Dungeon Defence – ตอนที่ 14

 

“……ใกล้เกินไปแล้วค่ะฝ่าบาท ช่วยถอยออกไปด้วย”

 

“อ๊ะ โทษที ๆ “

 

มีหลายครั้งหลายคราที่เรารู้สึกลำบากใจกับเรื่องที่ฝ่าบาทชอบเข้ามาใกล้ตัวเราเกินไป

 

หรือฝ่าบาทจะลืมไปแล้วว่าตัวเรานั้นเป็นเพียงชนชั้นจัณฑาล?

 

โชคยังดีที่เหล่าแม่มดนั้นไม่รู้สถานะทางชนชั้นของตัวเรา แต่ถึงจะไม่รู้ เรื่องที่เราผู้นี้ได้พูดกับฝ่าบาทแบบกระซิบกระซาบนั้นก็สามารถกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ง่าย ๆ เพราะจอมมารนั้นคือตัวแทนของความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจล่วงละเมิด สัญลักษณ์แห่งฐานันดรศักดิ์ที่ไม่อาจมีผู้เทียบเทียม ส่วนเราก็เป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การที่เราจะมีสิทธิ์พูดคุยกับฝ่าบาทแบบนี้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ตัวเราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าฝ่าบาทกำลังคิดอะไรอยู่……

 

เราถอนหายใจอีกครั้งและ— แย่ล่ะ เมื่อกี้นี้เป็นการถอนหายใจครั้งที่ 22 แล้วสินะ—

 

เรายืดตัวตรงจัดท่าทางตัวเองใหม่

 

“อย่าตัดสินแม่มดที่รูปร่างภายนอกค่ะฝ่าบาท เพราะทันทีที่แม่มดทำสัญญาผูกมัดชีวิตกับจอมมาร การเจริญเติบโตของพวกเธอก็จะหยุดลงไปตลอดกาลทันที ดังนั้น ยิ่งแม่มดคนนั้นมีรูปร่างภายนอกที่เยาว์วัยเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่าเธอมีความสามารถสูงส่งจนถูกเรียกตัวไปทำสัญญาตั้งแต่เด็กมากขึ้นเท่านั้น”

 

โฮ่

 

มันก็เป็นเช่นนี้เอง

 

ในโลกของเหล่าแม่มดนั้น ผู้ที่เด็กกว่าหาได้เคารพผู้ที่มีอายุมากกว่าไม่ แต่มันกลับกันโดยสิ้นเชิง ผู้ที่มีอายุมากกว่าต่างหากที่จะต้องเป็นคนเคารพผู้มีอายุน้อย มันเป็นโลกที่สมควรจะพูดว่า ‘จงเคารพผู้อ่อนวัย’ แทนการพูด ‘จงเคารพผู้สูงวัย’

 

สมาชิกของเหล่าพี่น้องเบอเบอรเรทุกคนต่างก็มีใบหน้าของเด็กสาว ซึ่งก็หมายความว่าทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นแม่มดที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น บนหน้าอกของแต่ละคนยังมีเหรียญตราใบไม้สามใบติดอยู่ ซึ่งใบไม่สามใบนี้คือสิ่งที่แสดงว่าพวกเธอแต่ละคนได้ผ่านสงครามในอดีตมาแล้วถึง 3 ครั้ง และถ้าคิดตามระบบการแบ่งชนชั้นระหว่างเผ่าพันธุ์โลกปีศาจแล้ว พวกเธอที่เป็นแม่มดก็คือพวกที่ส่งไปเป็นแนวหน้าของการต่อสู้บนอากาศที่ใคร ๆ ก็รู้ว่ามีอัตราการตายสูงที่สุด แต่กระนั้นพวกเธอก็ยังสามารถรอดมาได้ นี่คือหลักฐานที่แสดงว่าพวกเธอคือยอดฝีมือในเหล่ายอดฝีมือ

 

