หลังจากที่ชินเหลียงหยูจากหมู่บ้านหมูป่าไปแล้ว เลอเป่าก็ยอมรับตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านอย่างลังเลและชนเผ่าทุกคนก็ยอมรับเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่โดยไม่มีปัญหาอะไร
“หัวหน้าเลอเป่า มีเรื่องด่วน โปรดมากับข้า” หนึ่งในชนเผ่าพลันตรงเข้าไปหาเขาด้วยใบหน้าตื่นเต้น
“เกิดอะไรขึ้นรึ หรือว่าพวกเราถูกโจมตีอีก” เลอเป่าพลันเกิดความรู้สึกไม่น่าไว้ใจ
“ม-ไม่ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องตรงกันข้าม”
จากนั้นชนเผ่าจึงนำเลอเป่าไปยังกระท่อมหลังใหญ่ท่ามกลางหมู่บ้าน หลังเดียวกับที่ซูหยางร่วมฝึกวิชาคู่กับหญิงสามสิบสองคนและชินเหลียงหยู
เมื่อยามที่พวกเขามาถึงที่แห่งนั้นมันก็เต็มไปด้วยผู้คนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นก็เกือบทุกคนจากหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่าที่รุมล้อมรอบกระท่อม
“เข้าไปดูข้างในสิ หัวหน้าเลอเป่า”
ชนเผ่าคนนั้นเปิดทางให้กับเลอเป่าซึ่งก็ได้เข้าไปในกระท่อมหลังจากนั้น
“น-นี่”
ดวงตาและคางของเลอเป่าเปิดกว้างหลังจากที่เห็นภาพภายในนั้น
บนเตียงขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะฉ่ำแฉะไปด้วยของเหลวบางอย่าง มีหินวิญญาณกองเป็นภูเขา กองซ้อนกันนับพันก้อน
ด้านข้างของภูเขาหินวิญญาณยังมีกองของอาวุธวิญญาณนับจากระดับมนุษย์ไปจนถึงระดับปฐพีวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ที่นั่น
นอกจากนี้รอบๆเตียงก็ยังมีกองสมบัติและทรัพยากรขนาดเล็กสามสิบสองกองพร้อมกับกระดาษข้อความวางอยู่ข้างๆ
เลอเป่าเข้าไปหยิบหนึ่งในกระดาษข้อความเหล่านี้ขึ้นมาอ่าน
“อานเยินเยิน ขอบคุณสำหรับเวลาของเจ้า เจ้าสามารถทำตามใจปรารถนากับสิ่งตอบแทนเล็กน้อยเหล่านี้จากข้า”
กระดาษข้อความชิ้นนี้ลงนามซูหยางไว้ด้านท้ายสุด
หลังจากที่อ่านกระดาษข้อความชิ้นแรก เบอเป่าก็ไปอ่านชิ้นถัดไป ถัดไป จนกระทั่งเขาอ่านกระดาษข้อความจบหมดครบทั้งสามสิบสองแผ่น
“ห-หัวหน้าเลอเป่า ยังมีกระดาษข้อความซ่อนอยู่ตรงนี้”
หนึ่งในชนเผ่ายื่นส่งกระดาษข้อความให้กับเขา ซึ่งอ่านได้ว่า —
“นอกจากของขวัญเฉพาะคนสามสิบสองกองนั้นแล้ว เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้กับหินวิญญาณและอาวุธวิญญาณที่ข้าทิ้งไว้ นี่เป็นวิธีสำหรับข้าที่จะแสดงความขอบคุณสำหรับการต้อนรับของชนเผ่า ข้าจักกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลาสองปีข้างหน้า และถ้าข้ารู้ว่าเจ้าได้กระทำผิดต่อหญิงทั้งสามสิบสองคนนั้น ชนเผ่าหมูป่าทั้งหมู่บ้านจักต้องตอบคำถามข้าให้ได้ ซูหยาง”
