DC บทที่ 235: งานจากผู้นำนิกาย
หลังจากที่ซูหยางและซุนจิงจิงจากคลังมุกพิสุทธิ์แล้ว ผู้อาวุโสเจ้าก็ตรงไปยังศาลาหยินหยางเพื่อพบกับโหลวหลานจีสืบเนื่องมาจากน้ำมันรัญจวน
“ซูหยางให้เจ้ามารึ” โหลวหลานจีตรวจสอบดูขวดแก้วในมือเธออย่างใกล้ชิดด้วยท่าทางเคร่งเครียด
ทุกสิ่งที่มีซูหยางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำให้เธอต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ใครจะรู้ว่าคนที่คาดเดาไม่ได้อย่างเขาจะทำอะไรต่อไป
“ใช่แล้ว” ผู้อาวุโสเจ้าพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “มันถูกทดสอบแล้วโดยหลานสาวของผู้อาวุโสซุน ซุนจิงจิง และเธอได้ตัดสินว่ามันมีประสิทธิภาพอย่างต่ำสามเท่าของโอสถหยินพิสุทธิ์”
โหลวหลานจีไม่ได้กล่าวอะไรไปชั่วขณะ เธอจุ่มนิ้วของเธอเข้าไปในน้ำมันที่ลื่นไหล และต่อหน้าผู้อาวุโสเจ้า เธอทำการลูบมันเข้ากับตนเองภายใต้ชุดคลุมของเธอ
“…”
ผู้อาวุโสเจ้าแอบถอนหายใจแต่ไม่ได้กล่าวว่าอย่างไร ได้แต่หลับตาลง
ไม่นานหลังจากนั้น โหลวหลานจีก็กล่าวขึ้นว่า “นี่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ถ้าเราสามารถจำแนกได้ว่าสิ่งนี้สร้างขึ้นมาได้อย่างไรหรือว่ามันมาจากไหน มันต้องช่วยเพิ่มพลังอำนาจโดยรวมของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้อย่างมหาศาล”
ถ้าศิษย์หญิงภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้รับการเพิ่มปราณหยิน เช่นนั้นศิษย์ชายที่ฝึกร่วมกับพวกเธอก็จะพัฒนาขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเธอจะตื่นเต้นเพียงใดก็ตาม โหลวหลานจีก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีจนเกินไปนัก ในเมื่อใครจะรู้ว่าพวกเธอจะได้น้ำมันรัญจวนนี้ต่อไปในอนาคตหรือไม่
“ซูหยางได้บอกแก่ท่านว่าเขาได้รับสิ่งนี้มาจากไหนหรือไม่” เธอถามผู้อาวุโสเจ้า
เขาพลันส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่เจ้าเด็กเลวนั่นหยาบคายอย่างแท้จริง ทั้งยังปฏิเสธที่จะพูดอะไรออกมา ไม่แม่แต่จะบอกใบ้”
“อย่างนั้นรึ…” โหลวหลานจีถอนหายใจ อย่าว่าแต่เขาเลย กระทั่งเธอในฐานะผู้นำนิกายยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับคนแบบซูหยางให้เหมาะสมได้อย่างไร
“อย่างไรก็ตามนั่นก็ยังอาจจะมีเบาะแส…” ผู้อาวุโสเจ้าพลันกล่าวขึ้น
“ว่าต่อไป”
“นอกจากน้ำมันรัญจวนแล้ว เขาก็ยังนำเอารายการวัตถุดิบออกมาด้วย ใช้จ่ายถึงสองพันแต้มนิกายโดยไม่มีความลังเลหลังจากที่ขายน้ำมันรัญจวน ถ้าให้ข้าเดา รายการนั่นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้ำมันรัญจวน อาจจะเป็นตำรับยาก็ได้”
ดวงตาของโหลวหลานจีเปล่งประกายเมื่อเธอได้ยินคำของผู้อาวุโสเจ้า “ท่านจดจำวัถถุดิบทุกอย่างที่อยู่ในรายการนั้นได้รึ” เธอถามเขา
“ข้าจำได้”
“ดีสัส” โหลวหลานจีก่นด่าด้วยความตื่นเต้น เกือบระเบิดเสียงหัวเราะใส่ซูหยางที่ประเมินความฉลาดของพวกเขาต่ำไป
อย่างไรก็ตามพวกเขาจะรู้สักนิดก็หาได้ไม่ว่าซูหยางได้ทำนายเหตุการณ์เช่นนั้นไว้แล้ว ถ้าจะกล่าวไปต่อให้พวกเขารู้ถึงวัตถุดิบที่ใช้ผลิตน้ำมันรัญจวน ถ้าพวกเขาไม่มีทั้งเคล็ดวิชาและฝีมือในการสร้างน้ำมันรัญจวน พวกเขาไม่มีวันที่จะสำเร็จไม่ว่าจะทดลองมากมายกี่ครั้งก็ตาม ด้วยเหตุนี้ซูหยางจึงไม่สนใจที่จะปล่อยให้พวกเขาได้เห็นรายการวัตถุดิบ
ผู้อาวุโสเจ้านึกถึงรายการวัตถุดิบจากความทรงจำของเขาและเขียนออกมาบนแผ่นกระดาษตามความต้องการของโหลวหลานจี
