DC บทที่ 214: การจากไปอย่างกระทันหัน
“เขากล้าที่จะตบหน้าสวยของฉันจริงรึ” โหลวหลานจีไม่อยากเชื่อว่าซูหยางจะกล้า ความประทับใจทั้งหมดที่เธอมีต่อเขาสำหรับการปลุกเธอขึ้นมานั้นหายไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าจักไปให้คืนสิ่งที่อยู่ในใจข้า” โหลงหลานจีลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มตรงไปยังทางออก
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหวูปิดเส้นทางของเธอไว้และกล่าวด้วยเสียงเป็นกังวลว่า “ผู้นำนิกาย ท่านเพิ่งฟื้นขึ้นมา แม้ว่าท่านอาจจะรู้สึกสบายดี เรายังต้องทำให้มั่นใจว่าสุขภาพท่านสมบูรณ์ที่สุด เหตุการณ์นี้ทำให้คนหลายคนเป็นกังวล”
โหลวหลานจีถอนใจและพยักหน้า “ได้ และช่วยให้รายละเอียดต่อข้าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างขณะที่พวกเจ้าพบเห็นเหตุการณ์นั้น”
ผู้อาวุโสหวูพยักหน้าและหันไปหาบรรดาหมอที่ยังคงเหลืออยู่ภายในห้องและกล่าวว่า “ช่วยกรุณาตรวจสอบอีกสักหน่อยเพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายของเธอสมบูรณ์ดี แน่นอนว่าเราจักตอบแทนพวกท่านอย่างงามสำหรับความพยายามของพวกท่าน”
บรรดาหมอไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธและเริ่มการตรวจร่างกายโหลวหลานจีอีกครั้ง
ในเวลานั้น ซูหยางกลับไปยังที่พักของเขาเพื่อตามหาชิวเยวี่ยเมื่อพ้นจากศาลาหยินหยางแล้ว
นับตั้งแต่เขาเห็นสภาพของโหลวหลานจี เขารู้ว่าชิวเยวี่ยเป็นคนรับผิดชอบต่อการหลับลึกของอีกฝ่าย ในเมื่อนั่นเป็นวิชาการต่อสู้พิเศษเฉพาะของตำหนักจันทราศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะกล่าวไปชิวเยวี่ยยั้งมือเป็นอย่างมากกับวิชานั้น มิเช่นนั้นโหลวหลานจีจะไม่ตื่นขึ้นมาแม้ว่าจะผ่านไปนานถึงสิบปี
อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าไปในห้องของเขา ซูหยางกลับไม่พบชิวเยวี่ยนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเช่นปกติ แต่กลับมีแผ่นกระดาษที่มีข้อความลายมือของเธอแทน
“ในเมื่อเห็นได้ชัดว่าท่านแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องตนเองได้อย่างง่ายดายในโลกนี้ ข้าจักทิ้งท่านไว้คนเดียวไม่นานนักเพื่อเดินทางต่อในการค้นหาวิธีกลับบ้านสำหรับพวกเรา แม้ว่าข้าสงสัยว่าท่านยังต้องการพวกมันอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตามข้าก็ได้ทิ้งสิ่งของบางสิ่งไว้เบื้องหลังเผื่อกรณีฉุกเฉิน รวมถึงป้ายหยกสื่อสารเผื่อบางทีท่านรู้สึกอยากได้ยินเสียงข้า”
ซูหยางเพียงส่ายหน้ากับจดหมายของชิวเยวี่ย แม้ว่าเขาไม่ได้คัดค้านการกระทำของเธอ แต่นั่นก็กระทันหันเกินไป
“เจ้าเด็กนั่น…ทำไมเธอจึงต้องการกลับไปยังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ความหวังนั่นในเมื่อตำหนักจันทราศักดิ์สิทธิ์จักต้องตามหาเธอ” เขาก็ต้องการกลับไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เขารู้ว่ามีหลายสิ่งที่เขาต้องตระเตรียมก่อนกลับไป มิเช่นนั้นพวกเขาก็เพียงรนหาที่ตาย
ซูหยางพลันนั่งลงบนเตียงและหลับตาลง สองสามนาทีหลังจากนั้นแสงเรืองสีทองก็สามารถเห็นแผ่ออกมารอบร่างของเขา ราวกับว่าเขาเพิ่งผ่านการหยั่งรู้
ซูหยางอยู่ในสภาพเช่นนี้นานหลายนาที จนกระทั่งเขาลืมตาขึ้นซึ่งภายในลุกโชนไปด้วยความฉลาดและความทรงจำที่เริ่มไหลเวียนอยู่ภายในใจ
อย่างไรก็ตามความทรงจำเหล่านี้ไม่ได้มาจากช่วงเวลาของเขาในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ กลับกันพวกมันล้วนเป็นความทรงจำของซูหยางก่อนที่ความทรงจำในชาติปางก่อนของเขาจะกลับมา