ในระหว่างที่เรากำลังสงสัยว่าเมื่อไหร่จะเตรียมการเสร็จอยู่นั้นเอง หัวหน้าของเหล่าแม่มดก็กระโดดดึ๋ง ๆ มาทางพวกเรา ทั้ง ๆ ที่เธอน่าจะมีอายุมากกว่าเราอย่างน้อย ๆ ก็ 200 ปีแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมเธอถึงได้ดูน่ารักได้ถึงขนาดนี้กันนะ…… มันช่างเป็นปริศนาที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้เสียจริง

 

“นายท่าน! นายท่านคะ! กรุณาเซ็นตรงนี้ด้วยค่ะ!”

 

หัวหน้าของเหล่าแม่มดยื่นกระดาษมาด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อม

 

“พวกเราเหล่าพี่น้องเบอเบอรเรถือคติเปิดเผยค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดแก่ลูกค้าของพวกเราก่อนเสมอ และไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น พวกเราก็จะไม่คิดเงินเพิ่มโดยเด็ดขาดค่ะ!”

 

เธอพูดด้วยท่าทางอกผายไหล่ผึ่งราวกับกำลังรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

 

“……”

 

แต่ในอีกด้านหนึ่ง สีหน้าของฝ่าบาทดันทาเลี่ยนที่กำลังก้มลงอ่านกระดาษใบนั้นกลับดำทะมึน

 

เรารู้สึกสงสัยว่าบนกระดาษแผ่นนั้นได้เขียนอะไรเอาไว้ถึงสามารถทำให้ฝ่าบาทกลายเป็นเช่นนี้ได้ เราเลยชะโงกมองข้ามไหล่ของฝ่าบาทไปดู

 

 

พี่น้องแม่มดเบอเบอรเร

 

พวกเราจะปฎิบัติต่อลูกค้าของเราเป็นอย่างดีและซื่อตรง

 

*ราคาร่ายเวทมนตร์ป้องกันลม: เพียง 2 เหรียญทอง

 

*ราคาร่ายเวทมนตร์ควบคุมอุณหภูมิ: เพียง 1 เหรียญทอง

 

*ราคาร่ายเวทมนตร์ป้องกันเสียง: จำนวนเงินเล็กน้อยเพียง 4 เหรียญเงิน

 

*ราคาขับขานบทเพลงอันงดงามและทิวทัศน์เวทมนตร์อันตระการตา: เพียง 1 เหรียญทอง

 

*ราคาค่าเหล้าไวน์น้ำผึ้งที่รสชาติร้อนแรงจนรู้สึกเหมือนข้างในร่างกายถูกแผดเผา: จำนวนเงินเล็กน้อยเพียง 2 เหรียญเงิน

 

*ราคาค่าผู้คุ้มกันในแต่ละครั้ง: เพียง 3 เหรียญทอง x 12 คน = 36 เหรียญทอง

 

 

หืม

 

แม้เราจะรู้สึกว่ามันแพงไปหน่อยแต่ก็อยู่ในขอบเขตที่สามารถยอมรับได้ ยังไงเสียพวกเราก็กำลังจ้างแม่มดที่มีเหรียญตราใบไม้สามใบถึง 12 คน ต่อให้ต้องจ่ายเงินมากนิดหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

 

“แหะแหะ พวกเราได้คำนวณราคาออกมาหลังจากที่ได้ตรวจสอบราคาของตลาดในปัจจุบันมาเป็นอย่างดีแล้วล่ะค่ะ”

 

หัวหน้าของเหล่าแม่มดยิ้มออกมาอย่างร่าเริง ดูท่าเธอเองก็คงจะมั่นใจในราคาที่เสนอออกมาเช่นกัน

 

“ทั้งหมดเป็นเงินจำนวน 41 เหรียญทอง และอีก 1 เหรียญเงิน และเนื่องในโอกาสที่พวกเราได้รับเกียรติให้มารับใช้นายท่านโดยตรงเช่นนี้ พวกเราจะทำการลดราคาโดยการตัดส่วนเกิน 1 เหรียญเงินนั้นออกไปให้เหลือเพียงแค่ 41 เหรียญทองเท่านั้น อะฮ้า เพียงเท่านี้ราคาค่าบริการของพวกเราก็ถูกจนเหมือนกับได้เปล่าเลยใช่ไหมล่ะคะ!”

