“นี่หรือคือผนึกตระกูล… มันเป็นอะไรที่ช่างตราตรึงใจ” ซุนจิงจิงลูบตัวอักษรซูที่หัวหน่าวของเธออย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ในเวลานั้น
“อืม… ข้าควรทำอะไรต่อไป ซูหยาง” ซุนจิงจิงหันไปถามเขา
“เพียงทำสิ่งต่างๆอย่างที่เจ้าเคยทำ การมีผนึกตระกูลมิได้หมายความว่าเจ้าจักต้องทำตัวแตกต่าง” เขากล่าว
“อย่างนั้นรึ… ถ้าเช่นนั้นท่านยินดีที่จะรับศิษย์คนอื่นเข้าสู่ตระกูลของท่านด้วยหรือไม่ถ้าพวกเธอขอ” เธอพลันถามเขา
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “ชั่วชีวิตของข้า ข้าได้ฝึกวิชาร่วมกับสาวสวยมากกกว่าแสนคน แต่ทว่ามีมิถึงร้อยคนที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลข้าอย่างแท้จริง”
“เดี๋ยวก่อน… อะไรนะ แสนคน” ซุนจิงจิงมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ดูเหมือนจะสับสนกับตัวเลขที่เขาอ้างออกมาเกินจริง
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “ในเมื่อเจ้าตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลข้าแล้ว ดังนั้นจึงมิมีเหตุผลที่จะมิบอกความจริงต่อเจ้า ซึ่งเจ้าจักต้องรู้เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็ว”
ซุนจิงจิงทำท่ากลืนน้ำลายและคอยฟังเขาพูดต่ออย่างกระสับกระส่าย
“ก่อนที่ข้าเริ่ม ข้าต้องถามเจ้าคำถามหนึ่ง เจ้าเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดหรือไม่”
ซุนจิงจิงครุ่นคิดชั่วขณะแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าหลายคนจะเชื่อว่าเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง แต่แท้จริงแล้วก็มิมีใครที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันมีจริงหรือไม่…”
ซุนจิงจิงพลันตระหนักถึงอะไรบางอย่างและหันไปมองดูซูหยางด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“อ-อย่าบอกนะว่าท่าน…”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “นี่มิใช่ชีวิตแรกของข้า ในเมื่อข้ามีความทรงจำของชีวิตก่อนของข้าอยู่”
“มิมีทาง…” ซุนจิงจิงตกตะลึงเนื่องจากไม่อยากจะเชื่อ
“ก่อนที่จะถือกำเนิดในโลกนี้ ข้าได้เกิดขึ้นในสถานที่เรียกว่า สรวงสวรรค์ หนึ่งในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ แต่ทว่าหลังจากเหตุการณ์หนึ่งที่กระทั่งข้าเองก็มิสามารถอธิบายได้เกิดขึ้น ข้าก็ตื่นขึ้นมาในโลกนี้ในร่างปัจจุบันของข้า”
“ช-เช่นนั้นท่านก็มิใช่ซูหยาง” เธอถามเขา ใบหน้าของเธอเห็นชัดว่ายังคงพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์
“เปล่า ข้าเป็นซูหยางจริง บังเอิญว่าข้าเกิดในโลกนี้ด้วยชื่อและหน้าตาเดิมเช่นเดียวกัน นั่นมิได้เป็นการโอ้อวดหากจะกล่าวว่าข้าในตอนนี้เหมือนตัวข้าในชีวิตก่อนเมื่อตอนอ่อนเยาว์”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็ถามเธอว่า “เจ้ารู้สึกเสียใจหรือไม่ที่ได้เข้าร่วมกับตระกูลของข้าในตอนนี้”
ได้ยินคำถามของเขา ซุนจิงจิงส่ายหน้าเธออย่างรวดเร็ว “แน่นอนว่าไม่ ตามจริงข้ายิ่งตื่นเต้นกว่าเดิมที่รู้ว่าข้าได้เป็นคนของผู้ที่มีปูมหลังที่ไม่ธรรมดาเช่นนั้น”
