Dual Cultivation บทที่ 627 เยี่ยมตระกูลซี หลังจากที่เวลาหนึ่งชั่วโมงได้ผ่านพ้นไป นับตั้งแต่ซูหยางได้ให้เหล่าศิษย์วิ่งไปรอบๆนิกายเพื่อหาก้อนหินที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในค่ายกลอําพรางที่สามารถพบได้โดยบังเอิญเท่านั้น “ท่านผู้นํานิกาย ข้าได้พบหินก้อนหนึ่งแล้ว” ศิษย์อีกคนตรงเข้าไปหาเขาสองสามนาทีให้หลัง หลังจากที่ผ่านเวลาหนึ่งชั่วโมง “ให้ข้าดูก้อนหิน” ซูหยางพูดขณะที่เขามองไปยังหญิงสาวที่มีหน้าตาสง่างามตรงหน้าเขา ศิษย์คนนั้นพยักหน้าและยื่นส่งหินให้กับเขา ครั้นเมื่อเขาเห็นชื่อของตนเองบนหินก้อนนั้น เขาก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้ามีเวลาหนึ่งชั่วโมงในการเตรียมตัวออกเดินทาง กลับมาในเวลานั้น” “เจ้าค่ะท่านผู้นํานิกาย” ศิษย์นั้นพยักหน้าก่อนที่จะจากไปพ้นบริเวณนั้น “เหลืออีกหนึ่งรี..” ซูหยางพึมพัมกับตัวเองก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้งนิ่งเงียบรอศิษย์คนสุดท้ายปรากฏตัว อย่างไรก็ตามไม่มีใครมาหาเขาอีกแม้ว่าจะรอคอยผ่านไปถึงสามสิบนาที “การค้นหาเป็นอย่างไรบ้าง มีศิษย์มากแค่ไหนที่พบก้อนหิน” โหลวหลานจีถามเขาหลังจากที่กลับมายังข้างกายเขาในเวลาต่อมา “สอง” เขาตอบอย่างเยือกเย็น “เพียงแค่สองเอง พวกเขาเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ “มิถึงสิบนาที” เขากล่าว หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ โหลวหลานจีก็ถามเขา “เจ้าจะพาศิษย์เพียงแค่คนที่พบก้อนหินไปยังตระกูลชีรี มันจะเป็นการสูญเสียถ้ามิใช้ทั้งสามตําแหน่ง “อย่ากังวล ย่อมมีมีตําแหน่งว่างถึงแม้ว่าหินก้อนสุดท้ายจะมีถูกค้นพบ” เขากล่าวกับเธอด้วยใบหน้าสงบ “ใครกันที่เจ้าวางแผนที่จะพาไปด้วย” เธอถามเขาด้วยความสนใจ “คนที่สามารถได้รับประโยชน์จากสระสวรรค์อย่างเต็มที่” เขาตอบผ่านๆ “อะไรนะ ถ้ามีคนแบบนี้ ทําไมเจ้าจึงทําอะไรเช่นนี้ด้วย” ตอนนี้โหลวหลานจีรู้สึกสงสัยกับการกระทําของเขา “แม้ว่านี้อาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่สําหรับเธอ แต่จริงๆแล้วเธอก็มิได้ต้องการมันเท่าไหร่นัก ก็เหมือนกับการป้อนอาหารหมูอ้วนให้มากกว่าเดิม” “ข้าก็ยังมเข้าใจ…” โหลวหลานจีแอบส่ายหน้า สิบนาที่ผ่านไปราวกับกระพริบตา และก็ไม่มีใครอีกที่เข้าไปหาซูหยางกับหินก้อนสุดท้ายในช่วงเวลานี้ “พวกเจ้าทุกคนสามารถหยุดค้นหาหินก้อนสุดท้ายได้แล้วตอนนี้” ซูหยางนําเอาป้ายสื่อสารออกมาพูดกับเหล่าศิษย์ “สองชั่วโมงได้ผ่านพ้นไปแล้ว และก็ดูเหมือนว่าจะมีเพียงพวกเจ้าสองคนเท่านั้นที่มีวาสนาที่จะได้ฝึกในสระสวรรค์ ช่างโชคร้าย แต่ยุทธภพก็ต้องการโชคมากกว่าที่เจ้าคาดคิด” เมื่อเหล่าศิษย์ที่ไม่ได้พบก้อนหินได้ยินคําพูดของซูหยาง