“ถ้าเจ้ามองข้าด้วยใบหน้าแบบนั้น นั่นจักทำให้สิ่งต่างๆยากขึ้นแม้กระทั่งตัวข้าเอง เจ้ารู้ไหม” ซูหยางกล่าวกับชิวเยว่หลังจากที่เห็นสีหน้าเร้าอารมณ์ของเธอ
หลังจากที่เลื่อนแขนของเธอออกพ้นใบหน้าแล้ว มือของชิวเยว่ก็เอื้อมไปจับมือของซูหยาง
“ได้โปรด… หยุดรังแกข้าได้แล้วท่านพ่อ ทำให้มันจบไปเถอะ…” เธอขอร้องเขาด้วยเสียงอ้อนวอน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนา
เมื่อเห็นใบหน้ารัญจวนใจของเธอ ซูหยางก็ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า ถ้าข้าสามารถ ข้าก็คงจะมิลังเลที่จะโอบกอดเจ้าในเวลาขณะนี้ แต่ทว่าเนื่องมาจากปัญหาที่เรารู้กันชัดเจนดีอยู่แล้ว ข้าต้องต้านทานความปรารถนาเหล่านี้ที่กำลังแผดเผาอยู่ในใจข้า นี่อาจจะมิใช่สิ่งที่เจ้าต้องการ แต่ข้าหวังว่ามันคงจะเพียงพอที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับเจ้าในเวลานี้”
หลังจากที่กล่าวถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ซูหยางก็สอดใส่นิ้วของเขาหนึ่งนิ้วเข้าไปในคูหาเปียกเยิ้มของชิวเยว่ จนทำให้เธอครวญครางเสียงดัง
ขาของเธอก็ถ่างกว้างขึ้นด้วยเช่นกันเปิดช่องว่างให้มือของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
“อาาาา…”
เสียงสวรรค์ของชิวเยว่ดังก้องไปในห้องขณะที่นิ้วของซูหยางกระทำย่ำยีถ้ำคับแน่นของเธอ
ยามเมื่อเธอเริ่มคุ้นเคยกับนิ้วของเขา ซูหยางก็เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วข้างในนั้นในขณะที่ใช้นิ้วโป้งของเขาลูบไล้ไปบนมุกมณีสีชมพูของเธออย่างนุ่มนวล
“อาาา อาาาาา อาาาาาาาาา”
ชิวเยว่ครวญครางราวกับว่าเธอกำลังร่วมรักกับซูหยางจริงๆ โดยร่างเธอชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อและปราณหยิน
“อีก…… อีก…. อีก….” ชิวเยว่ร้องขอให้ทำให้มากกว่านั้นขณะที่สายตาของเธอจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของซูหยาง
และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อคำอ้อนวอนของเธอ ซูหยางก็เริ่มขยับนิ้วของเขาเข้มข้นยิ่งขึ้น
ถ้ำของชิวเยว่ทะลักทะลายไปด้วยปราณหยิน และตัวเธอเองก็รู้สึกว่าสมองเบาโล่งจากการถึงจุดสูงสุดหลายต่อหลายครั้งจากนิ้วของซูหยาง
เวลาผ่านไป เมื่อความกระสันต์ของเธอได้สู่จุดสูงสุด ชิวเยว่ก็มองไปยังซูหยางและกล่าวด้วยท่าทางมึนงงว่า “ข้ารักท่าน…. ป๊ะป๋า…”
คิ้วของซูหยางบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินชิวเยว่เรียกเขาว่า “ป๊ะป๋า” จนเขาต้องหันไปดูเธอ
แต่ทว่าดูเหมือนว่าชิวเยว่จะหมกมุ่นเกินกว่าที่จะตระหนักว่าตัวเองเพิ่งจะพูดอะไรออกไป เมื่อเธอครวญครางต่อไปด้วยความสุขสันต์โดยไม่ได้มีการยับยั้งอะไรทั้งสิ้น
