Dual Cultivation บทที่ 635 เป็นพันธมิตรกับตระกูลซี
ทั่วทั้งสถานที่นั้นเงียบลงหลังจากค่าถามของเจ้าซีที่มีต่อซูหยาง และตระกูลซีก็จ้องมองเขาราวกับว่าพวกเขาต้องการจะกินเขาทั้งเป็น
“ถ้าเจ้ารู้คําตอบแล้วทําไมเจ้าถึงยังต้องถาม” ซูหยางพูดในเวลาต่อมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เผื่อในกรณีที่เจ้าได้ตัดสินใจที่เกินความคาดหมายและทําให้ข้าประหลาดใจ แม้ว่าโอกาสนั้นอาจแทบมิมีอยู่ก็ตาม”
“ข้าเข้าใจ…”ซูหยางพยักหน้าช้าๆ จากนั้นเขาก็ตอบด้วยน้ําเสียงที่ชัดเจนหลังจากนั้น “ข้าปฏิเสธ”
รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าชี้หลังจากได้ยินคําพูดของเขา แม้ว่าเขาจะคาดหวังที่จะได้รับคําตอบนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังทําให้เขาตะลึงงันกับการที่มีคนบางคนปฏิเสธข้อเสนอของเขาขึ้นมาจริงๆ ตามความเป็นจริง ซูหยางก็เป็นคนแรกที่ปฏิเสธข้อเสนอของเขา นับว่าเป็นแบบอย่าง
“เจ้าคงรู้เหตุผลอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่เจ้าไม่…” ซูหยางกระแอมในลําคอก่อนที่จะพูดต่อ “ด้วยการยอมรับข้อเสนอของเจ้านกายกุสุมาลย์พันพิสัยก็เหมือนกําลังยอมรับกับโลกว่าเราจะลดตัวเองลงต่อหน้าเจ้าตระกูลซี และ กลายเป็นเพียงหนึ่งในกองกําลัง ของเจ้าเช่นเดียวกับสํานักระดับสูงอื่นๆ ซึ่งข้าจะไม่ปล่อยให้นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกลายเป็นเพียงขี้ข้าของใครคนใดคนหนึ่ง”
“นิกายกุสุมาลย์พันพิสัยจะเติบโตต่อไปและในที่สุดมันก็จะกลายเป็นหนึ่งในกองกําลังที่ทรงอํานาจที่สุดในโลก”
เจ้าจ้องมองไปที่ซูหยางด้วยสีหน้าจริงจังและพูดว่า “เป้าหมายของเจ้าคืออะไร ทําไมเจ้าถึงต้องการให้นิกายกุสุมาลย์พันพิสัยมีอานาจมากมายเช่นนั้น เจ้าจะได้อะไรจากสิ่งนั้น”
“เป้าหมายของข้านะ ข้าไม่มีเลยแม้สักเพียงหนึ่ง และข้าก็มิได้คาดหวังว่าจะได้อะไรตอบแทนจากความพยายามของข้า ด้วยเหตุใดข้าจึงต้องการให้นิกายกุสุมาลย์พันพิสัยมีอํานาจมากขนาดนี้… นี่มิใช่ความรับผิดชอบของเจ้าสํานักหรอกในการเสริมความแข็งแกร่งขยาย และสร้างชื่อให้กับสํานักของตัวเอง มิใช่ว่าทุกคนที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสํานักของตนเอง ข้ามิได้รับตําแหน่งผู้นํานิกายเพียงเพื่อโอ้อวด ก็เหมือนกับเจ้าสํานักทั่วไป ข้าจะทําทุกอย่างด้วยพลังอํานาจของข้าเพื่อปรับปรุงนิกายของข้า อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างอย่างหนึ่งระหว่างข้ากับคนอื่น ข้ามีความสามารถที่จะทําให้นิกายกุสุมาลย์พันพิสัยยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของโลกนี้ได้ และ นั่นคือสิ่งที่ข้าตั้งใจจะทํา”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งซูหยางก็พูดต่อไปว่า “มิจําเป็นต้องทาหน้าน่ากลัวเช่นนั้น แม้ว่านิกายกุสุมาลย์พ่นพิสัยจะมีชะตาที่เหนือกว่าตระกูลซีในทุกๆด้าน เจ้าก็มิต้องกังวลว่าเราจะยึดครองตําแหน่งผู้ปกครองของทวีปตะวันออกของตระกูลของเจ้าไป”
“แล้วข้าควรจะเชื่อคําพูดของเจ้ารึ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะมทําสิ่งที่ตรงกันข้ามกันในอนาคต” เจ้าซี ถามเขาพร้อมขมวดคิ้ว
“เจ้าจะไม่รู้” ซูหยางยักไหล่ “อย่างไรก็ตามมิใช่ว่านิกายกุสุมาลย์พันพิสัยจะยังมิมีสิ่งที่จะยึดครองโลกทั้งใบ ถ้าข้าสนใจในเรื่องการปกครองทวีปตะวันออกข้าก็คงทําไปนานแล้ว”
“….”