พวกเขาทั้งหมดก็พากันถอนหายใจด้วยสีหน้าท้อแท้ก่อนที่จะกลับคืนไปยังบ้านด้วยความกลิ่นอายความพ่ายแพ้รายล้อมตัว ในเวลานั้น ศิษย์หญิงสองคนที่พบก้อนหินก็ได้กลับคืนมายังข้างกายซูหยางด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข “ทั้งสองคนนี้กลายเป็นศิษย์หญิงรี” โหลวหลานจีเลิกคิ้วหลังจากที่เห็นสาวสวยสองคนนั้น และเธอก็คิดสงสัยว่าซูหยางได้จัดการเรื่องนี้โดยเจตนาเพียงเพื่อที่จะให้สองคนนี้ได้มีโอกาสได้ฝึกฝนในสระสวรรค์ แต่ทว่า หลังจากที่คิดเรื่องตัวตนของซูหยางแล้ว ดูเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะทําอะไรแบบนี้ ดังนั้นโหลวหลานจีจึงตัดสินใจที่จะคิดว่านี่เป็นเหตุบังเอิญโดยสมบูรณ์ “พวกเจ้าสองคนพร้อมที่จะไปแล้วรี” ซูหยางถามศิษย์ทั้งสองคน “เจ้าค่ะ ท่านผู้นํานิกาย” พวกเธอทั้งสองต่างพากันพยักหน้า ศิษย์ที่มีใบหน้าน่ารักน่าชังนั้นอยู่ในแผนกฝึกคู่ในขณะที่ศิษย์อีกคนหนึ่งที่มีบรรยากาศงามสง่านั้นอยู่ในแผนกฝึกแบบปกติ “เช่นนั้นพวกเราก็ไปตระกูลซีกัน” จากนั้นซูหยางก็โยนเรือบินขึ้นไปบนอากาศและกระโดดขึ้นไปบนนั้น “พวกเจ้ารออะไรกัน ขึ้นมาบนเรือ” เขากล่าวกับพวกเธอเมื่อพวกเธอยังคงยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้างงงัน ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่พวกเธอจะได้โดยสารไปบนยานบิน สองสามอึดใจให้หลัง ครั้นเมื่อพวกเธอขึ้นไปบนเรือบินเรียบร้อยแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับพวกเธอว่า “เกาะข้าให้แน่นนะ” ศิษย์พยักหน้าและจับเสื้อเขาไว้ในขณะที่โหลวหลานจีได้กอดเขาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ครั้นเมื่อพวกเธอเตรียมตัวพร้อมแล้ว ซูหยางก็สั่งให้ยานบินทะยานไปยังเมืองหิมะโปรย “อ้าาาาาาา” เหล่าศิษย์กรีดร้องสุดเสียงเมื่อพวกเธอประสบกับความเร็วน่าเหลือเชื่อของเรือบิน สีหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความกลัว และพวกเธอพลันกอดซูหยางไว้แน่น ส่วนสําหรับโหลวหลานจีนั้น แม้ว่าเธอไม่ได้กรีดร้องเหมือนกับเหล่าศิษย์ แต่เธอก็กอดซูหยางไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีเช่นเดียวกัน กลัวว่าเธออาจจะตกไปจากยานบินโดยไม่ตั้งใจ สองสามนาทีสยองขวัญให้หลัง ยานบินก็หยุดเคลื่อนไหวครั้นเมื่อพวกเขาไปถึงบ้านตระกูลซี “พวกเจ้าสามารถปล่อยมือได้แล้วตอนนี้” ซูหยางกล่าวกับสามสาวที่ยังไม่ตระหนักว่าพวกเขาได้มาถึงเป้าหมายและยังคงกอดเขาไว้เหมือนกับหมีโคอาล่าเกาะต้นไม้ “พ-พวกเรามาถึงแล้วรี” โหลวหลานจีมองลงไปยังเบื้องล่างพวกเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตระหนก “ใช่ ดังนั้นเจ้าสามารถหยุดรัดข้าให้ตายได้แล้วตอนนี้” เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “อ-โอ.. ข่าขอโทษ..” โหลวหลานจีรีบคลายล็อกตายจากตัวเขา เหล่าศิษย์ก็ขอโทษเขาเช่นกันหลังจากนั้น “เราลงไปข้างล่างกันเถอะ” เขากล่าวกับพวกเธอหลังจากนั้น ในเวลานั้น ภายในบ้านตระกูลซี เจ้าซีก็กําลังฝึกฝนอยู่อย่างเงียบๆภายในห้องขณะที่มีเสียงดังขึ้นมาภายในห้องนั้น ปลุกเขาให้ตื่นขึ้น “ตื่นได้แล้ว ซูหยางมาที่นี่แล้ว” เสียงของซีหวังระเบิดออก “พ-พ่อ ท่านหมายความว่าอย่างไรที่เขาอยู่ที่นี่แล้ว เราเพิ่งส่งจดหมายไปไม่นานนี้เอง” เจ้าซีตะโกนด้วยเสียงหงุดหงิด “ข้าพูดไม่ชัดหรืออย่างไร รีบไปทักทายเขา ข้าจักไปที่นั่นในเวลามินานนัก” เสียงของซีหวังดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงมีความหงุดหงิดมากกว่าเจ้าซีเสียอีก “ข-ขอรับท่านพ่อ…” เมื่อได้ยินเสียงโกรธของพ่อของตนเอง เจ้าซีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดการฝึกฝีมือ เพื่อไปทักทายซูหยาง ในเวลาต่อมา เจ้าซีก็เปิดประตูหน้าเพื่อพบเห็นโหลวหลานจีกับอีกสองสาวที่มากับเธอ แต่อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้อยู่ที่นั่นกับพวกเธอ “ซูหยางไปไหน” เขาถามพวกเธอ “โหลวหลานจีคํานับท่านเจ้า” เธอรีบคํานับเขา ในเมื่อเธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันเช่นนี้ “ซูหยางได้กลับไปที่นิกายเพื่อนําศิษย์คนที่สามกลับมาที่นี่และควรจะกลับมาที่นี่ในเวลาไม่นาน” จากนั้นเธอก็ได้อธิบายให้เขาฟัง
Dual Cultivation บทที่ 627 เยี่ยมตระกูลซี
หลังจากที่เวลาหนึ่งชั่วโมงได้ผ่านพ้นไป นับตั้งแต่ซูหยางได้ให้เหล่าศิษย์วิ่งไปรอบๆนิกายเพื่อหาก้อนหินที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในค่ายกลอําพรางที่สามารถพบได้โดยบังเอิญเท่านั้น
“ท่านผู้นํานิกาย ข้าได้พบหินก้อนหนึ่งแล้ว” ศิษย์อีกคนตรงเข้าไปหาเขาสองสามนาทีให้หลัง หลังจากที่ผ่านเวลาหนึ่งชั่วโมง
“ให้ข้าดูก้อนหิน” ซูหยางพูดขณะที่เขามองไปยังหญิงสาวที่มีหน้าตาสง่างามตรงหน้าเขา
ศิษย์คนนั้นพยักหน้าและยื่นส่งหินให้กับเขา
ครั้นเมื่อเขาเห็นชื่อของตนเองบนหินก้อนนั้น เขาก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้ามีเวลาหนึ่งชั่วโมงในการเตรียมตัวออกเดินทาง กลับมาในเวลานั้น”
“เจ้าค่ะท่านผู้นํานิกาย” ศิษย์นั้นพยักหน้าก่อนที่จะจากไปพ้นบริเวณนั้น
“เหลืออีกหนึ่งรี..” ซูหยางพึมพัมกับตัวเองก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้งนิ่งเงียบรอศิษย์คนสุดท้ายปรากฏตัว
อย่างไรก็ตามไม่มีใครมาหาเขาอีกแม้ว่าจะรอคอยผ่านไปถึงสามสิบนาที
“การค้นหาเป็นอย่างไรบ้าง มีศิษย์มากแค่ไหนที่พบก้อนหิน” โหลวหลานจีถามเขาหลังจากที่กลับมายังข้างกายเขาในเวลาต่อมา
“สอง” เขาตอบอย่างเยือกเย็น
“เพียงแค่สองเอง พวกเขาเหลือเวลาอีกเท่าไหร่
“มิถึงสิบนาที” เขากล่าว
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ โหลวหลานจีก็ถามเขา “เจ้าจะพาศิษย์เพียงแค่คนที่พบก้อนหินไปยังตระกูลชีรี มันจะเป็นการสูญเสียถ้ามิใช้ทั้งสามตําแหน่ง
“อย่ากังวล ย่อมมีมีตําแหน่งว่างถึงแม้ว่าหินก้อนสุดท้ายจะมีถูกค้นพบ” เขากล่าวกับเธอด้วยใบหน้าสงบ
“ใครกันที่เจ้าวางแผนที่จะพาไปด้วย” เธอถามเขาด้วยความสนใจ
“คนที่สามารถได้รับประโยชน์จากสระสวรรค์อย่างเต็มที่” เขาตอบผ่านๆ
“อะไรนะ ถ้ามีคนแบบนี้ ทําไมเจ้าจึงทําอะไรเช่นนี้ด้วย” ตอนนี้โหลวหลานจีรู้สึกสงสัยกับการกระทําของเขา
“แม้ว่านี้อาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่สําหรับเธอ แต่จริงๆแล้วเธอก็มิได้ต้องการมันเท่าไหร่นัก ก็เหมือนกับการป้อนอาหารหมูอ้วนให้มากกว่าเดิม”
“ข้าก็ยังมเข้าใจ…” โหลวหลานจีแอบส่ายหน้า
สิบนาที่ผ่านไปราวกับกระพริบตา และก็ไม่มีใครอีกที่เข้าไปหาซูหยางกับหินก้อนสุดท้ายในช่วงเวลานี้
“พวกเจ้าทุกคนสามารถหยุดค้นหาหินก้อนสุดท้ายได้แล้วตอนนี้” ซูหยางนําเอาป้ายสื่อสารออกมาพูดกับเหล่าศิษย์ “สองชั่วโมงได้ผ่านพ้นไปแล้ว และก็ดูเหมือนว่าจะมีเพียงพวกเจ้าสองคนเท่านั้นที่มีวาสนาที่จะได้ฝึกในสระสวรรค์ ช่างโชคร้าย แต่ยุทธภพก็ต้องการโชคมากกว่าที่เจ้าคาดคิด”
เมื่อเหล่าศิษย์ที่ไม่ได้พบก้อนหินได้ยินคําพูดของซูหยาง พวกเขาทั้งหมดก็พากันถอนหายใจด้วยสีหน้าท้อแท้ก่อนที่จะกลับคืนไปยังบ้านด้วยความกลิ่นอายความพ่ายแพ้รายล้อมตัว
ในเวลานั้น ศิษย์หญิงสองคนที่พบก้อนหินก็ได้กลับคืนมายังข้างกายซูหยางด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
“ทั้งสองคนนี้กลายเป็นศิษย์หญิงรี” โหลวหลานจีเลิกคิ้วหลังจากที่เห็นสาวสวยสองคนนั้น และเธอก็คิดสงสัยว่าซูหยางได้จัดการเรื่องนี้โดยเจตนาเพียงเพื่อที่จะให้สองคนนี้ได้มีโอกาสได้ฝึกฝนในสระสวรรค์ แต่ทว่า หลังจากที่คิดเรื่องตัวตนของซูหยางแล้ว ดูเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะทําอะไรแบบนี้ ดังนั้นโหลวหลานจีจึงตัดสินใจที่จะคิดว่านี่เป็นเหตุบังเอิญโดยสมบูรณ์
“พวกเจ้าสองคนพร้อมที่จะไปแล้วรี” ซูหยางถามศิษย์ทั้งสองคน
“เจ้าค่ะ ท่านผู้นํานิกาย” พวกเธอทั้งสองต่างพากันพยักหน้า
ศิษย์ที่มีใบหน้าน่ารักน่าชังนั้นอยู่ในแผนกฝึกคู่ในขณะที่ศิษย์อีกคนหนึ่งที่มีบรรยากาศงามสง่านั้นอยู่ในแผนกฝึกแบบปกติ
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปตระกูลซีกัน” จากนั้นซูหยางก็โยนเรือบินขึ้นไปบนอากาศและกระโดดขึ้นไปบนนั้น
“พวกเจ้ารออะไรกัน ขึ้นมาบนเรือ” เขากล่าวกับพวกเธอเมื่อพวกเธอยังคงยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้างงงัน ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่พวกเธอจะได้โดยสารไปบนยานบิน