นับตั้งแต่ที่เขาพบว่าดวงจิตที่อยู่ภายในร่างมีเพียงหนึ่งหลังจากที่กลืนกินโอสถแยกวิญญาณ ซูหยางก็เริ่มอยากรู้ว่าทำไมความทรงจำของเขาจึงถูกผนึกไว้ในตอนแรก และทำไมคนอย่างซูเซวินพ่อของเขาสามารถผนึกความทรงจำเขาได้
ท้ายที่สุดถ้าเขากลับชาติมาเกิดด้วยความทรงจำของอดีตชาติ ย่อมไม่มีทางที่คนอย่างซูเซวินจะสามารถผนึกความทรงจำของเขาได้ อีกนัยหนึ่งซูหยางไม่ได้กลับชาติมาเกิดด้วยความทรงจำติดมาตั้งแต่ต้นและเพียงแค่ระลึกขึ้นมาได้ที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
ซูหยางหลับตาลงอีกครั้งและไม่ได้ลืมตาขึ้นมาอีกจนเวลาผ่านไปหลายนาที ความทรงจำสิบหกปีที่เหมือนน้ำหนึ่งหยดในทะเลอันกว้างใหญ่ของความทรงจำก็ไหลผ่านในหัวของเขา
นับจากวันที่เขาเริ่มเกิดไปจนถึงวันที่เขามาถึงนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ทุกสิ่งล้วนชัดเจนต่อซูหยางภายในไม่กี่นาที
สองสามนาทีหลังจากนั้นซูหยางก็ลืมตาขึ้นและบนใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มขื่นขม
“ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมเขาจึงผนึกความทรงจำของข้าและโยนข้ามายังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังลั่น
เขาพบว่าความทรงจำของซูหยางที่ไม่รู้อะไรเลยนั้นช่างน่าสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่านั่นเป็นรุ่นเด็กของตัวเขาเองที่ปราศจากความรู้ของเซียน
ครั้นเมื่อเขาทำลายผนึกความทรงจำของตนเองและฟื้นคืนความทรงจำของเด็กธรรมดา ซูหยางหันไปมองกระเป๋าหนังข้างตัวเขา
นั่นเป็นของบางสิ่งที่ชิวเยวี่ยทิ้งไว้ให้เขาเบื้องหลัง
เขาหยิบมันและเริ่มตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายในทันที
“นึ่คือ…”
ซูหยางค่อนข้างตะลึงกับจำนวนวัตถุดิบสำหรับการฝึกวิชาภายในถุง ยิ่งไปกว่านั้นวัตถุดิบสำหรับการฝึกฝีมือเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยปราณหยางที่ทรงพลัง ซึ่งบางอย่างก็เหนือกว่าดอกหยางพิสุทธิ์ไปแสนไกล
“ในการให้ทรัพยากรเหล่านี้แก่ข้า หรือเธอกำลังจะบอกข้าให้ทำให้เต็มที่ขณะที่เธอไม่อยู่”
ด้วยจำนวนของทรัพยากรที่ชิวเยวี่ยทิ้งไว้เบื้องหลังสำหรับเขา ซูหยางย่อมไม่มีปัญหาในการฝึกวิชาไปหลายเดือนโดยไม่ต้องหยุดพักแถมยังมีเหลือ
หลังจากที่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในถุงเก็บของทั้งหมดแล้ว ซูหยางก็เทพวกมันทั้งหมดลงไปบนเตียงเพื่อจัดระเบียบ เขามีเจตนาที่จะใช้พวกมันและฝึกวิชาจนกว่าจะถึงการแข่งขันระดับภูมิภาค
“ข้าจักก้าวผ่านเขตปฐพีวิญญาณสู่เขตอัมพรวิญญาณโดยปราศจากปัญหาก่อนที่จะถึงการแข่งขันต่อให้คู่ฝึกของข้าทุกคนอยู่เพียงแค่เขตคัมภีร์วิญญาณและสัมมาวิญญาณ…”
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะเริ่มฝึกวิชา เขาจำเป็นต้องมีคู่ฝึกก่อน และนับเป็นโชคสำหรับเขาที่มีสาวสวยมากมายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยให้เขาเลือก ยิ่งไปกว่านั้นมีศิษย์มากมายรอคอยอย่างอดทนให้เขาเรียกหาพวกเธออยู่เรียบร้อยแล้ว
ซูหยางเข้าไปทำความสะอาดร่างกายของตนเองและเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ก่อนที่จะออกจากบ้านตามหาคู่ฝึกที่มีศักยภาพสำหรับสองสามเดือนข้างหน้า และสถานที่แรกที่เกิดขึ้นภายในใจของเขาก็คือตำหนักโอสถ ที่ซึ่งเขาได้สัญญาไว้กับกลุ่มหนึ่งว่าเขาจะนวดให้พวกเธออีก