“ท่านกลับมาตั้งเมื่อไหร่ ท่านผู้นำนิกาย และท่านไปที่ไหนมาตลอดทั้งอาทิตย์” ผู้อาวุโสซุนถามหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในอาคาร
“ได้โปรด มิจำเป็นต้องเป็นทางการเช่นนั้น ท่านเพียงแค่เรียกข้าว่า ซูหยาง ตามปกติ” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ได้รับซุนจิงจิงมาร่วมตระกูลแล้ว ซึ่งก็จะทำให้ผู้อาวุโสซุนกลายเป็นปู่ของเขาเช่นกัน
“สำหรับคำถามของท่านนั้น ข้าเพิ่งกลับมา และข้าไปที่ทวีปใต้ชั่วขณะ”
“ด-เดี๋ยวก่อน.. อะไรนะ ทวีปใต้” ผู้อาวุโสซุนหยุดเดินและมองเขาด้วยสายตางงงัน
“ถึงแม้ว่าท่านจะมีวิธีข้ามทะเลหยก แต่นั่นก็ต้องการเวลาอย่างน้อยห้าปีก่อนที่ท่านจะไปถึงอีกทวีป อย่าว่าแต่ไปกลับ อีกทั้งท่านก็ยังไปแค่อาทิตย์เดียว”
“ให้ถือเสียว่าข้ามีวิธีเดินทางที่รวดเร็วมาก…” ซูหยางตอบผ่านๆด้วยรอยยิ้ม
“…”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ผู้อาวุโสซุนก็หันไปมองดูหญิงสาวที่มีผิวสีแทนข้างกายเขาและถามว่า “หญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน อย่าบอกข้าว่าท่านรับตัวเธอมาจากทวีปใต้เช่นกัน”
“ท่านช่างเฉียบแหลมสุดยอดในวันนี้ ผู้อาวุโสซุน หรือว่าเป็นเพราะท่านทะลุผ่านเข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณ”
“ส-สวัสดี ข้าเรียกว่าชินเหลียงหยู และข้าก็มาจากทวีปใต้จริงๆ ด้วยเหตุผลบางอย่างข้าจักติดตามซูหยางนับตั้งแต่วันนี้ ข้าขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย” ชินเหลียงหยูแนะนำตัวอย่างสุภาพให้กับผู้อาวุโสซุน ในเมื่อดูเหมือนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีกับซูหยาง
“อ-อือ” ผู้อาวุโสซุนพยักหน้าและกล่าวด้วยสายตาตื้นตัน “ข้าคือผู้อาวุโสซุน ผู้อาวุโสของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ข้ามิเคยพบใครจากทวีปใต้มาจนกระทั่งถึงวันนี้ ดังนั้นนับว่าเป็นความยินดีที่ได้พบกับเจ้า”
หลังจากที่พวกเขาแนะนำตัวกันไปแล้ว ชินเหลียงหยูก็ถามว่า “อืม… ท่านเรียกซูหยางว่า “ผู้นำนิกาย” เมื่อกี้นี้ นี่หมายความว่าเขาเป็น…”
“ใช่แล้ว ตอนนี้ข้าเป็นผู้นำนิกายของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย สถานที่ต่ำต้อยที่มีศิษย์เพียงไม่กี่สิบคนในเวลานี้” ซูหยางกล่าว
“ว้าว… ผู้นำนิกาย…”
ชินเหลียงหยูประทับใจ แม้ว่าจะมีสำนักในทวีปใต้เช่นกันแต่ก็ไม่มากนัก ดังนั้นตำแหน่งเจ้าสำนักจึงได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในทวีปใต้มากกว่าในทวีปตะวันออก ที่ซึ่งมีนับสิบนับร้อยสำนักเฉพาะตัว
“ว่าแต่ว่าสิ่งต่างๆเป็นอย่างไรบ้างนับตั้งแต่การแข่งขัน” ซูหยางถามเขา
“เอ้อ… อย่างที่เห็นข้างนอกนั่น พวกเราต้องจัดการกับเหตุการณ์แบบนั้นเกือบทุกวันหลังจากที่การแข่งขันจบ แต่นั่นก็เป็นดังคาดในเมื่อพวกเราเป็นสำนักแรกที่ได้เป็นแชมป์ของการแข่งขันระดับภูมิภาคนอกจากสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนั้นศิษย์ของเราก็ได้ฝึกฝนอยู่อย่างเงียบๆภายในห้องของตนเองรอคอยให้ท่านกลับมา”
“ข้าเข้าใจ…” ซูหยางพยักหน้า
สองสามนาทีหลังจากนั้น ซูหยางก็กลับไปที่ห้องของตนเอง ฟางซีหลานและซุนจิงจิงต่างก็นั่งขัดสมาธิบนเตียงฝึกฝนวิชาอย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเธอสังเกตเห็นว่าประตูเปิด พวกเธอก็หยุดฝึกและลืมตาขึ้น
“ซูหยาง ท่านกลับมาแล้ว”
ครั้นเมื่อพวกเธอเห็นใบหน้าเขา พวกเธอก็พลันกระโดดออกจากเตียงด้วยความตื่นเต้นทั่วทั้งใบหน้า ซุนจิงจิงถึงกับเข้ามากอดเขาโดยตรง
“ข้ากลับมาแล้ว” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“…”
เมื่อชินเหลียงหยูเห็นสาวสวยสองคนนี้ เธอก็คิดสงสัยว่าพวกเธอก็เป็นคู่เคียงของเขาเช่นเดียวกันหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซุนจิงจิงซึ่งมีกลิ่นอายคล้ายเขา