 

“…………”

 

หือ?

 

มุมปากของฝ่าบาทนั้นบิดเกร็งขึ้นมา

 

แม้มันจะเล็กน้อยเสียจนมีแต่เราเท่านั้นที่สังเกตุเห็นก็เถอะ แต่เราก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

แน่นอนว่าคนที่เพิ่งจะทำเงินได้มากกว่า 50,000 เหรียญทองจากการขายยารักษาคงไม่งกกับเงินจำนวนเล็กน้อยแค่นี้หรอก อีกอย่าง เมื่อหลายวันก่อนฝ่าบาทเองก็เพิ่งจะผลาญเงินจำนวน 1,600 เหรียญทองไปกับแหวนไร้สาระด้วย……

 

“ช่วยรอประเดี๋ยวได้ไหม ข้ามีเรื่องบางเรื่องที่จะต้องปรึกษากับข้ารับใช้ของข้าก่อน”

 

ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนเดินออกห่างจากแม่มด และก้มหน้าลงเหมือนกับพยายามที่จะกระซิบข้างหูของเราอีกแล้ว แต่เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้วเราก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งเตือนฝ่าบาทอีกแล้วล่ะ

 

“มีอะไรหรือคะ ฝ่าบาท”

 

“ทำไมกะอีกแค่ยกไม้กวาดขึ้นมาแค่ครั้งเดียวถึงมีราคาตั้ง 41 เหรียญทองได้หา? นี่มันปล้นกัน นี่มันเป็นการปล้นกันชัด ๆ ! ”

 

เราผู้นี้ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

 

ไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าฝ่าบาทจะขี้เหนียวเรื่องเงินทองถึงขนาดนี้

 

“……ขออภัยด้วย แต่เราผู้นี้คิดว่าราคานี้เป็นราคาว่าจ้างที่เหมาะสมและถูกต้องแล้ว ฝ่าบาทกรุณาคิดถึงเรื่องที่นี่ไม่ใช่แค่ราคาค่าโดยสารเท่านั้น แต่ยังเป็นราคาค่าคนคุ้มกันอีกด้วย นอกจากนี้ ผู้คุ้มกันทั้ง 12 คนนั้นก็เป็นถึงแม่มดชาญศึก ถึงเกิดเหตุการณ์ที่พวกเราถูกพวกนอกกฎหมายโจมตีในระหว่างทางก็สามารถมั่นใจได้เลยว่า พวกเธอจะต้องขับไล่พวกที่มาโจมตีเรากลับไปได้อย่างแน่นอน”

 

“บัดซบ เงินทองที่ล้ำค่าราวกับหยาดโลหิตของข้า……”

 

ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนเปิดกระเป๋าเงินออกมาด้วยมือที่สั่นเทา

 

แปลกจริง

 

เราผู้นี้ถึงกับเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่จนต้องถามออกไป

 

“ฝ่าบาท ทำไมฝ่าบาทถึงต้องทำท่าทางเหมือนกัดฟันอดทนกับเหรียญทองจำนวนเพียงนี้ด้วย? ตอนนี้นอกจากพวกเราจะมี 50,000 ลิบราเก็บอยู่ในคลังสมบัติแล้ว ก็ยังเหลือสมุนไพรที่ยังไม่ได้ขายออกไปอีกถึง 25,000 สำรับ และตัวฝ่าบาทเองก็เพิ่งจะใช้เงินออกไป 1,600 เหรียญทองกับอะไรซักอย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้เองไม่ใช่หรือ”

 

“นี่เธอไม่เข้าใจจริง ๆ รึ?”

