“กรงเล็บมังกรอาบโลหิต” หัวหน้าหลงพุ่งตรงไปยังซูหยางด้วยมือที่ทำเป็นตะขอและมีรังสีสีแดงเพลงออกมาจากนิ้วของเขา
ซูหยางขมวดคิ้วเมื่อเห็นรังสีนี้ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายจากวิชานี้และสัญชาตญาณบอกเขาว่าให้หลีกเลี่ยงมัน
ดังนั้นเขารีบใช้ก้าวเก้าดาราเพื่อทิ้งระยะห่างออกจากหัวหน้าหลง
วินาทีถัดไปหลังจากที่ซูหยางกระโดดหนีไป กรงเล็บของหัวหน้าหลงก็ปักลงไปยังตรงที่ซูหยางยืนอยู่ก่อนหน้านั้นจนทำให้พื้นดินหลอมเหลวอย่างน่ากลัว
ถ้าการโจมตีนั้นตกลงบนผิวของซูหยาง นั่นอาจทำให้ผิวของเขาละลายไปในทันที
“พิษรึ” รู้ถึงลักษณะของการโจมตีของหัวหน้าหลงได้อย่างรวดเร็ว ไม่น่าประหลาดใจว่าทำไมหัวหน้าหลงจึงมีท่าทางมั่นใจก่อนหน้านี้ทั้งที่หลังจากได้เห็นพิษร้ายของแมงป่องดำแล้วก็ตาม
“ก็เหมือนกับมีดสั้นของเจ้า วิชาพิษของข้าสามารถฆ่าคนที่อยู่ต่ำกว่าเขตราชันวิญญาณได้อย่างง่ายดาย มิสำคัญว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะหรืออสูรร้ายก็ตาม ถ้าเจ้าสัมผัสกับพิษของข้าเจ้าจะต้องตาย” หัวหน้าหลงพูดพร้อมกับฉีกยิ้ม
“…”
ซูหยางยังคงนิ่งเฉย
“ท่านพ่อท่านสามารถจัดการเขาได้หรือไม่ ถ้าไม่ ข้าสามารถฆ่าเขาให้ท่านได้” เสียงของชิวเยว่พลันดังในหัวของซูหยาง
เขาหันไปมองเธอที่ดูบอบบาง แต่มีสีหน้ากังวลปรากฏบนใบหน้าไร้ตำหนิของเธอ
“อย่ากังวล พิษของเขานั้นไร้ประโยชน์ถ้าเขาไม่สามารถสัมผัสตัวข้าได้” ซูหยางกล่าวโดยใช้สัมผัสวิญญาณ
จากนั้นเขาก็หันไปมองหัวหน้าหลงและยิ้ม “ตอนนี้เมื่อการบุกอย่างฉับพลันของเจ้าได้ผ่านไปแล้ว เจ้าจะทำอะไร ตราบเท่าที่ข้าหลีกการโจมตีของเจ้า เจ้าก็มิอาจจะสามารถเอาชนะข้าได้”
“แต่เจ้าจักสามารถหลีกเลี่ยงมันไปได้ตลอดรึ” หัวหน้าหลงพุ่งตรงไปยังซูหยางอีกครั้งขณะที่พุ่งกรงเล็บใส่เขาเหมือนกันว่ามันเป็นกระบี่
“เจ้ากำลังพยายามที่จะแตะตัวข้ารึ เจ้าต้องใช้ความพยายามมากหน่อย มิเช่นนั้นเจ้าก็มิอาจจะกระทั่งสัมผัสชายเสื้อของข้าได้” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาหลีกเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดของหัวหน้าหลงอย่างไม่ใส่ใจ
2-3 นาทีของการไล่ตาม หัวหน้าหลงก็ยังคงยากในการที่จะสัมผัสซูหยางซึ่งลื่นราวกับปลาไหล
ผู้คนที่เฝ้ามองต่างพากันงงงันรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังดูคน 2 คนเล่นไล่จับแทนที่จะเป็นคน 2 คนต่อสู้กัน
