หลังจากที่กลับไปถึงที่พักแล้ว ซุนจิงจิงและพ่อแม่ก็พากันเข้าไปในห้องทันทีเพื่อสนทนากัน
“จิงจิง ข้าจักพูดให้ตรงจุด มีผู้ชายมากมายเท่าไหร่ที่เจ้าได้หลับนอนด้วยนับจนถึงตอนนี้” แม่ของเธอพลันถามเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อ-อะไ– ท่านหมายความว่าอย่างไรกับคำว่ามากมายเท่าไหร่–”
“เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่รึ ข้าเข้าใจเรื่องการฝึก มีเพียงคำอธิบายที่สมเหตุผลเพียงอย่างเดียวในการที่เจ้าก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าต้องหลับนอนกับผู้ชายจำนวนมากแน่”
“ไร้สาระ” ซุนจิงจิงตะโกนด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ข้าเพียงหลับนอนกับผู้ชายเพียงคนเดียวในชีวิตนี้ และนั่นก็คือท่านพี่ชายซูหยาง”
แม่ของเธอมองดูเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เหตุใดชายเพียงคนเดียวถึงสามารถช่วยเพิ่มพลังการฝึกปรือของเธอได้มากมายนัก
“จริงรึ” เธอถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ถ-ถ้าท่านมิเชื่อข้า เช่นนั้นท่านสามารถถามท่านปู่ได้ พรหมจรรย์ของข้ายังมิมีใครแตะต้องจนกระทั่งเมื่อครึ่งปีก่อน เมื่อศิษย์ทุกคนจากนิกายไปแล้วและตลอดระยะเวลานี้ ซูหยางเป็นศิษย์ชายเพียงคนเดียวในนิกายนอกจากผู้อาวุโสสำนักอีกไม่กี่คน”
“ท่านคิดว่าอย่างไรเรื่องนี้” แม่ของเธอหันไปมองดูพ่อของเธอและถาม
“มีสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำใช่ไหม” พ่อของเธอกล่าว
แม่ของเธอพยักหน้าและกล่าวว่า “จิงจิงไปนำซูหยางมาที่นี่ ข้าต้องการที่จะพูดกับเขา”
“…”
แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจ ซุนจิงจิงก็เรียกให้ซูหยางเข้ามาภายในห้อง
อีกสองสามนาทีหลังจากนั้นซูหยางก็มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
“ให้ข้าแนะนำตัวเอง ข้าซุนเหริน และนี่สามีข้า ซุนเฉียน”
“ตามที่ข้ารู้ เจ้าเป็นคนที่พรากพรหมจรรย์ลูกสาวข้า ใช่ไหม”
“ใช่แล้ว” ซูหยางพยักหน้าโดยไม่ลังเล
“เช่นนั้นข้าจักพูดให้ตรงจุด เจ้าจักรับผิดชอบอย่างไร แม้ว่าตระกูลซุนจะมิได้มีชื่อเสียงในด้านอำนาจทางการทหาร หรือว่าจะมีผู้ฝึกยุทธที่มีชื่อเสียง พวกเราก็ยังเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านความสัมพันธ์ทางธุรกิจทั้งทั้งสี่ภาค”
“ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสาวของพวกเราก็เป็นสาวสวยที่มีคนชื่นชมมากมาย เจ้าเข้าใจไหมว่าข้าพูดถึงเรื่องอะไร” ซุนเหรินถามเขา
ซูหยางแสดงรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า เขาสามารถเดาได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาต้องการอะไรจากเขา ในเมื่อนี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ต้องจัดการกับพ่อแม่ของคู่ของเขา
“เดี๋ยวก่อน ท่านแม่ ข้าเป็นคนที่เข้าหาซูหยางก่อน และข้ามิเคยแม้สักครั้งที่จะคิดใหัเขาต้องรับผิดชอบการกระทำของข้า ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ได้ทำให้ข้ามากเพียงพอแล้ว” ซุนจิงจิงพลันเข้ามาขัด
“หุบปาก จิงจิง ข้ากำลังพูดอยู่กับซูหยางในตอนนี้” ซุนเหรินตะคอกกลับ
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็พูดขึ้นว่า “ก็เหมือนดังที่ซุนจิงจิงได้กล่าวไว้ ข้ามิต้องรับผิดชอบในการพรากพรหมจรรย์ของเธอ ในเมื่อพวกเราทั้งคู่ล้วนเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและสิ่งต่างๆอย่างเช่นความรับผิดชอบไม่มีผลในที่นั้น อย่างไรก็ตามข้ามิใช่คนที่จักมาแก้ตัวอย่างน่าสมเพชเช่นนั้น ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นหญิงของข้าเรียบร้อยแล้ว จากที่กล่าวมาท่านต้องการให้ข้ารับผิดชอบอย่างไร”
“ซูหยาง…” ซุนจิงจิงใบหน้าแดงเหมือนกับมะเขือเทศในตอนนี้
“…ข้าต้องการให้เจ้าเข้าร่วมกับตระกูลซุน” ซุนเหรินพลันกล่าวขึ้น
“!!!” ซุนจิงจิงดวงตาเบิกกว้างด้วยความตระหนก แม่ของเธอต้องการให้ซูหยางเข้าร่วมกับตระกูลเหรอ นั่นเป็นเรื่องที่สะดวกสำหรับเธอที่สุดในเมื่อเธอก็ต้องการที่จะอุ้มท้องลูกของซูหยางในอนาคตเช่นกัน
ซูหยางหลับตาลงและส่ายหน้า “น่าเสียดาย เนื่องจากหลายเหตุผล ข้ามิสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้”
ซุนเหรินขมวดคิ้้วเมื่อได้ยินเขาปฏิเสธ ในขณะที่ซุนจิงจิงได้เพียงแต่แอบถอนใจ ในเมื่อเธอได้ทำนายสถานการณ์นี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ในเมื่อไม่น่าเป็นไปได้ในการที่จะผูกมัดคนอย่างเช่นซูหยางไว้กับตระกูลซุน
“อธิบายเหตุผลมา” ซุนเหรินกล่าว
“อันดับแรกและสำคัญที่สุดก็คือมีหลายสิ่งที่ข้าต้องทำซึ่งจักต้องการให้ข้าเดินทางไปยังที่แสนไกล อันดับที่สอง ข้าจักมิเข้าร่วมกับตระกูลใด ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามถ้าท่านขอให้ข้ายอมรับลูกสาวของท่านเข้าสู่ตระกูลของข้า… นี่ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“เจ้าต้องการให้ลูกสาวข้าเข้าร่วมกับตระกูลของเจ้ารึ” ทั้งซุนเหรินและซุนจิงจิงมองดูเขาด้วยท่าทางประหลาดใจ ตามหลักพื้นฐานแล้วเขากำลังเพิ่งขอซุนจิงจิงกับพ่อแม่เธอ
“นอกจากที่จะเป็นผู้นำนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยแล้ว เจ้ามีอะไรอย่างอื่นอีก เจ้าจะสนับสนุนลูกสาวข้าได้อย่างไร ตระกูลซุนมีทรัพยากรและความร่ำรวยจากธุรกิจของพวกเราไม่จำกัด”
“แม้ว่าข้าอาจจะมิมีอะไรในมือตอนนี้ สิ่งที่ข้าสามารถทำในการสนับสนุนลูกสาวพวกท่านก็เห็นกันอยู่เรียบร้อยแล้ว และนั่นก็เป็นเพียงแค่ยอดของทั้งภูเขาเท่านั้น” ซูหยางกล่าว ใช้ความก้าวหน้าของซุนจิงจิงเป็นข้อพิสูจน์ที่จับต้องได้
“ตราบเท่าที่เธอยังอยู่ข้างกายข้า เธอจักกลายเป็นคนที่จักยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของโลกนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้”
“…”
ห้องพลันเงียบไป ไม่ว่าพ่อหรือแม่ของซุนจิงจิงสามารถที่จะปฏิเสธคำพูดของเขาได้ ในเมื่อเขาสามารถช่วยซุนจิงจิงเข้าถึงเขตปฐพีวิญญาณได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
“ข้าปรารถนาที่จะทำเช่นนั้น” ซุนจิงจิงเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ “ข้าจักเข้าร่วมตระกูลของท่าน ซูหยาง”
“เจ้า— อย่าทำการตัดสินอะไรที่สำคัญเช่นนั้นด้วยตัวเจ้าอีก ที่พวกเราพูดถึงกันอยู่นี้เป็นอนาคตของเจ้า การที่ยอมให้เจ้าเข้าร่วมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็นับว่าเป็นความผิดพลาดไปเรียบร้อยแล้ว และข้าจักมิยอมให้ผิดพลาดซ้ำสอง” ซุนเหรินตะโกน
“มิว่าท่่านจะพูดอะไร ข้ามิเปลี่ยนใจ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็เสพติดกับการร่วมฝึกคู่ของพวกเราไปแล้ว ข้ามิอาจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยปราศจากวิชาบนเตียงของเขาได้อีกต่อไป” ซุนจิงจิงกล่าว
“เจ้าพูดเรื่องไร้ยางอายเช่นนั้นได้อย่างไร”