สองสามอึดใจให้หลัง ครั้นเมื่อพวกเธอขึ้นไปบนเรือบินเรียบร้อยแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับพวกเธอว่า “เกาะข้าให้แน่นนะ”
ศิษย์พยักหน้าและจับเสื้อเขาไว้ในขณะที่โหลวหลานจีได้กอดเขาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
ครั้นเมื่อพวกเธอเตรียมตัวพร้อมแล้ว ซูหยางก็สั่งให้ยานบินทะยานไปยังเมืองหิมะโปรย
“อ้าาาาาาา”
เหล่าศิษย์กรีดร้องสุดเสียงเมื่อพวกเธอประสบกับความเร็วน่าเหลือเชื่อของเรือบิน สีหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความกลัว และพวกเธอพลันกอดซูหยางไว้แน่น
ส่วนสําหรับโหลวหลานจีนั้น แม้ว่าเธอไม่ได้กรีดร้องเหมือนกับเหล่าศิษย์ แต่เธอก็กอดซูหยางไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีเช่นเดียวกัน กลัวว่าเธออาจจะตกไปจากยานบินโดยไม่ตั้งใจ
สองสามนาทีสยองขวัญให้หลัง ยานบินก็หยุดเคลื่อนไหวครั้นเมื่อพวกเขาไปถึงบ้านตระกูลซี
“พวกเจ้าสามารถปล่อยมือได้แล้วตอนนี้” ซูหยางกล่าวกับสามสาวที่ยังไม่ตระหนักว่าพวกเขาได้มาถึงเป้าหมายและยังคงกอดเขาไว้เหมือนกับหมีโคอาล่าเกาะต้นไม้
“พ-พวกเรามาถึงแล้วรี” โหลวหลานจีมองลงไปยังเบื้องล่างพวกเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตระหนก
“ใช่ ดังนั้นเจ้าสามารถหยุดรัดข้าให้ตายได้แล้วตอนนี้” เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“อ-โอ.. ข่าขอโทษ..” โหลวหลานจีรีบคลายล็อกตายจากตัวเขา
เหล่าศิษย์ก็ขอโทษเขาเช่นกันหลังจากนั้น
“เราลงไปข้างล่างกันเถอะ” เขากล่าวกับพวกเธอหลังจากนั้น
ในเวลานั้น ภายในบ้านตระกูลซี เจ้าซีก็กําลังฝึกฝนอยู่อย่างเงียบๆภายในห้องขณะที่มีเสียงดังขึ้นมาภายในห้องนั้น ปลุกเขาให้ตื่นขึ้น
“ตื่นได้แล้ว ซูหยางมาที่นี่แล้ว” เสียงของซีหวังระเบิดออก
“พ-พ่อ ท่านหมายความว่าอย่างไรที่เขาอยู่ที่นี่แล้ว เราเพิ่งส่งจดหมายไปไม่นานนี้เอง” เจ้าซีตะโกนด้วยเสียงหงุดหงิด
“ข้าพูดไม่ชัดหรืออย่างไร รีบไปทักทายเขา ข้าจักไปที่นั่นในเวลามินานนัก” เสียงของซีหวังดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงมีความหงุดหงิดมากกว่าเจ้าซีเสียอีก
“ข-ขอรับท่านพ่อ…” เมื่อได้ยินเสียงโกรธของพ่อของตนเอง เจ้าซีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดการฝึกฝีมือ เพื่อไปทักทายซูหยาง
ในเวลาต่อมา เจ้าซีก็เปิดประตูหน้าเพื่อพบเห็นโหลวหลานจีกับอีกสองสาวที่มากับเธอ แต่อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้อยู่ที่นั่นกับพวกเธอ
“ซูหยางไปไหน” เขาถามพวกเธอ
“โหลวหลานจีคํานับท่านเจ้า” เธอรีบคํานับเขา ในเมื่อเธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันเช่นนี้
“ซูหยางได้กลับไปที่นิกายเพื่อนําศิษย์คนที่สามกลับมาที่นี่และควรจะกลับมาที่นี่ในเวลาไม่นาน” จากนั้นเธอก็ได้อธิบายให้เขาฟัง