“ชิวเยว่…” ซูหยางพลันเรียกเธอ
เมื่อชิวเยว่มองดูเขาอีกครั้ง ซูหยางก็พลันโน้มหน้าลงไปจุมพิตไปบนริมฝีปากของเธอ ในขณะที่นิ้วของเขายังคงกระหน่ำเข้าไปในช่องรักของเธอ
“อืมมมม” ดวงตาของชิวเยว่เบิกโพลงในตอนแรก แต่ในขณะที่พวกเขาทำการจูบกันต่อไปอีกนั้น ดวงตาของเธอก็ค่อยๆปิดลงไปอีกครั้ง ปล่อยให้เธอซึมซับกับความใกล้ชิดของพวกเขาอย่างเต็มที่
สองสามนาทีให้หลัง ซูหยางก็ถอนใบหน้าของเขาออกและเลียริมฝีปากของเขาด้วยท่าทางยั่วยวน
ชิวเยว่จ้องมองเขาในขณะที่หอบหายใจหนัก สายตาของเธอบอกเขาว่าเธอต้องการมากกว่านี้
หลังจากที่ให้เวลาเธอได้หายใจอีกชั่วขณะ ริมฝีปากของซูหยางก็บรรจบกับริมฝีปากของเธออีกครั้ง
“อืมมมม…”
ลิ้นของพวกเขาเกี่ยวพันเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ราวกับว่าเป็นงูสองตัวที่ตวัดรัดพันซึ่งกันและกัน
หลายนาทีให้หลัง ชิวเยว่ก็ประสบกับจุดสุดยอดที่ถึงที่สุดพร้อมกับปราณหยินที่พรั่งพรูออกมาจากคูหาของเธอราวกับท่อน้ำที่แตก
และทันทีที่ปราณหยินของเธอนั้นเหือดแห้ง สติของชิวเยว่ก็ลาจากตัวไปเช่นกันจนทำให้เธอถึงกับสลบไสล
ครั้นเมื่อซูหยางตระหนักว่าเธอได้สลบไสลไปแล้ว เขาก็หยุดการสัมผัสร่างเธอและคลุมร่างเธอไว้ด้วยผ้าห่มผืนใหม่ที่ยังไม่ได้เปียกไปด้วยปราณหยินของเธอ
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงยืนอยู่ข้างกายเธอไปอีกนานหลายนาที จ้องมองใบหน้าที่แสนสวยเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจอยู่อย่างเงียบๆ
“เป็นเวลานานแล้วนับตั้งแต่ข้าสูญเสียการควบคุมตัวตนและความต้องการของข้า…” เขาคิดในใจขณะที่เขามองลงไปยังน้องชายของตนเอง ซึ่งตอนนี้กำลังพองตัวผ่านเสื้อคลุมของเขาดูเหมือนกับว่ามันต้องการที่จะแทงทะลุผ่านเสื้อผ้าของเขาและเข้าไปในร่างของชิวเยว่
ถ้าช่วงเวลาที่พวกเขาใกล้ชิดกันนานกว่านี้ บางทีเขาอาจจะยอมแพ้แก่ไฟปรารถนาและร่วมรักกับชิวเยว่เข้าจริงๆ อย่างไรก็ตามความคิดที่จะทำให้เธอเป็นอันตรายเพื่อความปรารถนาของตนเองนั้นเป็นสิ่งที่เก็บความต้องการของเขาไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา
“ข้าจำเป็นต้องเยือกเย็นลง…”
ซูหยางทำการนั่งลงบนพื้นด้วยท่าขัดสมาธิดอกบัวและทำจิตให้ผ่องใส ไม่กี่นาทีให้หลัง เขาก็เริ่มดูดซับปราณหยินที่ฟุ้งเต็มห้อง
หลังจากที่ดูดซับปราณหยินทั้งหมดแล้ว ซูหยางก็สามารถรู้สึกได้ว่าพลังการฝึกปรือของเขาได้เข้าถึงอีกระดับหนึ่ง เข้าสู่ระดับหกของเขาอัมพรวิญญาณ
ครั้นเมื่อเขาควบคุมความปรารถนาทางเพศของเขาได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ซูหยางก็หันไปมองดูชิวเยว่ ซึ่งยังคงหลับสนิทแม้ว่าจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว
หลังจากที่จ้องมองใบหน้าเธอไปอีกสองสามนาที เขาก็ออกไปจากห้องเธอและกลับคืนสู่ห้องของตนเอง
“พี่ชาย ทำไมถึงใช้เวลานานนัก ข้าเกือบหลับไปในขณะที่รอท่านกลับมา” ซูหยินกล่าวกับเขาจากเตียง
“ขอโทษที ข้ามีธุระบางอย่างที่ต้องทำ” เขากล่าวพร้อมกับยิ้มขอโทษ
“ท่านอยู่กับผู้อาวุโสคนนั้นตลอดเลยรึ ท่านทำอะไรกับเธอ” เธอถามเขาด้วยสายตาอยากรู้
“ข้าเป็นหนี้เธอในการช่วยข้าสร้างค่ายกลชั้นเยี่ยม ดังนั้นข้าจึงต้องช่วยเธอในสิ่งที่เธอขอมา” เขาตอบอย่างเรียบเฉย
“อืมมมม…เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับเธอนั้นเป็นอะไรกัน หรือว่าเธอเป็นคนรักของท่าน” ซูหยินพลันถามเขา
“คนรักของข้ารึ ข้าเดาว่าเจ้าสามารถเรียกเธอเช่นนั้นได้” เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบางเบา ไม่ได้ปฏิเสธ
“…”
ซูหยินมองดูเขาด้วยใบหน้างงงวย ดูเหมือนว่าจะไร้คำพูดกับการตอบสนองของเขา แม้ว่าเธอจะคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังเป็นเหตุทำให้หัวใจของเธอสั่นสะท้าน
“อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างดึกแล้ว และข้าก็หมดแรงหลังจากช่วยเธอ ดังนั้นข้าจะเข้านอนเร็วหน่อยในวันนี้ เจ้าก็ควรที่จะหลับเร็วหน่อยเช่นกัน ในเมื่อวันพรุ่งนี้นั้นเป็นวันอันยิ่งใหญ่สำหรับเจ้า” ซูหยางกล่าว
“อื้อ” ซูหยินพยักหน้าและเว้นที่ว่างไว้ให้เขาขึ้นมาบนเตียง
ครั้นเมื่อแสงสว่างดับลงไปและพวกเขาทั้งคู่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มแล้ว ซูหยินก็กล่าวด้วยเสียงเบาว่า “นานมาแล้วนับตั้งแต่พวกเราได้หลับด้วยกัน พี่ชาย เมื่อตอนที่ท่านหายไปนั้นข้ามิได้คิดว่าข้าจักได้รับความรู้สึกอันอบอุ่นจากท่านอีกครั้ง”
ซูหยินค่อยขยับกายเข้าไปชิดกับซูหยางและกอดเขาไว้แน่น
“ข้ารักท่าน พี่ชาย…” เธอพึมพัมก่อนที่จะหลับลงไปอย่างรวดเร็ว
ซูหยางแสดงรอยยิ้มอบอุ่นก่อนที่จะหลับลงไปหลังจากนั้นสองสามนาทีเช่นเดียวกัน
สองสามชั่วโมงให้หลัง ครั้นเมื่อเวลาเที่ยงคืนได้ผ่านไป ดวงตาของซูหยินก็พลันลืมขึ้น
“ข้าได้รอคอยมาเนิ่นนาน นานหลายปีสำหรับวันนี้ วันที่สุดท้ายก็ได้กลายเป็นผู้ใหญ่…” เธอคิดในใจขณะที่เธอหันไปมองดูซูหยางที่หลับอยู่ข้างกายเธอด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว
ผู้แปล: คำเตือน บทต่อไปเป็นความสัมพันธ์รักระหว่างพี่ชายน้องสาว หากว่าเพื่อนนักอ่านไม่สามารถรับความสัมพันธ์แบบนี้ได้ สามารถอ่านข้ามไปบทถัดไปได้โดยไม่มีผลกระทบต่อเนื้อหาแต่อย่างใด