“เชอะ ช่างเป็นวิชาการเคลื่อนไหวที่น่ารำคาญจริงๆ” หัวหน้าหลงตะคอกขณะที่เขาพยายามที่จะเพิ่มความเร็วให้ใกล้เคียงกับซูหยาง
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีพลังการฝึกปรือที่แตกต่างกันอย่างมากระหว่างพวกเขา หัวหน้าหลงก็ไม่สามารถที่จะแข่งความเร็วกับซูหยางซึ่งเร็วกว่าแม้กระทั่งสายลมได้
“ไม่เป็นไรถึงแม้ว่าข้ามิสามารถจับเขาได้ พลังวิญญาณของข้าก็มีสูงกว่าเขามาก เขาจะต้องหมดสิ้นพลังวิญญาณก่อนที่ข้าจะใกล้หมด” หัวหน้าหลงคิดในใจ
“…”
เมื่อเห็นรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้าของหัวหน้าหลง ซูหยางก็สามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไรได้อย่างง่ายดายจึงพูดว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถรอให้ข้าหมดพลังวิญญาณอย่างง่ายๆ เช่นนั้นข้าจะคงต้องสร้างความผิดหวังให้กับเจ้าในเมื่อข้ามีพลังวิญญาณเก็บกักไว้มากพอที่จะใช้หลบหลีกเช่นนี้ไปหลายวันโดยไม่ต้องพัก”
“อ-อะไรนะ… เป็นไปไม่ได้ คิดหรือว่าข้าจะตกหลุมพรางเช่นนั้น ต่อให้เจ้าความแข็งแกร่งมากกว่าข้า ปกติแล้วก็มิมีทางสำหรับคนที่อยู่ในระดับ 3 เขตอัมพรวิญญาณจะสามารถมีพลังวิญญาณมากกว่าคนที่อยู่ในระดับสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณได้” หัวหน้าหลงยิ้มเย้ย แม้กระทั่งก็เด็กยังไม่หลงถ้อยคำหลอกลวงที่ชัดเจนเช่นนี้
“เจ้ามิจำเป็นที่จะเชื่อข้าในเมื่อเจ้าก็จักยอมรับมันในภายหลัง ตามความเป็นจริงทำไมเรามิเพิ่มความเร็วกันอีกสักเล็กน้อยล่ะ”
การเคลื่อนไหวขาของซูหยางพลันเปลี่ยนไปและความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในทันที
“อ-อะไรกัน”
หัวหน้าหลงหยุดไล่ตามซูหยางหลังจากที่เห็นความเร็วผิดมนุษย์ของอีกฝ่ายซึ่งไม่ทิ้งแม้กระทั่งเงาไว้ข้างหลัง เขารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นคนธรรมดาที่กำลังพยายามที่จะจับสายฟ้าซึ่งปกติแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“นี่เป็นวิชาการเคลื่อนไหวอะไรกัน” กระทั่งชิวเยว่ก็ยังประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวแบบใหม่ของซูหยาง แม้ว่าพวกมันจะดูคล้ายคลึงกับก้าวเก้าดาราแต่มันก็ลึกล้ำและก้าวหน้ากว่า
“แม้ว่ามันดูเหมือนจะเป็นวิชาการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน แต่จริงๆแล้วเขาก็ยังใช้ก้าวเก้าดารา รู้ไหม” ถังหลินชีพลันปรากฏตัวข้างชิวเยว่และกล่าวขึ้น
“พี่สาวคนโต ท่านหมายความว่าอย่างไร หรือว่าเขาใช้วิชาปลอมๆมาโดยตลอด”
