้ในเวลาที่เหมาะสม ต่อให้คนอื่นไม่สามารถล้มเธอได้ อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้ทำให้เธออ่อนล้า” ฟูกวางกล่าวกับเขา “เรายังมีศิษย์คนอื่นเหลือถ้าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะเธอได้ในตอนนั้น ข้าจักให้เจ้าขึ้นไปบนเวที”
ศิษย์คนนั้นพยักหน้าและก้าวถอยไป
จากนั้นฟูกวางก็ชี้มือไปยังศิษย์คนหนึ่งและกล่าวว่า “ขึ้นไปบนเวที”
“ขอรับ ผู้นำนิกาย…” แม้ว่าเขาจะรู้สึกขมขื่นใจ ศิษย์คนนั้นก็ยังก้าวขึ้นไปยังสนามประลองอย่างลังเล
“เริ่ม”
ซื่อตงเริ่มการแข่งขันไม่นานหลังจากนั้น
วินาทีที่การแข่งขันเริ่มขึ้น หงอวี้เอ๋อร์ก็พุ่งตัวเข้าไปหาศิษย์คนนั้นซึ่งไม่คาดคิดว่าเธอจะพุ่งเข้ามาหาอย่างทันควันจึงก้าวถอยไปด้านหลัง
และในเมื่อเธอถูกห้ามไม่ให้ทำให้อีกฝ่ายพิการ หงอวี้เอ๋อร์จึงไม่ได้ใช้กระบี่ของเธอในรอบนี้ ใช้แต่เพียงมือเปล่าเท่านั้น
แน่นอนว่าถึงแม้จะไม่ได้ใช้อาวุธ หงอวี้เอ๋อร์ก็ยังเหนือกว่าศิษย์ที่น่าสงสารจากนิกายล้านอสรพิษนั้นได้อย่างง่ายดาย ทุบตีอีกฝ่ายจนกระทั่งเขาร้องขอความเมตตา
“ได้โปรดเมตตาข้าด้วย”
“ถ้าเจ้ามีแรงที่จะพูด เจ้าควรพูดยอมแพ้” หงอวี้เอ๋อร์กล่าวขณะที่เธอชกศิษย์คนนั้นอีกสองสามหมัด
“ผู้นำนิกายของข้าคงจักฆ่าข้าถ้าข้าทำเช่นนั้น ข้ายอมให้เจ้าทุบตีข้าจนหมดสติดีกว่าที่จะยอมแพ้” ศิษย์คนนั้นกล่าว
“เช่นนั้นข้าก็จักทุบตีเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอมแพ้หรือสิ้นสติ” หงอวี้เอ๋อร์เริ่มทุบตีอีกฝ่ายหนักกว่าเดิมหลังจากที่พูดคำเหล่านั้น
“อา ข้าได้ทำอะไรที่เป็นการล่วงเกินท่านนางฟ้ารึ ทำไมเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้”
ศิษย์คนนั้นถามเธอด้วยสีหน้ากำลังร้องไห้
“ฮึ่ม”
อย่างไรก็ตาม หงอวี้เอ๋อร์เพียงแค่แค่นเสียงตอบและทุบตีศิษย์จากนิกายล้านอสรพิษต่อไป
“….”
ผู้ชมต่างพากันตกตะลึงกับความโหดร้ายของหงอวี้เอ๋อร์ บางคนถึงกับต้องหันหน้าหนีจากเวที แน่นอนว่าขณะที่บางคนกำลังหวาดกลัวหงอวี้เอ๋อร์ ก็ยังมีอีกหลายคนยิ่งกว่าที่ประทับใจในความแข็งแกร่งของเธอในตอนนี้กระทั่งเห็นว่านี่ช่างเฉิดฉาย
“สวรรค์ นางฟ้าคนนี้มิเพียงแต่สวยแต่อันตรายเป็นบ้าด้วยเช่นกัน นิกายล้านอสรพิษทำอะไรถึงไปล่วงเกินเธอได้”
“มิว่าอะไรก็ตามที่พวกเขาทำ มิมีปัญหาเลยที่จะพูดว่าพวกเขาแตะเกล็ดย้อนของเธอเข้า”
“เธอเหมือนกับเทพีแห่งสงคราม ร้ายกาจและไร้ความปรานี”
ไม่เพียงแต่ผู้ชม แต่กระทั่งซูหยางและคนรอบกายของเขาก็ยังงงงันไปกับหงอวี้เอ๋อร์
“ศิษย์พี่ชาย… คู่หมั้นของท่าน… ช่างเป็นประเภทที่น่ากลัวนัก… “ ซุนจิงจิงกล่าวกับเขาด้วยตาเบิกกว้าง
ซูหยางยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ข้าก็มิรู้ว่าเธอจะเป็นเช่นนี้เช่นกัน… แต่เธอทำให้ข้านึกถึงใครบางคน”
ถ้าเขาต้องแต่งงานกับสาวสวยร้ายกาจคนนี้ ใครจะรู้ว่าเขาจะรอดพ้นผ่านคืนแรกที่อยู่ร่วมกันได้หรือไม่
ผู้เขียน : ซูหยางเจอคนคุมแล้วสิ 555 แม่มาแล้ว
“แต่พี่สาวอวี้เอ๋อร์ที่ข้ารู้จักปกติมิเป็นเช่นนี้…” ซูหยินพลันพูดด้วยท่าทางเป็นกังวล “เธอดูเหมือนจะโกรธอะไรบางอย่าง และเธอก็เอาไปลงกับนิกายล้านอสรพิษ”
ในเวลานั้นใกล้กับเวที ฟูกวานก็จ้องมองหงอวี้เอ๋อร์ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดแดง
จากนั้นเขาก็หันไปมองศิษย์คนอื่นและกล่าวว่า “ข้ามิสนใจบทลงโทษหนึ่งล้านก้อนหินวิญญาณ ข้าต้องการให้เธอกลายเป็นคนพิการนับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าได้ยินข้าหรือไม่”
“ขอรับ ท่านผู้นำนิกาย”
แม้ว่าศิษย์ส่วนใหญ่จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาในการทำหงอวี้เอ๋อร์บาดเจ็บ อย่าว่าแต่จะทำให้เธอพิการ พวกเขาต่างพากันพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากนั้น ศิษย์อีกคนจากนิกายล้านอสรพิษก็หมดสติหลังจากที่ถูกทุบตีจากหงอวี้เอ๋อร์
“หงอวี้เอ๋อร์คนนี้… เธอโหดร้ายเกินไปสำหรับคนที่อ่อนโยนเหมือนกับซูหยาง ข้าเกรงว่าเธออาจะฆ่าเขาในตอนที่เขาหลับ ถ้าเขาทำให้เธอไม่พึงใจแม้เพียงน้อยนิด” ซีซิงฟางส่ายหน้า
เจ้าซีเพียงแค่มองดูเธอพร้อมกับเลิกคิ้ว แต่ในหัวของเขานั้นกำลังคิดว่าพวกเขาสองคนนั้นจับคู่กันได้เหมาะมาก แน่นอนว่าเขากลัวว่าซีซิงฟางจะทุบตีเขาเหมือนกับหงอวี้เอ๋อร์ทุบตีคู่ต่อสู้ ถ้าเขาพูดออกไปเสียงดัง
“ถ้าเพียงแต่เจ้าได้ไปอยู่ที่นั่นและเห็นเขาพรากชีวิตของผู้อาวุโสเหริน” เขาแอบถอนใจ