ยิ่งนานเท่าไหร่ที่ซูหยางร่วมฝึกวิชาคู่กับชินเหลียงหยู พลังการฝึกปรือของเขาก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น และเมื่อจบกิจกรรม พลังการฝึกปรือของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกสามระดับเข้าถึงระดับหกเขตอัมพรวิญญาณ
แม้ว่าชินเหลียงหยูจะอยู่เพียงแค่เขตปฐพีวิญญาณ แต่เพราะว่าร่างสวรรค์ของเธอที่มีความสามารถในการเพิ่มความแข็งแกร่งของคู่นอนของเธอผ่านการร่วมฝึกวิชาคู่ และเพราะว่าที่เขาได้รับแก่นหยินบริสุทธิ์ของเธอ ความแข็งแกร่งของซูหยางเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังจากที่ร่วมฝึกวิชาคู่กับเธอ
“เจ้าคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจใช่หรือไม่” ซูหยางยิ้มให้กับชินเหลียงหยู ซึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางหมดแรง หอบหายใจอย่างหมดรูป
“หากคิดว่าเจ้าทนอยู่ได้ถึงสิบชั่วโมงสำหรับครั้งแรก และโดยไม่ต้องกล่าวถึงร่างสวรรค์ของเจ้า เจ้ามีพรสวรรค์”
“ร่างสวรรค์พิเศษมากมายเช่นนั้นจริงๆรึ” ชินเหลียงหยูถามเขาหลังจากที่หายใจได้บ้างแล้ว
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็เหมือนกับที่ข้าได้กล่าวเอาไว้ มีเพียงหนึ่งในกว่าร้อยล้านคนที่เกิดมาพร้อมกับร่างสวรรค์ และด้วยร่างสวรรค์ของเจ้าที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคู่ของเจ้าโดยตรงผ่านการร่วมฝึกวิชาคู่ แน่นอนว่ามันย่อมกระตุ้นความสนใจนับไม่ถ้วนจากผู้ฝึกวิชาคู่ทั้งหมดในที่นั้น ข้ามั่นใจว่าหลายคนคงต้องฆ่าฟันกันเพื่อจะยื่นมือมายังเจ้า”
“ข้าดีใจ..” ชินเหลียงหยูแสดงสีหน้าโล่งอก
“ดีใจรึ” ซูหยางเลิกคิ้ว
“ร่างของข้ามีพลังที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนอื่นใช่ไหม ถ้าข้าร่วมฝึกกับท่านต่อไป พลังการฝึกปรือของท่านย่อมเติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นี่หมายความว่าอย่างน้อยข้าสามารถเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อท่าน และข้ามิตกเป็นตัวถ่วงเมื่อข้าติดตามท่าน…”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ ซูหยางก็ดึงเธอเข้ามาแนบอกและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ถึงแม้ว่าเจ้ามิมีร่างสวรรค์ ข้าก็จักมิเห็นเจ้าเป็นตัวถ่วงแต่อย่างใด”
“ซูหยาง…” ชินเหลียงหยูพยักหน้าด้วยใบหน้าแดงซ่าน
“อย่างไรก็ตามเพราะว่าเจ้ามีร่างสวรรค์ มันจักเป็นเรื่องยุ่งยากอยู่บ้าง”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร” เธอถาม
“อย่างที่ข้าได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าความสามารถในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้อื่นนั้นมีค่ามากโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกวิชาคู่ ถ้าหากว่ามีใครรู้ถึงการคงอยู่ของเจ้า นั่นย่อมมั่นใจได้ว่าจะต้องมีผู้คนที่ยินดีที่จะทำทุกสิ่งเพื่อที่จะได้ตัวของเจ้า และก็ไม่ใช่คนจำนวนน้อย นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าจักต้องมิเปิดเผยร่างสวรรค์ของเจ้าให้แก่ผู้ใดอีกเพื่อปกป้องตัวเจ้า นอกจากว่าเจ้าต้องการที่จะใช้ชั่วชีวิตของเจ้าในฐานะทาสที่มีหน้าที่ที่จะเป็นเครื่องเล่นของผู้อื่นเท่านั้น”