“เด็กสาวข้างกายเจ้าเป็นใครกัน” ฟางซีหลานถามเขาครั้นเมื่อเธอสังเกตเห็นอีกฝ่าย ซึ่งแน่ชัดว่าไม่ได้มาจากที่ใกล้เคียงนี้
“ผิวช่างสวยเหลือเกิน ดูช่างเรียบเนียนด้วยเช่นกัน” ซุนจิงจิงตรวจสอบดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“สวัสดี ข้าชื่อชินเหลียงหยู ข้ามาจากทวีปใต้ และข้าได้ติดตามซูหยางมาที่นี่”
เธอแนะนำตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ทวีปใต้รึ”
เด็กสาวทั้งสองคนมองดูเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“นั่นเป็นที่ซึ่งอาจารย์ของเจ้าพาไปรึ ซูหยาง ไปยังทวีปใต้รึ” ฟางซีหลานถามเขา
“หือ อาจารย์ของข้ารึ” ซูหยางเลิกคิ้วด้วยท่าทางสงสัย
“เอ๋ ถ้าเช่นนั้นสาวสวยผมขาวมิได้เป็นอาจารย์เจ้ารึ คนที่พาเจ้าและหงอวี้เอ๋อร์ไปหลังจากที่จบการแข่งขัน” ฟางซีหลานมีสีหน้าสับสนเช่นเดียวกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ซูหยางหัวเราะหลังจากที่รู้ว่าคนที่เธอกล่าวถึงนั้นเป็นใคร แล้วส่ายหน้า
“เธอมิใช่อาจารย์ของข้า”
“อย่างนั้นรึ…”
แม้ว่าเธอจะสนใจชิวเยว่ แต่ฟางซีหลานก็ไม่ได้ถามต่อ
“อย่างไรก็ตาม พวกเราไปยังที่ซึ่งคนอื่นอยู่กันเถอะ ข้าได้ให้ผู้อาวุโสซุนรวบรวมทุกคนแล้ว” ซูหยางกล่าวกับพวกเธอ
ในเวลาถัดไป ซูหยางก็เข้าไปยังอีกห้อง ที่ซึ่งโหลวหลานจีและศิษย์คนอื่นๆได้รอเขาอยู่ที่นั่น
“ศิษย์พี่ชาย สุดท้ายท่านก็กลับมา”
เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันกระโดดเมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าของเขา
“ใจเย็นๆ ตัวเล็ก ข้าจากไปเพียงแค่ประมาณอาทิตย์เดียวเท่านั้น” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับกลับมา ซูหยาง” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มโล่งอก ในเมื่อเธอได้แต่กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้างหรือไม่
ไม่กี่วินาทีถัดมา เมื่อชินเหลียงหยูเข้าไปในห้อง ทุกคนที่นั่นต่างพากันหันเหความสนใจไปที่เธอ
แม้ว่าผิวของเธอจะเป็นสิ่งหายากในที่แห่งนี้ แต่พวกเขาก็ให้ความสนใจกับตัวตนของเธอมากกว่า ในเมื่อพวกเขาไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน
“…”
ชินเหลียงหยูกลายเป็นประหม่าไปในทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหน้าตาคนไม่คุ้นเคยมากมายปานนี้ในครั้งเดียว และพวกเขาทั้งหมดล้วนมีความเกี่ยวข้องกับซูหยาง ซึ่งทำให้เธอยากที่จะคิด
“ขอให้ข้าแนะนำทุกคนถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ข้าพบที่ทวีปใต้ ชินเหลียงหยู เธอจักอยู่กับพวกเรานับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนั้นให้อ่อนโยนกับเธอด้วย” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา
จากนั้นเขาก็หันไปหาชินเหลียงหยูและกล่าวต่อว่า “ผู้คนที่นี่ล้วนเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ข้าจักบอกข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องพวกเขาและนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยให้กับเจ้าในภายหลัง”
“ทวีปใต้รึ”
ตามคาด คำพูดนั้นเป็นสิ่งที่เหล่าศิษย์ที่นั่นต่างพากันให้ความสนใจมากที่สุด
เมื่อสังเกตเห็นความสนใจของพวกเขา ซูหยางก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มันเป็นเรื่องยาว”
“ข้าพนันว่า…” โหลวหลานจีพึมพัมด้วยเสียงงงงัน
“อย่างไรก็ตามในเมื่อข้าได้กลับมาแล้ว พวกเราก็กลับไปยังนิกายกันเถอะ ยังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำให้เสร็จ ข้ายังจะต้องปรึกษาเกี่ยวกับอนาคตของพวกเราหลังจากที่พวกเรากลับไปมากกว่านี้”
ดังนั้น นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็เริ่มตระเตรียมการเดินทางกลับไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย