บทที่ 483 แกล้งทำเป็นโง่
“ตระกูลมู่อีกแล้วรึ ทำไมท่านจึงมิปฏิเสธไป” ซุนจิงจิงถามด้วยใบหน้า
สงบ “ต่อให้พวกนั้นมีอิทธิพลมากกว่าพวกเราอยู่บ้าง แต่พวกนั้นก็
มิได้มีอิทธิพลที่จะคุกคามพวกเรา”
“เรื่องนั้น… ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งตระกูลมู่ได้ประสานความ
ร่วมมือกับนิกายดอกบัวเพลิงไปเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ทำให้พวก
นั้นได้ขายตัวยาของนิกายดอกบัวเพลิงที่ตลาดการค้าของพวกนั้น”
“เจ้าควรรู้ว่าเม็ดยาพวกนั้นได้รับความนิยมมากเพียงใดภายในธุรกิจ
นี้ ใครก็ตามที่มีใบอนุญาตให้ขายพวกมันก็จักกลายเป็นหนึ่งในผู้จัด
จำหน่ายที่ใหญ่ที่สุดในตลาดยาโดยอัตโนมัติ และเพราะเหตุนี้ พวก
นั้นจึงได้ผูกขาดตลาดอย่างสมบูรณ์ นับตั้งแต่พวกนั้นเริ่มขายโอสถ
ดอกบัวเพลิง ธุรกิจยาของพวกเราก็ตกต่ำ รายได้ของพวกเราลดลง
ถึง 90% ภายในเพียงแค่สองสามอาทิตย์”
“และก็มิใช่เพียงยา นับตั้งแต่พวกนั้นกลายเป็นคู่ค้ากับนิกายดอกบัว
เพลิง ลูกค้าของพวกเราจำนวนมากก็ได้เปลี่ยนข้างเพื่อที่จะเอาใจ
ตระกูลมู่ ธุรกิจทั้งหมดของพวกเราล้วนตกต่ำอย่างน้อย 10% หาก
เป็นเช่นนี้ต่อไป พวกนั้นจักต้องขับพวกเราออกจากธุรกิจได้อย่าง
สมบูรณ์”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน พวกนั้นก็ยังข่มขู่ที่จะไล่พวกเราออกจากเมืองถ้า
พวกเรามิยอมรับข้อเสนอการหมั้นหมาย”
“นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมพวกท่านจึงดูกังวลและสิ้นหวัง…” ซุนจิงจิง
ถอนใจหลังจากที่ตระหนักถึงสถานการณ์
“ถ้าเจ้าได้กลายเป็นนางบำเรอของซูหยาง ถึงแม้จะเป็นตระกูลมู่ก็มิ
กล้าที่จะล่วงเกินเขา เจ้าชอบเขามิใช่รึ” ซุนเหรินถามเธอ
“เอ้อ… ข้ามิรู้เรื่องนั้น…” ซุนจิงจิงเริ่มแกล้งทำเป็นโง่
“อะไรกัน เจ้าทำท่าแตกต่างจากก่อนนี้โดยสิ้นเชิง ตอนที่เจ้ายืนกราน
ว่าจะเข้าร่วมตระกูลของเขา หรือว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับซูหยาง”
“ข้าเดาว่าท่านสามารถกล่าวได้เช่นนั้น” ซุนจิงจิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ลึกลับ
“ข้ามิสนว่าเกิดอะไรขึ้น มิว่าเจ้าจะถูกหรือจะผิดก็ตาม แต่ถ้าเจ้ามิ
ต้องการที่จะแต่งงานกับเจ้าอ้วนตระกูลมู่นั่น เช่นนั้นเจ้าจำเป็นต้อง
ขอโทษซูหยางและทำให้เขายอมรับเจ้าให้ได้” ซุนเหรินกล่าวด้วยสี
หน้าเคร่งเครียด
“ข้าจักคิดในเรื่องนี้” เธอกล่าวด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเธอไม่ได้
สนใจเรื่องตระกูลมู่แม้แต่น้อย “ถ้ามิมีอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าก็จักกลับ
ไปยังห้องนั่งเล่นกับซูหยางและท่านพ่อ”
“จ-จ-เจ้า… ลืมมันไปเถอะ เจ้าทำตัวดื้อดึงต่อไปได้เลย อย่ามาร้องไห้
ต่อหน้าข้ายามที่เจ้าต้องแต่งงานกับเจ้าอ้วนนั่น” ซุนเหรินกระทืบเท้า
ด้วยความโกรธก่อนที่จะกลับไปยังห้อง
ในเวลาเดียวกัน ซุนเฉียนก็กล่าวกับซูหยางหลังจากที่สองหญิงออกไป
จากห้อง “ขอบคุณสำหรับการดูแลลูกสาวของพวกเราอยู่เสมอ ท่าน
ผู้อาวุโสซู ถ้าเธอรบกวนท่านเพียงบอกให้เรารู้และพวกเราก็จะลงโทษ
เธอในทันที”
“ท่านสามารถโยนเรื่องพิธีรีตองทิ้งไป” ซูหยางกล่าวกับเขา
“แต่นั่นจักเป็นเรื่องมิเหมาะสมสำหรับคนที่มีความรู้เช่นท่าน…” ซุน
เฉียนลังเล
ถึงแม้ว่าตระกูลซุนจะมีอิทธิพลมากมาย แต่ทรัพยากรของพวกเขาก็
เพียงมีจำกัดอยู่เฉพาะภายในวงการธุรกิจในโลกของคนธรรมดาเท่านั้น
ถ้าพวกเขาเปรียบเทียบตัวเองกับซูหยาง อัจฉริยะจากยุทธภพ ก็คล้าย
กับการเปรียบเทียบพ่อค้ากับเจ้าชาย
“ทำไมจึงจะเป็นเรื่องมิเหมาะสม แม้ว่าพวกเรายังมิได้มีเอกสารใดมา
ยืนยันหรือว่าได้จัดงานพิธี แต่ข้าก็ได้ยอมรับลูกสาวท่านเข้าสู่ตระกูล
เรียบร้อยแล้ว” ซูหยางกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสงบราบเรียบ “ถ้า
ท่านต้องการ ข้าเองก็ยังต้องเรียกท่านว่าพ่อตา รู้ไหม”
ซุนเฉียนจ้องมองซูหยางด้วยใบหน้าแตกตื่น เหมือนกับลูกไก่โง่
“ท-ท่านเพิ่งพูดอะไรออกมานะ ข้านะรึ พ่อตาของท่าน” ร่างกายของ
ซุนเฉียนสั่นสะท้าน
ซูหยางพยักหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย
อย่างไรก็ตามซุนเฉียนก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพร้อมกับใบหน้าแตกตื่น
แม้จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายนาที ราวกับว่าเขาได้กลายไปเป็นรูป
ปั้น
จนกระทั่งเมื่อซุนจิงจิงและซุนเหรินกลับมาสุดท้ายนั่นจึงทำให้เขา
สะดุ้งตื่นออกมา
“ทำไมท่านจึงยืนอยู่อย่างนั้นด้วยใบหน้าประหลาดพิกล ท่านพ่อ”
ซุนจิงจิงเลิกคิ้วหลังจากที่เห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดของเขา
“ข…”
ก่อนที่ซุนเฉียนจะทันได้พูด ซุนเหรินก็ดึงเขาออกไปข้างนอก
“ม-มีมีอะไรรึ ที่รัก” เขาถามเธอหลังจากที่ถูกลากออกไปด้านนอก
