เมื่อชินเหลียงหยูขอซูหยางให้ยอมพาเธอไปด้วย เธอก็ได้เตรียมตัวที่จะถูกปฏิเสธ ในเมื่อซูหยางเป็นคนที่มีความเป็นมาที่สูงส่งในขณะที่เธอเป็นเพียงแค่หัวหน้าหมู่บ้านของชนเผ่าพื้นๆที่กำลังเสื่อมถอย เธอรู้สึกว่าถึงแม้ว่าซูหยางปฏิเสธเธอ การตัดสินใจเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติและธรรมดาอย่างยิ่ง ในเมื่อเธอรู้สึกว่าไม่คู่ควรที่จะอยู่เคียงข้างเขาแต่อย่างใด
แต่ทว่าเธอจะคาดคิดสักนิดก็หาไม่ว่าซูหยางจะพยักหน้ารับเธออย่างจริงจัง ยอมให้เธอติดตามเขาไป
ไม่นานนักหลังจากที่เขายอมรับเธอแล้ว ซูหยางก็กวักมือเรียกเธอให้เข้ามาใกล้และเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขาอีกครั้ง
ชินเหลียงหยูหน้าแดงเมื่อเธอเห็นการกระทำของเขาและก็เข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ปฏิเสธในครั้งนี้และเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆด้วยสีหน้าประหม่า
ครั้นเมื่อเธอเข้าไปใกล้พอ ซูหยางก็จับเอวเธอและดึงเธอเข้าสู่อ้อมอก กลิ่นหอมที่เป็นธรรมชาติก็ลอยเข้าสู่จมูกของเขา
“ถึงแม้ว่าเดิมทีข้าปฏิเสธที่จะอยู่ที่นี่ แต่ข้าก็ได้ทำความสะอาดร่างกายตัวเองอย่างหมดจดเช่นเดียวกับที่ผู้อาวุโสถังได้แนะนำไว้เช่นเดียวกับในกรณีของหญิงสาวคนอื่น…” ชินเหลียงหยูพึมพัมด้วยเสียงเบา ร่างกายของเธอรุ่มร้อนราวกับบ้าคลั่งจากความอับอาย
“เจ้าเป็นหญิงสาวที่ซื่อสัตย์และข้าชอบแบบนั้น…” ซูหยางเชยคางของเธอขึ้นให้เธอจ้องมองมายังใบหน้าและรอยยิ้มหล่อเหลา
“ข้า—”
ชินเหลียงหยูอ้าปากเพื่อที่จะพูดแต่เธอถูกขัดด้วยริมฝีปากอ่อนนุ่มประทับลงบนปากของเธอ
“อืม…”
จิตใจของชินเหลียงหยูพลันว่างเปล่าหลังจากที่ได้สัมผัสกับจูบแรก
“ผ่อนคลายและทำตามการชักนำของข้า” ซูหยางถอนริมฝีปากออกเพื่อที่จะพูดก่อนที่เขาจะปิดริมฝีปากของเธอด้วยริมฝีปากอีกครั้ง
รู้สึกว่าริมฝีปากของเขาสัมผัสกับของเธออีกครั้ง ชินเหลียงหยูหลับตาลงและผ่อนคลายร่างกาย
ครั้นเมื่อเธอเยือกเย็นลงแล้ว เธอก็เริ่มเลียนแบบการเคลื่อนไหวของริมฝีปากของซูหยางและจูบเขากลับคืน
ไม่นานหลังจากนั้นซูหยางก็แยกปากเธอออกเล็กน้อยโดยการบุกรุกเข้าไปภายในด้วยลิ้นของเขา จนทำให้ชินเหลียงหยูร่างกายสั่นสะท้าน อย่างไรก็ตามไม่เหมือนกับจูบแรกของเธอ ชินเหลียงหยูไม่ได้แข็งทื่อทั้งยังได้ตอบรับลิ้นของเขาด้วยลิ้นของเธอเอง
“อืม…”
“อืมมมม…”
ทั้งคู่ต่างพากันจูบอีกฝ่ายเป็นเวลานานหลายนาที แต่งเติมความเงียบภายในห้องด้วยเสียงจูบอันอ่อนโยน
เมื่อเวลาผ่านไปกว่านั้นอีกเล็กน้อย ซูหยางก็ถอนริมฝีปากแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าของชินเหลียงหยู
ครั้นเมื่อเธอเปลือยเปล่าทั้งตัวแล้ว เขาก็ประคองเธอนอนลงบนเตียงและแยกขาเธอออก
“อาา…” ชินเหลียงหยูส่งเสียงร้องครางเมื่อเธอรู้สึกถึงสายตาคมกล้าจ้องมองไปยังดอกไม้ที่อยู่ตรงหว่างขาของเธอ
แม้ว่าผิวของเธอจะเป็นสีแทนน้ำตาลอ่อนจากแสงแดดอันร้อนระอุเหนือทวีปใต้ แต่ดอกไม้ของเธอก็ยังสวยบริสุทธ์และเป็นสีชมพูอ่อน อีกทั้งยังมีของเหลวข้นหยดไหลส่งกลิ่นหอม
ซูหยางไม่เสียเวลาอีกต่อไป เสือกริมฝีปากเข้าไปยังดอกไม้ที่ไม่เคยถูกแตะต้องนี้ ลิ้มรสทุกสิ่งที่มันมีให้
“อาาาาา..”