 

ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนจ้องเขม็งมองเราผู้นี้

 

เสียงของฝ่าบาทเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างที่สุด นี่ไม่ใช่น้ำเสียงแบบเดียวกับตอนที่ฝ่าบาททำตัวเป็นก้อนเนื้อขี้เกียจธรรมดา แต่นี่คือน้ำเสียงของฝ่าบาทในขณะที่กลายเป็นจอมวางแผนเหนือชั้นผู้เหี้ยมโหด

 

ตัวเรารู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที นี่เราพลาดอะไรไปอย่างนั้นหรือ?

 

และฝ่าบาทก็พูดออกมาว่า

 

“การที่เงินของข้ามันลดลงมันก็หมายถึงเวลาที่ข้าจะเอาแต่เล่นตามใจชอบโดยที่ไม่ต้องทำงานมันลดลงไม่ใช่หรือไง?”

 

“……เอ๋?”

 

ขออภัยค่ะ

 

ดูเหมือนเราจะได้ยินฝ่าบาทไม่ชัด

 

“ถ้าตอนนี้ข้ากลับไปในถ้ำแล้วเหวี่ยงอีเต้อทั้งวันล่ะก็ ข้าก็จะหาเงินมาได้ 1 เหรียญเงิน ซึ่งถ้าข้าต้องการที่จะหาเงินจำนวน 41 เหรียญทอง ข้าต้องทำงานขุดเหมือนถึง 205 วัน การเดินทางครั้งเดียวนี่มันเท่ากับเวลาตั้ง 205 วันที่ข้าจะใช้ชีวิตได้อย่างเรื่อยเปื่อยเชียวนะ!”

 

“……”

 

“เข้าใจแล้วหรือยังว่าทำไมข้าถึงทำตัวขี้เหนียว? ส่วนสาเหตุที่ข้าซื้อแหวนมาก็เพราะว่ามันช่วยทำให้ชีวิตข้ามันสะดวกสบายขึ้น ก็เลยจำใจกัดฟันจนน้ำตาแทบไหลเป็นสายเลือดซื้อมา เจ้าจะเอาการเดินทางรอบเดียวนี่ไปเทียบกับแหวนนั่นได้อย่างไรกัน!”

 

“……”

 

แม้จะเพียงชั่วพริบตา แต่ว่า

 

ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนในสายตาของเราก็กลายเป็นเหมือนกับตัวหนอนที่ไต่ขึ้นมาตามอาหารบูดเน่า

 

การที่เราตัดสินใจกลายมาเป็นข้ารับใช้ฝ่าบาทนี่เป็นความคิดที่ดีแล้วจริง ๆ หรือ?

 

เราชักจะสูญเสียความมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเราเองเสียแล้วสิ

 

Dungeon Defence

Dungeon Defence

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Dungeon Defenceคุณทราบหรือไม่ว่าโลกนี้สิ้นสุดได้อย่างไร? [Yes] [No] “เจ้าเชื่อในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติหรือไม่?” “ขออภัยฝ่าบาท แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อในเรื่องงมงาย” “น่าเสียดาย ทั้งที่เรื่องลี้ลับธรรมชาตินั้นมันออกจะสุดยอดเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้าผู้นี้คงไม่ได้มีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้หรอก” รอบตัวของสองคนนั้นไร้ซุ่มเสียงใด ๆ มีเพียงกลุ่มคนห้าพันคนต่างนิ่งเงียบคอยสดับรับฟังบทสนทนาของคนสองคนเบื้องหน้าพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยสดงดงามตระการตา เธอเป็นทั้งขุนนางปกครองของเมืองนี้ และขุนพลพ่ายศึกในสงครามชิงเมื

Comment

Options

not work with dark mode
Reset