“ล-ลูกสาวหัวดื้อของเรา เธอ…” ซุนเหรินทำการอธิบายให้กับซุน
เฉียนฟังถึงการสนทนาระหว่างเธอกับซุนจิงจิง ซึ่งเพียงแต่สร้าง
ความงุนงงให้กับซุนเฉียนมากกว่าเดิม
“เอ๋…”
ด้วยเรื่องราวที่ท่วมท้นใจ ซุนเฉียนไม่สามารถที่จะอธิบายให้ภรรยา
ของตนเองฟังถึงสิ่งที่ซูหยางได้บอกเขาได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เพียง
แค่ยืนอยู่ตรงนั้นฟังซุนเหรินพูดอยู่อย่างเงียบ ๆ
“ไม่ว่าอย่างไรถ้าลูกสาวเรายังคงดื้อเกินไปในการแก้ไขปัญหากับซู
หยาง ข้าจักทำแทนเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดข้าหลังจากนั้น จะเป็น
การดีกว่าที่จะส่งตัวเธอให้กับตระกูลมู่” ซุนเหรินกล่าวด้วยท่าทาง
ตัดสินใจ
“แต่…”
ก่อนที่ซุนเฉียนจะทันได้อ้าปากพูดออกมาได้เต็มที่ ซุนเหรินก็ได้เดิน
จากเขาไปกลับคืนสู่ห้องนั่งเล่น
“ผู้หญิงสองคนนี้… ฮ้าาาา…” ซุนเฉียนส่ายหน้าขณะที่ถอนหายใจ
ก่อนที่จะกลับไปภายในห้องพร้อมกับซุนเหริน
ในเวลานั้นหลังจากที่พ่อแม่ของเธอออกไปจากห้อง ซุนจิงจิงก็
อธิบายสถานการณ์ให้กับซูหยาง
“ท่านคิดว่าอย่างไร ซูหยาง เราควรจะจัดการกับพวกนั้นอย่างไรดี
แม้ว่าข้ามิได้ใส่ใจในธุรกิจของครอบครัวข้าเป็นพิเศษ แต่ข้าก็มิ
ต้องการเห็นตระกูลมู่กลั่นแกล้งตระกูลข้า”
“ตระกูลมู่และนิกายดอกบัวเพลิงรึ…” ซูหยางยังคงเรียบเฉย แล้ว
กล่าวต่อว่า “มีหลายวิธีที่เราสามารถดำเนินการในสถานการณ์นี้ได้
แต่ข้าจักปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของเจ้า เจ้าต้องการจะทำอะไรกับ
ตระกูลมู่รึ”
“ตระกูลมู่คิดว่าพวกมันสามารถกลั่นแกล้งตระกูลข้าและบีบข้าให้
แต่งงานกับลูกชายของพวกมัน ดังนั้นพวกมันสมควรตาย แต่
อย่างไรก็ตามเรามิสามารถเพียงแค่ฆ่าพวกมันทั้งหมด…” ซุนจิงจิง
ครุ่นคิดด้วยหน้าตาจริงจัง
หลังจากนั้นสองสามอึดใจ ซุนจิงจิงก็ตาเป็นประกายแสงชั่วร้าย
“ข้ารู้แล้วว่าเราควรจะจัดการกับตระกูลมู่อย่างไรดี เอียงหูมาหาข้า
สักครู่ ซูหยาง” ซุนจิงจิงหัวเราะคิกคักขณะที่เธออธิบายแผนการของ
เธอให้เขาฟัง
หลังจากที่ฟังความคิดเห็นของซุนจิงจิงแล้ว ซูหยางก็ระเบิดเสียง
หัวเราะ “แน่ใจว่าเจ้าต้องมีอะไรสักอย่างถึงคิดแผนการเช่นนี้ออกมา
ได้”
“มันไม่ดีรึ” ซุนจิงจิงแสดงสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่ มันสมบูรณ์แบบ พวกเราดำเนินการตามแผนนั้นกันเถอะ”
“เยี่ยม” ซุนจิงจิงพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม
บทที่ 483 แกล้งทำเป็นโง่
“ตระกูลมู่อีกแล้วรึ ทำไมท่านจึงมิปฏิเสธไป” ซุนจิงจิงถามด้วยใบหน้า
สงบ “ต่อให้พวกนั้นมีอิทธิพลมากกว่าพวกเราอยู่บ้าง แต่พวกนั้นก็
มิได้มีอิทธิพลที่จะคุกคามพวกเรา”
“เรื่องนั้น… ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งตระกูลมู่ได้ประสานความ
ร่วมมือกับนิกายดอกบัวเพลิงไปเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ทำให้พวก
นั้นได้ขายตัวยาของนิกายดอกบัวเพลิงที่ตลาดการค้าของพวกนั้น”
“เจ้าควรรู้ว่าเม็ดยาพวกนั้นได้รับความนิยมมากเพียงใดภายในธุรกิจ
นี้ ใครก็ตามที่มีใบอนุญาตให้ขายพวกมันก็จักกลายเป็นหนึ่งในผู้จัด
จำหน่ายที่ใหญ่ที่สุดในตลาดยาโดยอัตโนมัติ และเพราะเหตุนี้ พวก
นั้นจึงได้ผูกขาดตลาดอย่างสมบูรณ์ นับตั้งแต่พวกนั้นเริ่มขายโอสถ
ดอกบัวเพลิง ธุรกิจยาของพวกเราก็ตกต่ำ รายได้ของพวกเราลดลง
ถึง 90% ภายในเพียงแค่สองสามอาทิตย์”
“และก็มิใช่เพียงยา นับตั้งแต่พวกนั้นกลายเป็นคู่ค้ากับนิกายดอกบัว
เพลิง ลูกค้าของพวกเราจำนวนมากก็ได้เปลี่ยนข้างเพื่อที่จะเอาใจ
ตระกูลมู่ ธุรกิจทั้งหมดของพวกเราล้วนตกต่ำอย่างน้อย 10% หาก
เป็นเช่นนี้ต่อไป พวกนั้นจักต้องขับพวกเราออกจากธุรกิจได้อย่าง
สมบูรณ์”
“เมื่อไม่กี่วันก่อน พวกนั้นก็ยังข่มขู่ที่จะไล่พวกเราออกจากเมืองถ้า
พวกเรามิยอมรับข้อเสนอการหมั้นหมาย”
“นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมพวกท่านจึงดูกังวลและสิ้นหวัง…” ซุนจิงจิง
ถอนใจหลังจากที่ตระหนักถึงสถานการณ์
“ถ้าเจ้าได้กลายเป็นนางบำเรอของซูหยาง ถึงแม้จะเป็นตระกูลมู่ก็มิ
กล้าที่จะล่วงเกินเขา เจ้าชอบเขามิใช่รึ” ซุนเหรินถามเธอ
“เอ้อ… ข้ามิรู้เรื่องนั้น…” ซุนจิงจิงเริ่มแกล้งทำเป็นโง่
“อะไรกัน เจ้าทำท่าแตกต่างจากก่อนนี้โดยสิ้นเชิง ตอนที่เจ้ายืนกราน
ว่าจะเข้าร่วมตระกูลของเขา หรือว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับซูหยาง”
“ข้าเดาว่าท่านสามารถกล่าวได้เช่นนั้น” ซุนจิงจิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ลึกลับ
“ข้ามิสนว่าเกิดอะไรขึ้น มิว่าเจ้าจะถูกหรือจะผิดก็ตาม แต่ถ้าเจ้ามิ
ต้องการที่จะแต่งงานกับเจ้าอ้วนตระกูลมู่นั่น เช่นนั้นเจ้าจำเป็นต้อง
ขอโทษซูหยางและทำให้เขายอมรับเจ้าให้ได้” ซุนเหรินกล่าวด้วยสี
หน้าเคร่งเครียด
“ข้าจักคิดในเรื่องนี้” เธอกล่าวด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเธอไม่ได้
สนใจเรื่องตระกูลมู่แม้แต่น้อย “ถ้ามิมีอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าก็จักกลับ
ไปยังห้องนั่งเล่นกับซูหยางและท่านพ่อ”
“จ-จ-เจ้า… ลืมมันไปเถอะ เจ้าทำตัวดื้อดึงต่อไปได้เลย อย่ามาร้องไห้
ต่อหน้าข้ายามที่เจ้าต้องแต่งงานกับเจ้าอ้วนนั่น” ซุนเหรินกระทืบเท้า
ด้วยความโกรธก่อนที่จะกลับไปยังห้อง
ในเวลาเดียวกัน ซุนเฉียนก็กล่าวกับซูหยางหลังจากที่สองหญิงออกไป
จากห้อง “ขอบคุณสำหรับการดูแลลูกสาวของพวกเราอยู่เสมอ ท่าน
ผู้อาวุโสซู ถ้าเธอรบกวนท่านเพียงบอกให้เรารู้และพวกเราก็จะลงโทษ
เธอในทันที”
“ท่านสามารถโยนเรื่องพิธีรีตองทิ้งไป” ซูหยางกล่าวกับเขา
“แต่นั่นจักเป็นเรื่องมิเหมาะสมสำหรับคนที่มีความรู้เช่นท่าน…” ซุน
เฉียนลังเล
ถึงแม้ว่าตระกูลซุนจะมีอิทธิพลมากมาย แต่ทรัพยากรของพวกเขาก็
เพียงมีจำกัดอยู่เฉพาะภายในวงการธุรกิจในโลกของคนธรรมดาเท่านั้น
ถ้าพวกเขาเปรียบเทียบตัวเองกับซูหยาง อัจฉริยะจากยุทธภพ ก็คล้าย
กับการเปรียบเทียบพ่อค้ากับเจ้าชาย
“ทำไมจึงจะเป็นเรื่องมิเหมาะสม แม้ว่าพวกเรายังมิได้มีเอกสารใดมา
ยืนยันหรือว่าได้จัดงานพิธี แต่ข้าก็ได้ยอมรับลูกสาวท่านเข้าสู่ตระกูล
เรียบร้อยแล้ว” ซูหยางกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสงบราบเรียบ “ถ้า
ท่านต้องการ ข้าเองก็ยังต้องเรียกท่านว่าพ่อตา รู้ไหม”
ซุนเฉียนจ้องมองซูหยางด้วยใบหน้าแตกตื่น เหมือนกับลูกไก่โง่
“ท-ท่านเพิ่งพูดอะไรออกมานะ ข้านะรึ พ่อตาของท่าน” ร่างกายของ
ซุนเฉียนสั่นสะท้าน
ซูหยางพยักหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย
อย่างไรก็ตามซุนเฉียนก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพร้อมกับใบหน้าแตกตื่น
แม้จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายนาที ราวกับว่าเขาได้กลายไปเป็นรูป
ปั้น
จนกระทั่งเมื่อซุนจิงจิงและซุนเหรินกลับมาสุดท้ายนั่นจึงทำให้เขา
สะดุ้งตื่นออกมา
“ทำไมท่านจึงยืนอยู่อย่างนั้นด้วยใบหน้าประหลาดพิกล ท่านพ่อ”
ซุนจิงจิงเลิกคิ้วหลังจากที่เห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดของเขา
“ข…”
ก่อนที่ซุนเฉียนจะทันได้พูด ซุนเหรินก็ดึงเขาออกไปข้างนอก
“ม-มีมีอะไรรึ ที่รัก” เขาถามเธอหลังจากที่ถูกลากออกไปด้านนอก
“ล-ลูกสาวหัวดื้อของเรา เธอ…” ซุนเหรินทำการอธิบายให้กับซุน
