หลังจากที่พูดกับอีกฝ่ายได้หลายนาที จางซิวยิงก็ยืนขึ้นและเดินไปยังห้องที่ห่างออกไปไม่กี่เมตรและเปิดประตู
กลิ่นหอมลอยมาจากห้องนั้น กลิ่นนั้นติดตัวจางซิวยิงอยู่เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องนอนของเธอเอง
“ซูหยางท่านคงมิได้มาที่นี่เพียงเพื่อแค่พูดเล่นเป็นเพื่อนข้าหรอกใช่ไหม”
แต่ทว่าซูหยางเพียงแค่ยักไหล่พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและกล่าวว่า “ใครจะรู้ บางที่ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อพูดก็เป็นได้”
“…”
จางซิวยิงมองดูเขาด้วยใบหน้าประหลาดใจ
เวลาถัดไป ซูหยางก็หัวเราะเบาๆ “ข้าเพียงแค่พูดเล่น แต่พวกเรามาทำอะไรที่นี่กันเถอะ”
เขาพลันคว้าแขนเธอและดึงเธอเข้ามาหา ก่อนที่จะพาเธอนอนลงบนโต๊ะ
“อา ท่านต้องการที่จะทำที่นี่รึ” จางซิวยิงอุทานด้วยเสียงตื่นตระหนก
“เจ้ามิต้องการรึ” ซูหยางกระซิบข้างหูเธอขณะที่นิ้วของเขาลูบไล้ไปยังต้นขา
จางซิวยิงสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจแผ่วเบาของเขาในหูของเธอและความรู้สึกเสียวซ่านก็คืบคลานขึ้นมาจากขาของเธอ
สองสามวินาทีให้หลัง เมื่อนิ้วของซูหยางเลื่อนมาถึงผ้าไหมที่ปกปิดกลีบดอกไม้ของจางซิวยิง เขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “โอ เมื่อไหร่กันที่เจ้าเปลี่ยนรสชาติ”
“ม-ไม่กี่วันก่อน” เธอตอบสนองด้วยใบหน้าที่บานสะพรั่งไปด้วยสีแดง
ซูหยางใช้นิ้วสองนิ้วดึงเชือกที่ใกล้กับต้นขาของเธอ จนทำให้ทั้งชิ้นนั้นหลวมหลุดออก
“ซูหยาง…”
จางซิวยิงพึมพัมชื่อเขาขณะที่มือของเขาย้านชายด้านล่างของชุดคลุมของเธอไปด้านข้างอย่างช้าๆ เผยให้เห็นกลีบดอกไม้ฉ่ำเยิ้ม
ซูหยางก็คลายชุดคลุมของตนเองเช่นกัน จนทำให้งูที่ซ่อนอยู่ภายในกางเกงของเขาปรากฏตัวออกมา
สองสามอึดใจถัดจากนั้น งูก็กลายร่างไปเป็นมังกรก่อนที่จะดำดิ่งเข้าไปในถ้ำเปียกแฉะที่อยู่ระหว่างขาของจางซิวยิง
“อาา…” จางซิวยิงครวญครางอย่างหลงไหลขณะที่ซูหยางขยับสะโพก
ในเวลาเดียวกันหลินเชาชางก็กำลังปิดปากเธอด้วยความตกใจอยู่ด้านนอกหลังจากที่เห็นการร่วมฝึกวิชาคู่ของพวกเขา
“โอ้สวรรค์ พวกเขาถึงกับทำกันในห้องนั่งเล่น” หลินเชาชางร่ำร้องในใจ ดวงตาของเธอเบิกโพลงราวกับจานรองถ้วยขณะที่เธอจ้องมองไปยังการฝึกวิชาของทั้งคู่ผ่านหน้าต่าง
แม้ว่าเธอต้องการที่จะหยุดดู แต่ก็เหมือนมีแรงที่มองไม่เห็นที่ไม่ยอมให้เธอหันหรือหลับตา ราวกับว่าเธอถูกบังคับให้ดู
แน่นอนว่าไม่มีใครที่บังคับเธอให้ดูแต่อย่างใด เพียงฉากนั้นมีมนต์สะกดอย่างไม่น่าเชื่อและหลินเชาชางก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดมอง
โชคของเธอยังดี พื้นที่บริเวณนั้นปกติไม่มีผู้คน ดังนั้นหลินเชาชางจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครอาจจะเห็นการกระทำอันไร้ยางอายของเธอโดยบังเอิญ
ชั่วขณะหลังจากนั้น ซูหยางก็อุ้มจางซิวยิงและพาเธอเข้าไปในห้องนอน ก่อนที่จะปิดประตู
ครั้นเมื่อพวกเขาไปแล้ว ในที่สุดหลินเชาชางก็สามารถที่จะกระพริบตาและหายใจได้เป็นปกติ
หลังจากที่หายใจได้ทันแล้ว เธอก็กลับไปยังที่พักของเธอเอง ที่ซึ่งเธอจะได้จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างต่อไป แต่ทว่าเธอไม่ได้จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าว่างเปล่าอีกในเมื่อในใจเธอเต็มไปด้วยฉากของซูหยางและจางซิวยิงร่วมฝึกวิชาคู่กัน
“ถ้าข้าไปหาเขา เขาจะทำอย่างเดียวกันกับข้างั้นรึ” เธอพึมพัมพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
สองสามชั่วโมงให้หลัง เธอก็สังเกตเห็นซูหยางกลับคืนมาจากที่พักของจางซิวยิง
“เขากลับมาแล้วรึ พวกเขาทำเช่นนี้มาโดยตลอดงั้นรึ” หลินเชาชางครุ่นคิดในใจ ไม่ว่าอย่างไรเธอคาดว่าเขาจะพักที่ที่พักของจางซิวยิงตลอดคืน
“หือ เจ้านั่งอยู่ที่นี่มาตลอดเลยรึ เจ้ามิเบื่อที่จะนั่งจ้องไปยังเมฆตลอดวันบ้างรึ” ซูหยางพลันถามเธอ
“ท-ทำไมเจ้าต้องสนใจด้วย มิใช่กงการธุระของเจ้าที่ข้าจะทำอะไร”
รอยยิ้มลึกลับปรากฏบนใบหน้าซูหยางขณะที่เขายักไหล่ “ถ้าเจ้าเบื่อปานนั้น เจ้าสามารถเคาะประตูห้องข้าได้เสมอ อย่าลืมว่าข้ามีวิธีมากมายที่จะสร้างความบันเทิงให้กับเจ้า”
“ฝันไปเถอะ ซูหยาง”
หลินเชาชางพูดเสียงดังก่อนที่จะปิดหน้าต่างและผ้าม่านจากนั้นเธอก็พยายามที่จะฝึกวิชา
ซูหยางเพียงแค่ส่ายหน้าและเข้าไปในที่พักไม่นานหลังจากนั้น
สองสามชั่วโมงให้หลัง หลินเชาชางก็ได้ยินใครบางคนหัวเราะด้านนอกอาคารของเธอ ซึ่งเป็นการรบกวนการฝึกของเธอ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะแอบมองดูผ่านผ้าม่าน
“ขอบคุณซูหยางสำหรับประสบการณ์ที่น่ามหัศจรรย์”
เด็กสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารักกล่าวกับเขาขณะที่เธอเดินออกมาจากอาคารของเขาด้วยการเคลื่อนไหวที่ไม่เสถียร
“ศิษย์น้องหญิงมิน”
หลินเชาชางงงงันเมื่อเห็นเพื่อนศิษย์ซึ่งก็เป็นศิษย์หลักเช่นกันออกมาจากที่พักของซูหยาง
เมื่อไหร่กันที่เธอเข้าไปในที่พักของซูหยางและนานเท่าไหร่แล้วที่เธออยู่ภายในนั้น และที่สำคัญที่สุดเธอทำอะไรภายในนั้นตั้งแต่แรก
ครั้นเมื่อซูหยางกลับเข้าไปภายในอาคารแล้วหลินเชาชางก็เปิดหน้าต่างและเรียกศิษย์น้องมินคนนี้
“ศิษย์น้องหญิงมิน เจ้ามาทำอะไรภายในอาคารของชายคนนั้นรึ” เธอถามอีกฝ่าย
“ศิษย์พี่หญิงหลิน…” ศิษย์มินทักทายเธออย่างลังเลก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างกังวล “ซ-ซูหยาง…เขาใจดีให้คำแนะนำในด้านการฝึกวิชา…”
“…”
หลินเชาชางมองดูอีกฝ่ายด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“เจ้ากล้าที่จะมองดูตาข้าและกล่าวซ้ำคำพูดนั้นอีกครั้งหรือไม่” เธอร่ำร้องในใจ
ศิษย์มินคนนี้เห็นได้ชัดว่าโกหกต่อหน้าเธอ
ใครก็สามารถจินตนาการได้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในบ้านหลังนั้นเมื่อหญิงสาวออกมาจากนั่นในขณะที่ทำท่าทางกระวนกระวายและเป็นกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าซูหยางพักอยู่ในบ้านหลังนั้น
“อ-อย่างงั้นรึ… ข้าหวังว่าเจ้าได้คงเรียนอะไรบางอย่างจากเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นอัจฉริยะในเขตอัมพรวิญญาณ” หลินเชาชางกล่าวพร้อมกับเค้นรอยยิ้มออกมา ทำท่าเหมือนกับว่าเธอไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
ศิษย์คนนั้นจากไปไม่นานหลังจากนั้น และหลินเชาชางก็ถอนหายใจ หวังว่าเธอจะไม่ต้องได้รับประสบการณ์อะไรแบบนี้อีก
แต่อนิจจาเหมือนกับว่าสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งเธอ ศิษย์หลักต่างพากันมาแสดงตัวเข้าเยี่ยมที่พักของซูหยางหลังจากนั้นและขัดขวางกระบวนการฝึกวิชาของเธอ