ชินเหลียงหยูครางดังลั่น ร่างกายของเธอบิดพริ้ว และมวลน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ก็ทะลักออกมาจากช่องสังวาส
“อา ข-ข้าขอโทษ มันออกมาอย่างกระทันหันจนกระทั่งข้าควบคุมมันไม่ได้”
เธอตื่นตระหนกเมื่อตระหนักว่าเธอเพิ่งทำอะไรลงไป พ่นปราณหยินใส่หน้าซูหยาง
แต่ทว่าซูหยางเพียงแค่เช็ดหน้าของเขา เลียริมฝีปากและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าอดรั้งมันไว้ปล่อยให้มันออกมา เจ้าจะรู้สึกดีหากปล่อยเป็นแบบนั้น”
หลังจากที่พูดถ้อยคำแหล่านั้นแล้ว เขาก็หันกลับไปสำรวจคูหาเปียกแฉะของเธอด้วยปากของเขาต่อไป
“อืมมม..”
“อาาา…”
“โอออ”
ชินเหลียงหยูปลดปล่อยปราณหยินของเธออีกหลายครั้งในสองสามนาทีต่อมา รู้สึกเหมือนกับว่าพละกำลังทั้งหมดของเธอออกพ้นไปจากร่างหลังจากนั้น
ขณะที่ชินเหลียงหยูหอบหายใจ ซูหยางก็จัดท่าทางของตนเองเพื่อให้แก่นสังวาสของเขาตรงกับช่องสังวาสของเธอ
“อาาา”
ชินเหลียงหยูครวญครางเสียงดังลั่นยามเมื่อเธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ร้อนระอุและแข็งแกร่งได้ถูไถไปบนช่องสังวาสของเธอ
เธอยกหัวขึ้นด้วยเรี่ยวแรงที่มีเหลืออยู่น้อยนิดเพื่อมองดูแก่นกายของซูหยางลูบไถลไปบนติ่งเกสรดอกไม้ของเธอ
“ข้าจะเอามันเข้าไปข้างในแล้วนะ” ซูหยางเตือนเธอ
“ทำต่อเถอะ… ทำให้ร่างกายของข้าเป็นของท่าน ซูหยาง…” ชินเหลียงหยูมองดูเขาด้วยสีหน้ารักใคร่ สายตาเปี่ยมไปด้วยความกำหนัดและความรัก
ซูหยางพยักหน้าและสอดส่วนปลายเข้าไปภายในช่องสังวาสของชินเหลียงหยูอย่างช้าๆ แหวกมันให้เปิดกว้างขึ้นและฉีกผนึกที่ไม่เคยถูกแตะต้องมากว่ายี่สิบปี
“อาาาาา”
ชินเหลียงหยูหลับตาและส่งเสียงร้องแหลมเล็กเมื่อเธอรู้สึกว่าช่องสังวาสของเธอถูกบุกรุกและจากความเจ็บปวดที่มาด้วยกัน
เลือดสาวบริสุทธิ์ของเธอหยดลงสู่ผ้าปูเตียงเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสีแดง
จากนั้นชินเหลียงหยูก็เตรียมตัวสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในลำดับถัดไป
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าได้รอคอยเป็นเวลาหลายอึดใจ เธอก็ไม่รู้สึกว่าซูหยางได้ขยับ ดังนั้นเธอจึงลืมตาขึ้นมองดูว่าทำไมซูหยางจึงได้หยุด
“ซูหยาง…มีอะไรผิดปกติรึ” เธอถามเขาซึ่งดูเหมือนจะงงงันอยู่บ้าง
“…”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็มองดูเธอและพูดว่า “เจ้า… เจ้ามีร่างสวรรค์”
ได้ยินคำพูดที่ไม่คุ้นเคย ชินเหลียงหยูก็มีสีหน้าสับสน
“ร่างสวรรค์รึ นั่นหมายความว่ามีอะไรผิดปกติไปสำหรับร่างข้างั้นรึ” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
“ม-ไม่ใช่…” ซูหยางส่ายหน้าและเริ่มอธิบาย