“นี่ ได้แล้ว” เขายื่นส่งให้กับเธอหลังจากที่เสร็จแล้ว
“นี่ค่อนข้างจะเป็นรายการที่ยาวนะ” โหลวหลานจีพูดหลังจากที่อ่านจนจบรายการวัตถุดิบ
“นั่นจึงทำให้รายการนี้ดูสมจริงมากขึ้น”
“ดีล่ะ” โหลวหลานจีพยักหน้า และกล่าวต่อว่า “แม้ว่าเรามิอาจผลิตยาได้ แต่ข้าก็ต้องการให้ตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัยศึกษารายการนี้และดูว่าพวกเขาพบอะไรใหม่บ้าง และเพราะว่าเรากำลังเกี่ยวข้องอยู่กับยาและสมุนไพร ดังนั้นข้าจึงต้องการให้ตำหนักโอสถได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย แบ่งน้ำมันรัญจวนให้พวกเธอบางส่วนเพื่อดูว่าพวกเธอสามารถบอกได้ว่ามันทำมาจากอะไร”
“ข้าเข้าใจ แต่..แล้วเขาล่ะ” ผู้อาวุโสเจ้าถาม
“เขา… ถ้าท่านหมายถึงซูหยาง ข้ามีธุระอื่นกับเขาอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจักไปพบเขาในเร็วๆนี้”
โหลวหลานจียังคงไม่ยกโทษให้กับการที่ซูหยางตบหน้าเธอขณะที่กำลังหลับอยู่ แม้ว่ามันจะทำให้เธอตื่น นั่นไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่าการตบหน้าสาวสวย มีแต่คนต่ำช้าเท่านั้นที่จะทำเช่นนั้น
ผู้อาวุโสเจ้าออกจากตำหนักหยินหยางหลังจากนั้นสองสามนาทีเพื่อทำงานที่ได้รับมอบจากโหลวหลานจีให้เสร็จ
แรกเริ่มเขาตรงไปยังตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัย ที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเม็ดยาทุกเม็ดในคลังมุกพิสุทธิ์
“ผู้นำนิกายได้มีงานให้กับตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัย” ผู้อาวุโสเจ้ากล่าวกับพวกเขาทันทีที่เขาเข้าไปในอาคาร
“ผู้อาวุโสเจ้า”
นักปรุงยาภายในนั้นทักทายเขา
“ผู้นำนิกายต้องการอะไรจากพวกเรารึ ตราบเท่าที่มันเกี่ยวข้องกับเม็ดยา ตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัยย่อมมิทำให้เธอผิดหวัง”
“โชคร้ายอยู่บ้าง มันไม่ใช่เม็ดยา” ผู้อาวุโสเจ้านำเอารายการออกมาและกล่าวว่า “ผู้นำนิกายต้องการที่จะรู้ว่มีตำรับยาใดบ้างที่ต้องการวัตถุดิบตามรายการนี้ ถ้ามิมีใครรู้ เธอก็ต้องการให้พวกเจ้าทำการวิจัยมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้”
ยามเมื่อผู้อาวุโสเจ้ายื่นส่งรายการวัตถุดิบให้กับพวกเขา บรรดานักปรุงยาในตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัยก็มารวมตัวกันเป็นวงกลมและเริ่มปรึกษาหารือ
หลังจากที่งานที่ตำหนักเม็ดยาพ้นพิสัยเสร็จแล้ว ผู้อาวุโสเจ้าก็ตรงไปยังตำหนักโอสถพร้อมกับขวดจิ๋วบรรจุน้ำมันรัญจวนในกระเป๋า
“ศิษย์น้อยคำนับผู้อาวุโสเจ้า”
บรรดาหญิงสาวที่ตำหนักโอสถพลันทักทายผู้อาวุโสเจ้าเมื่อเห็นเขา
“ผู้อาวุโสเจ้า” หลานลี่ชิงก็ทักทายเขาด้วยการโค้งคำนับอย่างอ่อนหวาน
ผู้อาวุโสเจ้าพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพราะว่าผู้นำนิกายได้มีงานให้กับตำหนักโอสถ”
“ผู้นำนิกายต้องการให้เราทำอะไรรึ” หลานลี่ชิงถาม
ผู้อาวุโสเจ้านำเองขวดเล็กบรรจุน้ำมันรัญจวนออกมาจากกระเป๋าและแสดงให้พวกเธอดู
“กลิ่นนี้…”
ไม่เพีงแค่หลานลี่ชิงแต่ศิษย์ทุกคนที่อยู่ในนั้นยกเว้นหนึ่งคนพลันสังเกตพบกลิ่นหอมหวานที่รายล้อมขวดแก้ว
แม้ว่าไม่มีใครในหมู่พวกเธอแสดงออกมาทางสีหน้า พวกเธอล้วนจดจำน้ำมันรัญจวนได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่างกายของพวกเธอได้อาบไล้ด้วยสารนี้เมื่อไม่นานมานี้
หลานลี่ชิงรู้สึกหวาดหวั่นในใจเมื่อเห็นน้ำมันรัญจวน ทำไมผู้อาวุโสเจ้าจึงให้พวกเธอดูน้ำมันรัญจวน และยิ่งไปกว่านั้นเขาได้สิ่งนี้มาจากไหน