“นี่ควรจะถือว่าเป็นความลับที่มีเพียงแต่ผู้ที่ได้เรียนวิชานี้ที่จะรู้ แต่ในเมื่อข้าถือว่าเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกันกับข้า ดังนั้นข้าจะให้เจ้าได้รู้ ก้าวเก้าดาราเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นวิชาเดียว แต่ในความเป็นจริงมันเป็นวิชาการเคลื่อนไหวเก้าแบบซ่อนอยู่ในนั้น” ถังหลินชีกล่าว
“ก้าวเก้าดาราเป็นวิชาก้าวเท้าโบราณที่มีอยู่กระทั่งก่อนยุคดึกดำบรรพ์ และก็เหมือนกับที่ชื่อของมันกล่าวไว้ มันประกอบด้วยวิชาการเคลื่อนไหวเก้าขั้น แต่ละขั้นจะแข็งแกร่งและรวดเร็วกว่าเดิม ซูหยางได้แต่เพียงใช้การเคลื่อนไหวขั้นแรกมาจนถึงจุดนี้เนื่องจากว่าเขาขาดพลังการฝึกปรือและตอนนี้เมื่อเขาได้เข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณ สุดท้ายเขาก็สามารถใช้ขั้นที่สองของวิชานี้ได้”
หลังจากที่ได้ยินถังหลินชีอธิบาย ชิวเยว่ก็อดที่จะอุทานด้วยเสียงแตกตื่นไม่ได้ว่า “ถ้าหากว่าขั้นที่สองก็ยังรวดเร็วปานนี้แล้วขั้นที่เก้าจะเร็วปานไหน”
ถังหลินชียิ้มและกล่าวว่า “ในกรณีของข้าเมื่อข้าใช้ขั้นที่เก้า ข้าสามารถเดินทางจากดวงดาวดวงหนึ่งไปยังอีกดวงหนึ่งในเวลาชั่วพริบตา มันสามารถกระทั่งฝืนกฏของมิติและเวลาสามารถเคลื่อนที่ผ่านมิติคล้ายกลับอสูรช่องมิติ”
“…”
ชิวเยว่พูดไม่ออก สมกับเป็นคนที่มาจากสายเลือดเทพอาชูร่าหนึ่งในผู้มีพลังอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ไม่เพียงแต่คนของพวกเขามีพลังอำนาจที่ผิดมนุษย์แต่วิชาที่พวกเขาฝึกฝนก็เป็นเช่นเดียวกัน
“เจ้าเป็นตัวอะไรกัน แมลงสาบสกปรกอย่างนั้นรึ หยุดวิ่งหนีและมาสู้กับข้าเหมือนกับนักรบตัวจริง” หัวหน้าหลงเริ่มหงุดหงิดและเบื่อหน่ายกับการกระทำของซูหยาง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาคงหมดสิ้นพลังก่อนที่จะได้ขวานมังกรดำ
“หากเจ้ากำลังบอกข้าว่าให้เพียงแค่ยืนเฉยๆปล่อยให้เจ้าแตะต้องตัวข้าด้วยพิษ เช่นนั้นข้าคงต้องขอปฏิเสธข้อเสนอของเจ้า” ซูหยางตอบในเวลาถัดจากนั้น
“เช่นนั้นเจ้าก็คงทำให้ข้าไม่มีทางเลือกอื่นอีก” หัวหน้าหลงพลันหยุดไล่ตามและหันไปมองยังทิศทางหนึ่งก่อนที่จะวิ่งไปยังทิศทางนั้น
“?!?!” ชินเหลียงหยูตกตะลึงเมื่อหัวหน้าหลงพลันมองไปที่เธอด้วยสายตามุ่งร้าย
“มาดูกันว่าเจ้าจะสามารถช่วยหญิงสาวคนนี้ได้หรือไม่ในขณะที่หลบการโจมตีของข้า” หัวหน้าหลงตะโกนขณะที่กรงเล็บของเขามุ่งตรงไปยังชินเหลียงหยูที่ซึ่งกำลังตกตะลึง