“แม้ว่าความสามารถของเจ้าจะมิได้ผลมากเท่าเดิมอีกต่อไปเนื่องจากว่ามันจะมีความแข็งแกร่งมากที่สุดเมื่อตอนที่เจ้ายังคงเป็นหญิงพรหมจรรย์ซึ่งเจ้ามิได้เป็นต่อไปอีกแล้ว มันก็ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้ที่ร่วมฝึกวิชาคู่กับเจ้า”
“จากที่กล่าวมาแล้ว ตราบเท่าที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า ข้าย่อมจักมิปล่อยให้อันตรายใดมาถึงตัวเจ้าแม้ว่านั่นจะต้องจ่ายด้วยชีวิตของข้า”
ชินเหลียงหยูพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าจักมิบอกแม้แต่เพียงคนเดียวในเรื่องร่างสวรรค์ของข้า ข้าสัญญา สุดท้ายแล้วร่างกายของข้านั้นเป็นของท่านและท่านเพียงผู้เดียวซูหยาง ข้าจักฆ่าตัวตายก่อนที่จะปล่อยให้ใครอื่นแตะต้องตัวข้า”
เวลาต่อมา ชินเหลียงหยูก็ถามเขาว่า “ซูหยางพวกเราจะไปไหนกันหลังจากที่เราจากหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่าแล้ว”
“ทวีปตะวันออก” เขาตอบอย่างใจเย็น
“ท่านมาจากทวีปตะวันออกรึ” ชินเหลียงหยูเผยใบหน้าประหลาดใจ ไม่น่าประหลาดใจที่ทำไมเขาจึงมีลักษณะท่าทางที่แตกต่างจากคนภายในทวีปใต้ แท้ที่จริงแล้วเขามาจากทวีปอื่นนั่นเอง
“เจ้าเคยไปทวีปตะวันออกมาก่อนไหม” เขาถาม
เธอรีบส่ายหน้าและกล่าวว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเรา นั่นปกติแล้วเป็นระยะทางที่ไกลเกินไปและถึงแม้ว่าพวกเรามีความคิดและเวลาที่จะเดินทาง ทะเลหยกก็เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลที่แข็งแกร่ง มีแต่เพียงคนบ้าบิ่นหรือว่าเป็นจอมยุทธที่ทรงอำนาจถึงที่สุดเท่านั้นที่สามารถท่องเที่ยวข้ามทวีปได้”
“ข้าเข้าใจ…”
หลายนาทีผ่านไป ครั้นเมื่อพวกเขาได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว ชินเหลียงหยูก็พูดขึ้นว่า “ข้าจักไปรวบรวมชนเผ่าและประกาศให้เลอเป่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนถัดไป หลังจากทุกสิ่งนี้จบลงแล้ว ข้าก็จักจากชนเผ่าหมูป่าไป”
ซูหยางพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอื่นอีก
ครั้นเมื่อพวกเขาแต่งตัวเสร็จแล้ว ชินเหลียงหยูก็ออกไปข้างนอกและเรียกประชุมชนเผ่าทุกคนในหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่า รวบรวมคนนับร้อยมาอยู่ในที่แห่งเดียวกัน
“เกิดอะไรขึ้นรึ หัวหน้าหมู่บ้านจึงเรียกประชุมคนจำนวนมากในครั้งเดียว หรือว่าจะมีเรื่องเร่งด่วนหรือว่าข่าวใหญ่”
ชนเผ่ากระซิบกระซาบกัน พยายามคาดเดาถึงเหตุผลที่พวกเขาถูกเรียกตัวมา
เวลาหลังจากนั้น หลังจากที่ชนเผ่าทุกคนได้อยู่ที่นั่นแล้ว ชินเหลียงหยูก็กระแอมและกล่าวเสียงดังว่า “ขอบคุณพวกเจ้าทุกคนที่มาแม้ว่าจะแจ้งให้ทราบไม่นานนัก แม้ว่านี่อาจจะกระทันหันไปบ้างแต่ข้าก็ได้ตัดสินใจในเรื่องหัวหน้าหมู่บ้านคนถัดไปของชนเผ่าหมูป่าและข้าก็จะประกาศในอีกสักครู่”
“หัวหน้าหมู่บ้านคนถัดไปรึ”
ชนเผ่าต่างพากันงงงันในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดและกระทันหันอย่างแท้จริง
หลังจากที่พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ดีแล้ว ชนเผ่าทุกคนก็หันไปมองเลอเป่าซึ่งยืนอยู่บริเวณด้านหน้าผู้คนสีหน้าประหม่า ถึงแม้ว่าไม่ต้องฟังคำประกาศ แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าเลอเป่าจะกลายเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนถัดไปเนื่องจากเขามีคุณสมบัติมากที่สุดในบรรดาชนเผ่าทั้งหมดที่นั่น
ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นนักรบที่มีความแข็งแกร่งที่สุดเขตอัมพรวิญญาณ แต่เขาก็ยังช่วยหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนให้ประสบความสำเร็จมากมาย และทุกคนในเผ่าก็ยอมรับเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครจะขึ้นเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนต่อไปแต่เป็นเมื่อไหร่ต่างหาก
ทั่วทั้งที่แห่งนั้นเงียบสงัด และหลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้ว ชินเหลียงหยูก็พูดขึ้นอย่างชัดเจนว่า “ข้าได้ตัดสินใจแล้วว่าจะให้เลอเป่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนต่อไป ถ้าพวกเจ้ามีปัญหากับการตัดสินใจของข้าก็จงพูดความคิดเห็นของพวกเจ้าออกมาในตอนนี้”
ดวงตาของเลอเป่าเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินชื่อของตนเองออกมาจากปากของชินเหลียงหยู ในเมื่อเขาได้รอคอยช่วงเวลานี้มาหลายปีแล้ว
ผู้คนยังคงอยู่ในความเงียงเนื่องจากไม่มีใครมีปัญหากับการที่เลอเป่าจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนถัดไป
“ในเมื่อมิมีใครคัดค้าน ดังนั้นเลอเป่าจักกลายเป็นหัวหน้าหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่าคนต่อไป…”
แต่ทว่าก่อนที่จะมีใครได้แสดงความยินดี ชินเหลียงหยูก็พูดต่อไปอีกว่า
“ประเพณีของชนเผ่าหมูป่าของพวกเรากำหนดให้ข้าต้องเป็นเมียของเลอเป่าหลังจากที่เขาได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว และนั่นก็เป็นเช่นนี้ตลอดมานับตั้งแต่บรรพบุรุษคนแรกของเรา แต่ทว่าประเพณีนี้ผลักตัวมันเองไปสู่หายนะในเมื่อข้าจักมิเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องไร้สาระเช่นนี้”
เมื่อเลอเป่าและคนอื่นๆได้ยินคำพูดของเธอ พวกเขาทั้งหมดต่างก็พากันจ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างและขากรรไกรอ้าค้าง พวกเขายืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้างงงวยดูเหมือนจะไม่อยากเชื่อ
“จ-เจ้าหมายความว่าอย่างไรเช่นนั้น หัวหน้าชิน” เลอเป่าเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ ในเมื่อเขาเป็นคนที่สับสนที่สุดในบรรดาทุกผู้คนที่นั่น
“มันมีความหมายชัดเจนอย่างที่ได้ยิน เลอเป่า เจ้าจักกลายเป็นหัวหน้าหมู่บ้านของชนเผ่าหมูป่า แต่ข้าจักมิเป็นเมียของเจ้า”
“ท-ทำไมกัน ข้าทำอะไรผิดไปรึ หรือว่าข้าล่วงเกินท่าน ข้าจักทำทุกสิ่งเพื่อให้ท่านยกโทษให้”
ชินเหลียงหยูส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เลอเป่า ข้าเองเป็นคนที่ผิดในที่นี้ ดังนั้นจึงควรเป็นข้าที่จะต้องขอโทษ”
“เช่นนั้นทำไมกัน” เลอเป่าไม่สามารถที่จะยอมรับผลเช่นนั้นได้จึงไต่ถาม
“เพราะว่าข้าได้ปฏิญาณฝากร่างกายและชีวิตไว้กับคนอื่นเรียบร้อยแล้ว” ชินเหลียงหยูกล่าวกับเขาด้วยเสียงชัดเจน จนทำให้ใบหน้าของเลอเป่าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ดูเหมือนกับว่าเขาจะตายได้ทุกขณะ