“นี่ยังคงอธิบายได้ว่าทำไมท่านจึงช่างมีประสบการณ์เรื่องการฝึกคู่และสิ่งอื่นทั้งหมด” ซุนจิงจิงพยักหน้าราวกับว่าสุดท้ายเธอก็พบชิ้นส่วนปริศนาที่หายไป
หลังจากนั้นซุนจิงจิงก็พูดกับเขาว่า “ซูหยาง ท่านสามารถบอกข้าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตก่อนของท่านได้หรือไม่ ข้าอยากรู้เกี่ยวกับโลกที่เรียกว่าสรวงสวรรค์มากกว่านี้”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “สรวงสวรรค์เป็นหนึ่งในสี่สวรรค์หลักที่เรียกว่า สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ที่ตั้งอยู่ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งในจักรวาลนี้ และมันเป็นสถานที่ที่ซึ่งผู้ฝึกยุทธมีพลังการฝึกปรือที่เจ้ามิอาจหยั่งถึงเตร็ดเตร่อยู่ที่นั่น”
“ปฐพีวิญญาณ อัมพรวิญญาณ นี่มิต่างไปจากขยะในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ที่ซึ่งเซียนอมตะเต็มท้องถนนและเทพผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ท่องเที่ยวไปบนฟากฟ้าดาราพราว”
ซุนจิงจิงดวงตาลุกโพลงไปด้วยความตื่นเต้น เธอถามว่า “เช่นนั้นแล้วท่านล่ะ ท่านเป็นเซียนในชีวิตก่อนด้วยใช่ไหม”
ซูหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นเซียนดึกดำบรรพ์ในชีวิตก่อน อีกเพียงก้าวเดียวก่อนที่จะเข้าสู่ความเป็นเทพ แต่อนิจจา…”
“เซียนดึกดำบรรพ์รึ เก่งกาจขนาดไหนหากเทียบกับเขตอัมพรวิญญาณ”
“เอาเป็นว่า ข้าสามารถบี้ผู้ฝึกยุทธเขตอัมพรนับล้านได้โดยมิต้องยกนิ้วขึ้น”
“เก่งกาจมากขนาดนั้นเลยรึ” ซุนจิงจิงไม่สามารถบอกได้ว่าเขาโม้หรือว่าเขาพูดความจริง ในเมื่อเธอขาดความรู้ความเข้าใจที่จะทำเช่นนั้น ในใจของเธอ เขตอัมพรวิญญาณถือว่าเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางการฝึกฝนและสิ่งที่นอกเหนือกว่านั้นเป็นสิ่งที่เกินความเข้าใจของเธอ
“ซูหยาง ท่านได้เคยคิดที่จะกลับไปโลกนั้นหรือไม่” ซุนจิงจิงพลันถามเขา
สีหน้าเคร่งขรึมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยาง และเขาก็พยักหน้าอย่างช้าๆ “ทุกวันข้าคิดเกี่ยวกับการกลับไป แต่อนิจจา ข้ายังมิอาจค้นพบทางกลับ แต่มิต้องกังวล ข้าย่อมต้องหาวิธีกลับไปโลกของข้าได้อย่างแน่นอน และเมื่อข้าทำเช่นนั้น…”
“อืม… เมื่อท่านพบทางไปที่นั่น ท่านยินดีที่จะพาข้าไปกับท่านหรือไม่” ซุนจิงจิงถามเขาด้วยใบหน้าเป็นกังวล
ซูหยางดูเธอและหัวเราะหึ “ทำไมเจ้าถามข้าเรื่องนั้นในตอนนี้ ต่อให้เจ้ามิขอข้าก็จักขอให้เจ้าไปกับข้า แต่เจ้ามั่นใจรึ แล้วเรื่องตระกูลของเจ้าในโลกนี้จะเป็นอย่างไร”
“ข้ามิใช่เด็กหญิงตัวน้อยที่พวกเขาจักต้องดูแลอีกต่อไป พวกเขาย่อมอยู่ได้แม้ว่าจะปราศจากข้า อย่างไรก็ตามข้าต้องการมั่นใจว่าตระกูลของข้าจักมีชีวิตอยู่อย่างดีหลังจากที่ข้าไปแล้ว”
ซูหยางพลันกล่าวว่า “อย่ากังวล ข้ายินดีรับรองเจ้าว่าพวกเขาจักมีชีวิตอยู่อย่างไร้ความกังวลในอนาคตอันใกล้นี้”
“จริงรึ”
เขาพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “ข้าจักช่วยเหลือพวกเขาเป็นอันดับแรกด้วยการจัดการกับตระกูลมู่ที่เป็นเข็มทิ่มตำตระกูลเจ้า”
“ท่านมีความตั้งใจจะทำอะไรกับพวกนั้น” ซุนจิงจิงดูเขาพร้อมทำตาโต
“ข้ามิทำอะไรพวกนั้นด้วยตนเอง ถ้าพวกนั่นมิได้ทำอะไรโอหังเกินไป แต่ทว่าข้าสามารถกำจัดอิทธิพลในวงการธุรกิจได้อย่างง่ายๆด้วยการทำให้ตระกูลซุนของเจ้ามีอิทธิพลมากยิ่งไปกว่าพวกนั้น”
“กำจัดอิทธิพลพวกนั้นด้วยการทำให้ตระกูลของข้ามีอิทธิพลมากกว่างั้นรึ ท่านวางแผนที่จะทำเช่นนั้นอย่างไร”
“จริงแล้วเป็นเรื่องง่ายๆ ทั้งตระกูลซุนและตระกูลมู่ล้วนเกี่ยวข้องกับยาใช่ไหม ข้ามีตำรับยามากมายที่สามารถสั่นคลอนวงการปรุงยาในโลกนี้ถ้าเผยออกไป และถ้าข้าให้ตระกูลซุนไปสองสามตำรับ แน่นอนว่าพวกเขาจักต้องผูกขาดตลาดทั้งหมดโดยมิมีคู่แข่ง”
ได้ยินเช่นนี้ ซุนจิงจิงก็มองดูเขาด้วยท่าทางแปลกๆ และถามว่า “ซูหยาง… อย่าบอกข้าว่าท่านมีอะไรเกี่ยวข้องกับโอสถสู่ปฐพี”
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “เอ้อ ข้าเป็นคนแนะนำพวกมันให้กับหวังชูเหริน”
“ท่านเป็นนักปรุงยาลึกลับนั่นมาโดยตลอด”
“เจ้าคิดว่าข้ารู้เพียงแค่วิธีการเอาใจสตรีรึ มีหลายอย่างที่ข้ารู้ที่เจ้ายังคงมิตระหนักถึง แต่อย่ากังวล เจ้าจักรู้เกี่ยวกับข้ามากขึ้นมิช้าก็เร็ว”
ซุนจิงจิงเผยให้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหยางเหมือนจะ “เปิดเผย” ให้กับเธออย่างแท้จริง และเธอก็สามารถรู้สึกถึงความเชื่อใจที่เขามีต่อเธอ ในอดีตซูหยางในสายตาเธอนั้นจะปกคลุมไปด้วยความลึกลับ ราวกับว่าเขาปฏิเสธที่จะเปิดใจให้กับคนอื่น
“ซูหยาง ท่านกอดข้าได้ไหม” เธอพลันขอร้องเขาพร้อมหน้าแดงเล็กน้อย
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าต้องการซูหยางคนปัจจุบันกอดเจ้า หรือว่าเจ้าต้องการประสบการณ์จากซูหยาง “อีกคน”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซุนจิงจิงก็กล่าวว่า “ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากจะเห็นว่าท่านเป็นอย่างไรก่อนหน้านี้”
“มิต้องกล่าวแล้ว…” ซูหยางพลันนำยาแปลงโฉมออกมาและกลืนเข้าไป
ไม่นานหลังจากนั้น ใบหน้าซูหยางก็เปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิม องคาพยบบนใบหน้ายิ่งดูดีกว่าเดิมและสภาพร่างกายโดยรวมก็สูงใหญ่ขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่
“…”
เมื่อซุนจิงจิงเห็นรูปร่างหน้าตาใหม่ของซูหยาง กรามของเธอก็อ้าค้างด้วยความตกตะลึง เธอไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถหล่อเหลายิ่งกว่าที่เขาเป็น แต่หลังจากที่เห็นซูหยางนี้ ทั่วทั้งร่างกายของเธอก็มีปฏิกิริยาตื่นเต้นและความปรารถนาอันร้อนแรง
เพียงแค่เหลือบดูซูหยางก็ทำให้น้องสาวของเธอน้ำลายไหลเปียกแฉะจากความปรารถนา
“อย่าเพิ่งสลบไป ยังคงมีอีกหลายสิ่งที่จะตามมา…” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาถอดเสื้อผ้าออกอย่างช้าๆอีกครั้ง แสดงให้ซุนจิงจิงเห็นแท่งขนาดมหึมาที่อยู่ระหว่างขา
“โอ สวรรค์…” ซุนจิงจิงเกือบหลั่งปราณหยินเพียงแค่มองดูแท่งศักดิ์สิทธิ์ของเขา
เธอแทบอดใจไม่ไหวที่จะลิ้มลองดูว่าจะมีความรู้สึกเป็นอย่างไรหากว่ามีแท่งอสูรประเภทนั้นเข้าไปอยู่ในตัวเธอ กล่าวว่า “ได้โปรด… เพียงสอดมันเข้าไปในตัวข้า ข้าต้องการมันตอนนี้”
ซูหยางพยักหน้าและตรงเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