เฉียนฟังถึงการสนทนาระหว่างเธอกับซุนจิงจิง ซึ่งเพียงแต่สร้าง
ความงุนงงให้กับซุนเฉียนมากกว่าเดิม
“เอ๋…”
ด้วยเรื่องราวที่ท่วมท้นใจ ซุนเฉียนไม่สามารถที่จะอธิบายให้ภรรยา
ของตนเองฟังถึงสิ่งที่ซูหยางได้บอกเขาได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เพียง
แค่ยืนอยู่ตรงนั้นฟังซุนเหรินพูดอยู่อย่างเงียบ ๆ
“ไม่ว่าอย่างไรถ้าลูกสาวเรายังคงดื้อเกินไปในการแก้ไขปัญหากับซู
หยาง ข้าจักทำแทนเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดข้าหลังจากนั้น จะเป็น
การดีกว่าที่จะส่งตัวเธอให้กับตระกูลมู่” ซุนเหรินกล่าวด้วยท่าทาง
ตัดสินใจ
“แต่…”
ก่อนที่ซุนเฉียนจะทันได้อ้าปากพูดออกมาได้เต็มที่ ซุนเหรินก็ได้เดิน
จากเขาไปกลับคืนสู่ห้องนั่งเล่น
“ผู้หญิงสองคนนี้… ฮ้าาาา…” ซุนเฉียนส่ายหน้าขณะที่ถอนหายใจ
ก่อนที่จะกลับไปภายในห้องพร้อมกับซุนเหริน
ในเวลานั้นหลังจากที่พ่อแม่ของเธอออกไปจากห้อง ซุนจิงจิงก็
อธิบายสถานการณ์ให้กับซูหยาง
“ท่านคิดว่าอย่างไร ซูหยาง เราควรจะจัดการกับพวกนั้นอย่างไรดี
แม้ว่าข้ามิได้ใส่ใจในธุรกิจของครอบครัวข้าเป็นพิเศษ แต่ข้าก็มิ
ต้องการเห็นตระกูลมู่กลั่นแกล้งตระกูลข้า”
“ตระกูลมู่และนิกายดอกบัวเพลิงรึ…” ซูหยางยังคงเรียบเฉย แล้ว
กล่าวต่อว่า “มีหลายวิธีที่เราสามารถดำเนินการในสถานการณ์นี้ได้
แต่ข้าจักปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของเจ้า เจ้าต้องการจะทำอะไรกับ
ตระกูลมู่รึ”
“ตระกูลมู่คิดว่าพวกมันสามารถกลั่นแกล้งตระกูลข้าและบีบข้าให้
แต่งงานกับลูกชายของพวกมัน ดังนั้นพวกมันสมควรตาย แต่
อย่างไรก็ตามเรามิสามารถเพียงแค่ฆ่าพวกมันทั้งหมด…” ซุนจิงจิง
ครุ่นคิดด้วยหน้าตาจริงจัง
หลังจากนั้นสองสามอึดใจ ซุนจิงจิงก็ตาเป็นประกายแสงชั่วร้าย
“ข้ารู้แล้วว่าเราควรจะจัดการกับตระกูลมู่อย่างไรดี เอียงหูมาหาข้า
สักครู่ ซูหยาง” ซุนจิงจิงหัวเราะคิกคักขณะที่เธออธิบายแผนการของ
เธอให้เขาฟัง
หลังจากที่ฟังความคิดเห็นของซุนจิงจิงแล้ว ซูหยางก็ระเบิดเสียง
หัวเราะ “แน่ใจว่าเจ้าต้องมีอะไรสักอย่างถึงคิดแผนการเช่นนี้ออกมา
ได้”
“มันไม่ดีรึ” ซุนจิงจิงแสดงสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่ มันสมบูรณ์แบบ พวกเราดำเนินการตามแผนนั้นกันเถอะ”
“เยี่ยม” ซุนจิงจิงพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม