“ซูหยาง… จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าต้องการที่จะไปกับท่านด้วย” หวังชูเหรินพลันถามเขาหลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ
“คำพูดสุดท้ายของท่าน…. ฟังดูเหมือนมั่นใจมากว่าข้าจักมิไปพร้อมท่าน บ้าไปแล้ว ท่านไม่แม้จะถามข้าสักคำว่าข้าต้องการที่จะไปด้วยหรือไม่”
“เช่นนั้นเจ้าสามารถที่จะทิ้งความสำเร็จทุกสิ่งทุกอย่างรวมไปถึงตำแหน่งสถานะที่นี่และเริ่มชีวิตใหม่ในสถานที่ซึ่งมิมีใครจะรู้แม้กระทั่งชื่อเจ้าหรือไม่” ซูหยางถามเธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ชื่อของเจ้าได้ทะยานเข้าสู่ระดับสูงเหนือกว่าเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา บางทีอาจจะเป็นนักปรุงยาอันดับหนึ่งในทวีปตะวันออก เจ้าสามารถละทิ้งทุกสิ่งนี้ได้จริงๆรึ”
“…”
หวังชูเหรินคงความเงียบไปชั่วสองสามอึดใจก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ท่านพูดถูก ซูหยาง มันเป็นความไฝ่ฝันของข้าที่จะนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักเกือบทุกคนในทวีปตะวันออก ข้าต้องการเสมอที่จะประสบกับสิ่งที่ประมาณว่าได้รับความนับถือจากนักปรุงยาทุกคนที่ข้าพบเจอ”
“ในตอนนี้ที่ความฝันของข้าได้เป็นความจริงแล้ว ข้ามิสามารถโยนพวกมันทั้งหมดทิ้งไปได้ แม้ว่าทุกสิ่งที่ข้าได้ประสบความสำเร็จทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณท่าน”
“อย่างไรก็ตามที่บอกว่าข้าจะมิเปลี่ยนใจที่แห่งไหนสักแห่งในช่วงเวลานี้นะรึ สองปีนั้นเป็นเวลามากพอที่จะเปลี่ยนใจใครสักคน ซูหยาง…”
“บางทีในเวลาสองปี ความสำเร็จทั้งหมดนี้อาจจะมิมีความหมายต่อข้าอีกต่อไป บางทีข้าอาจจะมีความกล้าที่จะละทิ้งพวกมันทั้งหมดและติดตามท่านไป”
ซูหยางยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของเธอและกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “เช่นนั้นข้าจักถามเจ้าในสองปีให้หลัง แต่ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้ามุ่งเน้นด้านการปรุงยา ในเมื่อข้าต้องการให้เจ้าเป็นมากกว่านักปรุงยาที่ “ดีที่สุด” ในทวีปตะวันออก”
“ท-ท่านหมายความว่าอย่างไรเช่นนั้น” เธอถามเขาด้วยใบหน้างงงัน
“เฉพาะตำรับยาเหล่านี้เพียงอย่างเดียว เจ้าก็ได้ล้ำหน้านักปรุงยาทุกคนในโลกนี้ไปแล้ว ครั้นเมื่อเจ้าเชี่ยวชาญพวกมันแล้ว เจ้าก็จักกลายเป็นตัวตนหาใครเทียบได้ในด้านการปรุงยา และชื่อเจ้าก็จักปรากฏในประวัติศาสตร์ไปชั่วกาล” ซูหยางอธิบายให้เธอฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ซูหยาง…” หวังชูเหรินน้ำตาคลอเบ้าหลังจากที่ตระหนักว่าซูหยางได้วางแผนอะไรไว้ให้เธอ
ถ้าเธอไม่ได้พบกับเขาที่โรงประมูลดอกบัวเพลิงปีที่แล้ว บางทีเธออาจจะยังคงเป็นเพียงผู้อาวุโสนิกายต่ำต้อยที่มีทักษะการปรุงยาต่ำต้อยอยู่จนกระทั่งตอนนี้
ถ้าเธอไม่ได้ทิ้งความภาคภูมิใจของเธอในฐานะผู้อาวุโสเอาไว้ก่อนและเตะซูหยางออกไปจากโรงประมูลในวันนั้น ความสำเร็จทั้งหมดของเธอก็อาจจะเป็นความสำเร็จของใครคนอื่น และเธอก็คงจะเตะตนเองด้วยความเสียใจทุกวันจนถึงกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตหากว่าเธอได้รู้ว่าเธอพลาดโอกาสครั้งเดียวในชีวิต
“อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าจะเป็นนักปรุงยาที่ดีที่สุดที่โลกนี้ได้เคยเห็นมา ข้าจำเป็นต้องฝึกเจ้าให้ดี” ซูหยางพลันพูดขึ้น “เริ่มจากวันนี้ ข้าจักมาที่นี่อาทิตย์ละหนึ่งครั้งเพื่อสอนเจ้าถึงวิธีการปรุงยาให้ดี และนี่จักดำเนินต่อไปจนกระทั่งข้ารู้สึกว่าเจ้าดีพอแล้ว”
“จริงรึ” หวังชูเหรินจ้องมองเขาด้วยท่าทางประหลาดใจ “ท่านต้องผ่านพบอุปสรรคมากมายเพียงเพราะข้า”
“นี่มิใช่เพียงเพื่อเจ้า แต่เป็นเพื่อทุกคนในโลกนี้” ซูหยางตอบกลับด้วยรอยยิ้มลึกลับ “ข้าต้องการยกระดับมาตรฐานของการปรุงยาในโลกนี้อีกสักสองสามระดับ อีกนัยหนึ่งก็คือมันเป็นการเข้าสู่ยุคใหม่”
“เจ้าไปได้แล้วในตอนนี้ ข้าจักไปหาเจ้าครั้นเมื่อข้าเสร็จธุระตรงนี้แล้ว”
“ท่านหมายถึงเหล่าศิษย์เบื้องนอกนั่นรึ นั่นต้องใช้เวลาหลายวันในการที่จะทำให้พวกเธอทั้งหมดจากไป” หวังชูเหรินกล่าว
“เช่นนั้นเจ้าควรใช้เวลาในตอนนี้เตรียมตัว เพราะว่าเจ้าจักมิมีช่องว่างให้พักเมื่อข้าเริ่มต้นกับเจ้า”
หวังชูเหรินพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนที่จะจากที่แห่งนั้นไป
ครั้นเมื่อหวังชูเหรินไปแล้ว ซูหยางก็กลับไปทำกิจกรรมเซ็นลายเซ็นกับเหล่าศิษย์ด้านนอกต่อ
สามวันให้หลัง ซูหยางก็ตรงไปยังที่พักของหวังชูเหริน ซึ่งเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างกับคฤหาสน์ของผู้นำนิกาย เห็นได้ชัดว่าโหวเยินเจียมีความนับถือและให้คุณค่ามากเพียงใดหลังจากที่เห็นสภาพความเป็นอยู่ของเธอ
มันยิ่งใหญ่เสียจนกระทั่งถ้าใครไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา เขาเหล่านั้นอาจจะกระทั่งคิดว่าโหวเยินเจียคลั่งไคล้หวังชูเหริน
“ดูเหมือนว่าความเป็นอยู่ของเจ้าได้พัฒนาขึ้นเล็กน้อยนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ข้ามาเยี่ยมบ้านเจ้า” ซูหยางทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม
“เล็กน้อยรึ…” หวังชูเหรินหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินเขาดูถูก “มันเพิ่งสร้างขึ้นได้มินานเช่นกัน รายได้ของพวกเราเพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเพราะว่ายาของข้า ค่อนข้างจะมากโขอยู่”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอได้ออกไปจากการพักอยู่ในบ้านหลังเล็กๆมาสู่คฤหาสน์โครตหรู แต่หากพิจารณาสถานะและความร่ำรวยของเธอในปัจจุบัน ก็ไม่ถือว่าเป็นการพูดโอ้อวดว่าเธอสมควรแล้วที่จะอยู่ในที่หรูหราเช่นนี้
“พาข้าไปยังห้องยาของเจ้า” ซูหยางกล่าวกับเธอ
หวังชูเหรินพยักหน้าและพาเขาไปยังภายในอาคารและจากนั้นก็ไปยังห้องว่างขนาดใหญ่ที่ไม่มีการประดับตกแต่งหรือเครื่องเรือนที่ไม่จำเป็น
นอกจากตู้ขนาดเล็กที่มุมห้องที่ส่งกลินหอมของสมุนไพรและตัวยาแล้ว ก็ยังมีเตาปรุงยาที่ดูล้ำค่ากลางห้องด้วยเช่นกัน
“เตาปรุงยานี้ค่อนข้างดีทีเดียว” ซูหยางชมเชยหม้อปรุงยาก ในเมื่อมันเป็นเตาปรุงยาที่ดีที่สุดที่เขาเคยเห็นในโลกนี้มาจนถึงตอนนี้
“เตาปรุงยานี้เป็นสมบัติระดับสวรรค์ และข้าได้ใช้หินวิญญาณสามล้านก้อนไปกับมัน” หวังชูเหรินกล่าวด้วยรอยยิ้มหวานอมขมกลืน ในเมื่อนี่เป็นจำนวนที่มากที่สุดที่เธอเคยใช้กับของเพียงชิ้นเดียว
“อย่างไรก็ตามเจ้าได้วัตถุดิบทั้งหมดที่ข้าต้องการระหว่างการประมูลที่เมืองหิมะโปรยหรือไม่” ซูหยางพลันถามเธอ
“ได้ แม้ว่าพวกมันบางอย่างจะหายาก ข้าก็สามารถที่จะซื้อส่วนผสมทุกอย่างในรายการได้ พวกมันล้วนถูกเก็บไว้ในตู้นั้น” หวังชูเหรินกล่าวขณะที่เธอชี้ไปยังตู้ที่มุมห้อง
“ดี เพราะว่าส่วนผสมเหล่านั้นจำเป็นในการปรุงยาใหม่ ก่อนข้าจะสอนเจ้า ข้าจักทำการสาธิตวิชาของข้าก่อน” ซูหยางทำการพูดถึงชื่อส่วนผสมสองสามอย่าง และหวังชูเหรินก็นำส่งพวกมันให้กับเขาหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจต่อมา
“ข้าจักทำเช่นนี้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นจงดูและเรียนรู้” เขากล่าวก่อนที่จะนั่งตรงหน้าเตาปรุงยา