เลอเป่าร่างกายสั่นสะท้านหลังจากที่อ่านกระดาษข้อความนั้นและความรู้สึกงงงันก็เกิดขึ้นในใจของเขา
ในขณะที่เขาเกลียดซูหยางที่เอาหญิงของเขาไป ซูหยางก็ยังคงมอบอาวุธวิญญาณให้กับพวกเขาอย่างพอเพียงสำหรับติดอาวุธนักรบทุกคนในหมู่บ้านและยังมีเหลืออีก และด้วยหินวิญญาณจำนวนมากนั้น พวกเขาสามารถกลายเป็นชนเผ่าอันดับหนึ่งในทวีปใต้ได้ถ้าหากว่ามีเวลามากเพียงพอ
เวลาผ่านไป เลอเป่าก็ประกาศให้กับชนเผ่าที่นั่นว่า “นำหญิงทั้งสามสิบสองคนซึ่งได้มีชื่อเขียนอยู่ในกระดาษข้อความเหล่านี้ พวกเธอจักได้รับสิ่งที่ผู้มีบุณคุณได้ทิ้งไว้ให้กับพวกเธอเป็นการส่วนตัว และถ้ามีใครพยายามที่จะฉกฉวยสิ่งเหล่านี้ พวกนั้นจักต้องถูกฆ่าทิ้ง”
“ขอรับ หัวหน้า”
ชนเผ่าต่างพากันขานรับ ถึงแม้ว่าเขาไม่อยู่ที่นั่น ก็ไม่มีใครในนั้นที่จะมีความคิดกล้าที่จะขโมยของจากซูหยางหลังจากที่เขาได้ทำทุกสิ่งให้กับชนเผ่าหมูป่า ส่วนสำหรับหญิงสาวสามสิบสองคนนั้น พวกเธอต่างพากันตื่นตะลึงไปกับความร่ำรวยที่ซูหยางได้ทิ้งไว้ให้กับพวกเธอ ในเมื่อมันเพียงพอสำหรับพวกเธอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปชั่วชีวิต
แน่นอนว่าในบรรดาหญิงทั้งสามสิบสองคนนั้น ก็ยังมีหลายคนที่มีฐานะเป็นเมีย และแม้ว่าผัวของพวกเธอจะโกรธในตอนแรกที่เมียของพวกเขาได้ไปร่วมรักกับชายอื่น แต่หลังจากที่พวกเขาเห็นความร่ำรวยนี้ ความโกรธเกรี้ยวพวกเขาทุกคนก็หายไปและได้ยกโทษให้กับเมียของตนเองในทันที ถึงกับยังสรรเสริญพวกเธอกับการกระทำนั้นอีกด้วย
หลังจากที่หญิงทั้งสามสิบสองคนได้รับส่วนที่เป็นของเธอแล้ว เลอเป่าก็ได้แบ่งปันความร่ำรวยนี้ให้กับชนเผ่าคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่ได้ประสบกับความสูญเสียจากการโจมตีของชนเผ่าสิงโต เขายังคงติดอาวุธให้กับนักรบทุกคนในเผ่าด้วยอาวุธวิญญาณ เพิ่มพลังอำนาจให้กับชนเผ่าหมูป่าขึ้นอย่างมาก
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้ ต่อให้เป็นชนเผ่ามังกรมาโจมตีพวกเขาในตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่ถึงกับสิ้นหวังเหมือนก่อนหน้านี้และอาจจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วย
ในเวลานั้นห่างออกไปหลายกิโลเมตรจากชนเผ่าหมูป่า ถังหลินชีและชิวเยว่กำลังจ้องมองชินเหลียงหยูอยู่อย่างเงียบๆ ซึ่งเธอก็ได้ยืนอยู่ข้างซูหยางเหมือนกับลูกแกะที่อยู่ต่อหน้าหมาป่า
“แล้วทำไมเธอจึงมาอยู่ที่นี่” ชิวเยว่ถามเขา
“เพราะว่าเธอจักติดตามพวกเรานับจากวันนี้เป็นต้นไป” เขาตอบกลับอย่างลวกๆ
“อะไรนะ แล้วชนเผ่าหมูป่าล่ะ พวกเขาจะบริหารงานอย่างไรหากปราศจากหัวหน้าหมู่บ้าน” ชิวเยว่มองดูพวกเขาด้วยหน้าตางงงัน
“เรื่องนั้นได้ถูกจัดการไปแล้วในเมื่อพวกเขาได้มีหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่แล้ว”
“ข้าเห็นว่าเจ้าได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนับตั้งแต่ข้าเห็นเจ้าครั้งสุดท้ายซึ่งก็เป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ อะไรที่ทำให้เจ้าเปลี่ยนใจ” ถังหลินชีถามเธอด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า ราวกับว่าเธอได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ชินเหลียงหยูพูดไม่ออกได้แต่เหลือบมองไปยังซูหยาง และทั้งหมดนั่นก็พอทำให้ถังหลินชีเข้าใจ
“ว่าไปแล้ว ทำไมเรามิมาแนะนำตัวกันใหม่อีกครั้งล่ะ ข้าจักเริ่มก่อนเป็นคนแรก” ถังหลินชีพลันแนะนำ
“ข้าชื่อถังหลินชี และข้าก็อยู่ในสถานการณ์พิเศษเมื่อนี่ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของข้า และข้าก็ได้เพียงเข้าสิงร่างนี้ชั่วคราวเนื่องจากเหตุผลที่ซับซ้อน เด็กสาวที่เจ้าเห็นในตอนนี้ชื่อว่าหงอวี้เอ๋อร์และเธอก็มีตำแหน่งเป็นคู่หมั้นของซูหยาง ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าควรรู้เกี่ยวกับข้าในตอนนี้ ถ้าเจ้าได้อยู่นานพอที่จะเห็นตัวจริงของข้า ข้าก็จักแนะนำตัวข้าใหม่อีกครั้ง เจ้าก็เพียงเรียกข้าว่าพี่สาวถังนับแต่ตอนนี้ไป”
“เอ๋…”
ชินเหลียงหยูตกตะลึง พวกเขามีความเป็นมาแบบไหนกันและทำไมการแนะนำตัวเบื้องต้นจึงช่างสับสนและผิดปกติ
ชิวเยว่แนะนำตัวเองถัดไป “เจ้าอาจจะรู้จักข้าในนามเทพธิดาซึ่งได้ฆ่ามหาวิบัติเมื่อพันปีก่อน แต่ชื่อข้าก็คือชิวเยว่ และซูหยางก็เป็นผู้ปกครองของข้า”
“ผ-ผู้ปกครองรึ” ชินเหลียงหยูหันไปมองดูซูหยาง เมื่อมาคิดว่าเขาเป็นคนที่สำคัญสำหรับเทพธิดา
“ข-ข้าชื่อชินเหลียงหยู และข้าก็ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของข้าในชนเผ่าหมูป่า ข้ามิรู้อะไรมากเกี่ยวกับโลกภายนอก แต่ข้าจักพยายามให้ดีที่สุดมิให้กลายเป็นอุปสรรคกับพวกท่าน ข้าขอฝากตัวด้วย”
ชินเหลียงหยูโค้งคำนับพวกเธออย่างนอบน้อม ในเมื่อพวกเธอเป็นผู้อาวุโสกว่า
“ไม่เลว” ถังหลินชีพยักหน้ายอมรับ
“ว่าไปแล้ว ซูหยาง พวกเรามีข้อมูลมากเพียงพอเกี่ยวกับกระจกนิลกาฬ บางทีนี่อาจจะแคะความทรงจำของเจ้าออกมาได้บ้าง” ถังหลินชีพลันกล่าวและทำการอธิบายถึงสิ่งที่ชิวเยว่ได้บอกเธอก่อนหน้านั้น