“ฮึ่ม แต่นั่นเป็นความจริง ท่านจักเข้าใจถ้าท่านร่วมฝึกกับเขาด้วยเช่นกัน”
“?!?!?!” ซุนเหรินหน้าแดงในทันใด
“อะแฮ่ม…” ซุนเฉียนกระแอมเสียงดัง แสร้งทำเป็นเหมือนว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของซุนจิงจิงเมื่อกี้นี้
หลังจากที่ตกอยู่ในความเงียบที่น่าอึดอัดไปชั่วขณะ ซุนเหรินก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ซูหยาง แล้วเรื่องของศิษย์คนอื่นล่ะ เจ้าก็ “ฝึกฝน” ร่วมกับพวกเธอด้วยเช่นกันรึ”
“เป็นเช่นนั้น” ซูหยางพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ
“…”
แม้ว่าจะไม่แปลกที่ชายคนหนึ่งจะมีภรรยาหลายคนในยุคนี้ ซุนเหรินก็รู้สึกว่าลูกสาวของเธอสมควรจะได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอไม่ต้องการให้ลูกสาวของเธอกลายเป็นเพียงแค่อนุภรรยา
“ขอให้ข้าได้ใช้เวลาคิดเรื่องต่างๆที่พวกเราได้พูดคุยกันในวันนี้ อย่างไรก็ตามมีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องพูดในวันนี้”
ซุนเหรินหันไปดูซุนจิงจิงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและกล่าวว่า “ตระกูลมู่ได้ส่งคำขอแต่งงานกับลูกชายคนโตของพวกเขา มู่เฉิน ให้กับพวกเรา ถามทางด้านของเจ้า”
“อะไรนะ เจ้าหมูน่าสะอิดสะเอียนนั่นรึ กระทั่งท่านจำเป็นต้องบอกข้าเรื่องนั้นด้วยรึ เพียงแค่ส่งมันกลับไปและทำเป็นเหมือนว่านั่นมิเคยเกิดขึ้นก็พอ” ซุนจิงจิงขมวดคิ้ว
“ข้าย่อมต้องการที่จะทำเช่นนั้น แต่ตระกูลมู่เอาจริงในครั้งนี้ พวกนั้นกระทั่งข่มขู่พวกเราทางอ้อมด้วยสงครามทางธุรกิจถ้าพวกเราปฏิเสธอ แม้ว่าพวกเราจะมีเส้นสายหลายช่องทาง แต่ตระกูลมู่ก็มีมากเท่ากันหรืออาจจะมีอิทธิพลมากกว่าพวกเราเล็กน้อย ข้าเกรงว่านั่นจักกลายเป็นสงครามสกปรกที่จะส่งผลร้ายต่อทั้งระบบเศรษฐกิจ”
“ตระกูลมู่นี่เป็นใครกัน” ซูหยางพลันถามขึ้น
“นอกจากตระกูลซุนของพวกเรา ยังมีตระกูลใหญ่อื่นอีกในวงการธุรกิจ และตระกูลมู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น ลูกชายคนโตของพวกนั้น มู่เฉิน ได้ตามตื้อข้าตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” ซุนจิงจิงถอนใจ
“อย่างนั้นรึ ถ้าเช่นนั้นข้าพอจะถามได้หรือไม่ว่า ธุรกิจประเภทไหนกันที่ตระกูลซุนเชี่ยวชาญ” ซูหยางถาม
“พวกเรามีตลาดแทบทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการฝึกยุทธ แต่ยาน้ำและยาเม็ดเป็นธุรกิจหลักของเราเช่นเดียวกับตระกูลมู่” ซุนเฉียนกล่าว
“ยาเม็ดและยาน้ำรึ…” ซูหยางพึมพัม
“อย่างไรก็ตามข้าได้ทำการหน่วงการตอบกลับไปหลังการแข่งขัน” ซุนเหรินกล่าวและหันไปดูซูหยางและกล่าวต่อว่า “ก่อนนั้นข้าต้องการที่จะเห็นด้วยตัวของข้าเองว่าข้าจักสามารถปล่อยลูกสาวข้าไว้ในมือของเจ้าได้หรือไม่”
“ถ้าข้าพบว่าเจ้ามิมีค่าพอสำหรับลูกสาวของพวกเรา ข้าจักยอมรับคำขอของตระกูลมู่”
“…”
ซูหยางยังคงนิ่งเฉย แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับซุนเหรินที่สุดนั้นคือซุนจิงจิงก็ยังคงเฉยเมยกับคำพูดของเธอเช่นกัน
“อะไรกัน เจ้าคิดว่าข้ามิทำเช่นนั้นรึ” เธอถามซุนจิงจิง
ซุนจิงจิงแสดงรอยยิ้มมั่นใจและกล่าวว่า “ไม่ใช่ ข้าเพียงแค่มีความมั่นใจว่าท่านจักยอมรับซูหยาง”
“…”
ซุนเหรินพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นซุนจิงจิงมีท่าทางมั่นใจเช่นนั้น
“บางทีอาจจะมีบางอย่างพิเศษในตัวซูหยางนี้จริงๆนอกจากวิชาบนเตียงของเขา…” เธอคิดในใจ