เจ้าไม่ได้เปิดปากของเขาอีกเลยหลังจากที่ซูหยางพูดจบประโยคสุดท้าย แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อเป็นสักขีพยานในพลังอํานาจของซูหยางเมื่ออีกฝ่ายได้ต่อสู้กับเจ้าสํานักทอง แต่เขาก็รู้ดีว่าซูหยางมีความสามารถในการแทนที่เขาอยู่แล้ว เพราะหวังพ่อของเขาบอกเขามานานแล้วเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซูหยางและถ้าอีกฝ่ายต้องการอย่างแท้จริงซูหยางสามารถทําลายตระกูลชี้ได้อย่างง่ายดาย
“อย่าเพิ่งรุ่มร้อนกันเกินไปหลังอาหารเช้านะ พวกเจ้าสองคน” ซีหวัง เป็นคนแรกที่ทําลายความเงียบที่น่าอึดอัด เขามองไปที่ซูหยางและพูดว่า “เรารู้แล้วว่าเจ้ามีความสามารถในการปกครองทวีปตะวันออก ก่อนที่ข้าจะได้เห็นการต่อสู้ของเจ้ากับจอมยุทธจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นเราก็ยังเชื่อใจเจ้า มิเช่นนี้เราคงมิได้นั่งอยู่ที่นี่อย่างสงบ”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “ตราบใดที่ท่านมิได้สร้างปัญหาให้กับนิกายกุสุมาลย์พันพิสัยของข้าหรือแปะ จมูกของเจ้าในที่ที่มันมีสมควรจะอยู่ เราก็จะเก็บมือของเราไว้กับตัวเองและดําเนินการเฉพาะในพื้นที่ของเรา เท่านั้น ถ้าเจ้ายังคงเป็นกังวล ข้าก็สามารถที่จะเซ็นสัญญาหรือแม้แต่สนธิสัญญาสันติภาพก็ได้”
“….”
ซีหวังและเจ้าซีสบสายตากัน พวกเขาชอบความคิดของซูหยางในการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ
อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะได้เปิดปาก ซีซิงฟางก็พูดขึ้นก่อนว่า “แทนที่จะเป็นสนธิสัญญาสันติภาพที่ทําให้ดูเหมือนว่าเราเป็นศัตรูกันมาจนถึงจุดหนึ่งแล้ว ทําไมเราไม่ก่อตั้งพันธมิตรร่วมกันล่ะ นิกายกุสุมาลย์พันพิสัยได้จัดตั้งพันธมิตรกับนิกายดอกบัวเพลิงและสํานักหงส์สวรรค์ด้วยวิธีนี้นิกายกุสุมาลย์พันพิสัยก็จะไม่อยู่เหนือหรือต่ํากว่าเราและเราก็จะอยู่อย่างเท่าเทียมกัน”
“พันธมิตร ข้าก็ทําเช่นนั้นได้” ซูหยางพยักหน้า
“ท่านคิดว่าอย่างไรท่านปู่ท่านยินดีที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับซูหยาง นิกายกุสุมาลย์พันพิสัยหรือไม่” ซีซิงฟาง เข้าควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดและถามพวกเขาราวกับว่าเธอเป็นผู้รับผิดชอบ
“ต-ตกลง…”คนทั้งคู่พยักหน้าพร้อมกันดูเหมือนจะตะลึงกับการกระทําของเธอ
“เช่นนั้นก็ตัดสินใจตามนั้น ซูหยาง ตระกูลซีของเรายินดีที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พันพิสัยของท่าน” เธอกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เราจะประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้หลังจากที่ท่านกลับไปที่นิกายกุสุมาลย์พันพิสัย เนื่องจากจะเป็นปัญหายุ่งยากหากเราถูกรุมเร้าด้วยคําถามจากสาธารณชนเมื่อตอนที่เรากําลังยุ่งกับแผนกของเราในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้”
“นั่นมิมีปัญหา” ซูหยางพยักหน้าอย่างใจเย็น
ดังนั้นนิกายกุสุมาลย์พันพิสัยและตระกูลซี จึงได้จัดตั้งพันธมิตรร่วมกัน ถือว่าเป็นแบบอย่างเนื่องจากเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ตระกูลซีได้จัดตั้งพันธมิตรกับกองกําลังอื่นซึ่งจะทําให้ทวีปตะวันออกตกตะลึงอย่างมากหากข่าวเริ่มต้นแพร่กระจายออกไป