“ร่างสวรรค์ก็คือการที่คนผู้หนึ่งได้เกิดมาพร้อมร่างกายที่พิเศษที่มีพลังอำนาจพิเศษเฉพาะ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากถึงที่สุด เมื่อเพียงหนึ่งในกว่าร้อยล้านคนที่จะมีได้”
อย่างไรก็ตามชินเหลียงหยูยังคงสงสัย ในเมื่อเธอไม่เข้าใจว่ามีร่างสวรรค์แล้วจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ตอนนี้อย่างไรและทำไมเขาจึงต้องหยุด
จากนั้นซูหยางก็พูดต่อว่า “และเมื่อใครก็ตามที่มีร่างสวรรค์ได้ร่วมรักเป็นครั้งแรก คู่นอนของเธอก็จักได้รับพลังอำนาจนั้นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับว่าเป็นร่างสวรรค์ประเภทไหนที่พวกเขามี”
“เมื่อข้าสอดใส่เข้าไปในตัวเจ้าครั้งแรกเมื่อกี้นี้ ปราณไร้ลักษณ์ทั้งหมดของข้าก็พลันฟื้นคืนทั้งยังเพิ่มพลังการฝึกปรือของข้าอีกอย่างเห็นได้ชัด ถ้าให้ข้าเดา ร่างสวรรค์ของเจ้ามีอำนาจในการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของคู่ของเจ้าระหว่างการร่วมฝึกวิชาคู่”
“…”
ชินเหลียงหยูพูดไม่ออก ในเมื่อเธอดีใจมากที่ได้รู้ว่าเธอมีร่างกายพิเศษเช่นนั้นซึ่งเป็นสิ่งเดียวในใจเธอในตอนนี้
“อืม…พวกเราจะหยุดร่วมฝึกเพราะว่าร่างสวรรค์ของข้าใช่ไหม” เธอถามเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ซูหยางยิ้มหลังจากนั้นชั่วขณะและกล่าวว่า “แน่นอนว่าไม่ ข้าเพียงแค่ประหลาดใจที่เจ้ามีร่างสวรรค์เช่นนั้นซึ่งทำให้ข้างงงันไปชั่วขณะ ข้าจักเริ่มขยับอีกครั้งแล้วในตอนนี้”
ชินเหลียงหยูพยักหน้า และซูหยางก็เริ่มขยับสะโพกเล็กน้อยหลังจากนั้น
“อาาาา…”
ชินเหลียงหยูร่ำร้องด้วยความสุขยามเมื่อแก่นสังวาสของซูหยางพุ่งตรงเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำของเธอ จนทำให้ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ
ถึงแม้ว่าในเวลานี้จินตนาการของชินเหลียงหยูจะได้กลายเป็นความจริง แต่เธอก็มัวยุ่งมากเกินกว่าจะตระหนักถึงความเป็นจริงนี้และได้เพียงแค่ดื่มด่ำไปกับความสุขสันต์
ความสุขที่เธอได้ประสบนั้นแน่นอนว่าย่อมดีกว่าที่เธอได้จินตนาการหรือคาดหวังไว้
“อาาา อาาาา อ้าาาาาา…”
ยามเมื่อเวลาผ่านไป ซูหยางก็ยิ่งหลงไหลและเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้น อีกทั้งชินเหลียงหยูก็ยิ่งคุ้นชินกับความรู้สึกนี้ด้วยระดับความเร็วที่น่าตระหนก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอมีร่างสวรรค์จึงทำให้เธอสามารถอยู่ได้นานถึงสี่ชั่วโมงกับกลเม็ดของซูหยางแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเธอก็ตาม
ยามเมื่อเธอเริ่มต้น ชินเหลียงหยูได้ครวญครางอย่างป่าเถื่อนและไม่อาจจะควบคุมได้ แต่เมื่อดำเนินไปจนถึงจุดสุดท้าย เสียงครางของเธอก็กลายเป็นอ่อนโยนและเสนาะเพราะพริ้ง ราวกับว่าเธอกำลังร้องเพลงที่แสนไพเราะ