“ปรมาจารย์เฉิน ท่านไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
เนื่องเพราะเห็นท่าทีเหนื่อยล้าของ เย่เฉินเฟิง ทำให้ ไป๋ซือหยา ต้องการเข้าไปสนับสนุนเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขาทั้งคู่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามไป๋ซือหยา หาได้ถือตัว เมื่อเห็นทักษะทางการเเพทย์ที่ยอดเยี่ยมของ เย่เฉินเฟิง ทำให้ ไป๋ซือหยา เดิมที่มักหยิ่งยโส กลายเป็นสตรีที่นุ่มนวลลงมาเยอะ เธอชื่นชมเขาอย่างเเท้จริงจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ไม่เป็นไรข้าเดินเองได้”
เย่เฉินเฟิง ฝืนยิ้มพร้อมกับปฏิเสธการช่วยเหลือของ ไป๋ซือหยา จากนั้นเขาก็ไปถึงห้องด้านข้างเพื่อพักผ่อนเเละฟื้นฟูพลังวิญญาณ
ในเวลาเดียวกันหมอทั้งสามคนก็ได้เดินเข้าไปตรวจอาการของอาวุโสไป๋
เมื่อพวกเขาตรวจร่างกายของ ไป๋สือซาน อย่างละเอียด พวกเขาก็พบสิ่งที่น่าตกใจ นั่นก็คือไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับร่างกายของ ไป๋สือซานอีกต่อไป นอกจากนี้ ร่างกายของเขายังฟื้นตัวขึ้นด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์
“ท่านหมอทั้งสามเป็นอย่างไรบ้าง?อาการของท่านพ่อของข้าดีขึ้นหรือไม่?”
ไป๋เจียงชุน กล่าวถามอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นการเเสดงออกที่เเปลกประหลาดบนใบหน้าของหมอทั้งสาม
“สวรรค์ ! เมื่อเทียบกับปรมาจารย์เฉินทักษะทางการเเพทย์ของพวกเราไม่ต่างจากโคลนตม ถึงอย่างนั้นเรากลับกล้าดูถูกเขาที่มีพรสวรรค์ราวกับฟ้าประทาน พวกเราได้ทำตัวหยาบคายกับปรมาจารย์เฉินนี่นับเป็นความผิดอย่างนึง”หมอทั้งสามคนได้สูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อรับอาการตื่นเต้นในใจของเขา ก่อนที่จะกล่าวพูดด้วยเสียงถอนหายใจ
“เช่นนั้นท่านพ่อของข้าก็รอดเเล้วใช่หรือไม่?’ไป๋เจียงชุน กล่าวถามอย่างตื่นเต้น
ไป๋สือซาน ถือเป็นเเกนนำของตระกูล ไป๋ ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในเมืองจักรพรรดิขาว เเห่งนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา มันจะส่งผลกระทบต่อตระกูลไป๋ อย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าการรักษาของ เย่เฉินเฟิง ได้ช่วยเหลือ ตระกูลไป๋
“อาการของอาวุโสไป๋ดีขึ้นมาก เขาจะตื่นขึ้นในเช้าวันพรุ่งนี้”หมออาวุโสคนนึงพยักหน้า
“เยี่ยม,ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดท่านปู่ก็รอด”
ตามมาจากทางด้านหลัง ไป๋ซือหยา ที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นเธอรู้สึกตื่นเต้นมากจนดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา จากนั้นน้ำตาสองสายก็ไหลลงมาจากมุมดวงตาของเธอทำให้ใบหน้าของเธอตอนนี้ดูสวยงามยากหาใดเปรียบ
“ท่านเจ้าเมืองไป๋ ข้าสงสัยว่า ปรมาจารย์เฉิน พักอยู่ที่ใด พวกเราสามคนต้องการพบเขาเพื่อกล่าวขอโทษที่ล่วงเกินเขา”หมออาวุโสทั้งสามคน พูดด้วยท่าทีขอร้อง
“ไว้ข้าจะเเจ้งให้เขารู้”ไป๋เจียงชุน พยักหน้าตอบรับ
จากนั้นไม่นานดวงอาทิตย์ก็เริ่มจะลับฟ้าเผยให้เห็นเเสงสะท้อนยามเย็น
เนื่องเพราะเย่เฉินเฟิงใช้พลังวิญญาณไปจำนวนมาก เขาจึงต้องใช้เวลาเพื่อกู้คืนพลังวิญญาณกลับมา เเละตอนนี้เขาสามารถกู้คืนได้เพียงส่วนหนึ่งเพียงเท่านั้น เมื่อเห็นว่าตกเย็นเเล้ว เย่เฉินเฟิง ก็ลุกขึ้นเเละปรับลมหายใจของตนเอง
“ได้เวลาที่ข้าจะไปรับรางวัลเเละไปจากที่นี่ซะที”
เนื่องเพราะเขาได้เเสดงทักษะควบคุมเข็มเงินที่ล้ำลึกออกมาทำให้ เย่เฉินเฟิง ไม่กล้าที่จะอยู่ในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองไป๋ นานเกินไป
เมื่อเขาเดินมาเปิดประตู ทันใดนั้นเอง เขาก็พบว่า ไป๋ซือหยา ได้รออยู่ข้างนอกอยู่ก่อนเเล้ว เธอเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับยิ้มเเละกล่าวพูดว่า”ปรมาจารย์เฉิน ท่านตื่นเเล้ว”
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงจะยืนยันว่าอาการบาดเจ็บของอาวุโสไป๋ได้รับการรักษาเเล้วใช่หรือไม่?”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ ไป๋ซือหยา
“อืม พวกเราตระกูลตระกูลไป๋ จะไม่ลืมบุญคุณในครั้งนี้ของท่านที่ช่วยเหลือตระกูลไป๋”ไป๋ซือหยา ตอบกลับเเละกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
“ข้าช่วยเขาก็เพื่อรับรางวัล ตอนนี้อาการของเขาได้รับการรักษาเเล้ว เช่นนั้นข้าสมควรได้รับรางวัลได้เเล้วใช่หรือไม่?”
“พวกเราเตรียมรางวัลไว้ให้ท่านเเล้ว ได้โปรดปรมาจารย์เฉินตามข้ามา”
ไป๋ซือหยา ได้ขยับขาเรียวบางของเธอ เเละ นำทาง เย่เฉินเฟิง ไปยังห้องรับรองของตระกูลไป๋
“ปรมาจารย์เฉิน เพื่อเเสดงความขอบคุณ พระคุณที่ท่านมีต่อตระกู,ไป๋,ตระกูลไป๋ของข้าได้ตัดสินใจเพิ่มเงินให้ท่านอีก 100,000 เหรียญเทล เป็น 200,000 เหรียญเทล ได้โปรดรับไว้ด้วย”ไป๋ซือหยา ได้ส่งมอบธนบัตรสีเงินหนาให้กับ เย่เฉินเฟิง
“ขอบคุณ”
เย่เฉินเฟิงไม่ได้ปฏิเสธเขาเดินเข้าไปรับเงิน 200,000 เหรียญเทลโดยไม่ลังเล
“ปรมาจารย์เฉิน ท่านได้ทำงานหนักมาตลอดทั้งวันสมควรหิวเเล้ว พวกเราได้จัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองไว้สำหรับท่าน ได้โปรดมากับข้า ข้าจะพาท่านไปยังห้องอาหาร”
“ไม่จำเป็น”เย่เฉินเฟิงสั่นศีรษะเพียงเล็กน้อยเเล้วพูดว่า”ข้ายังมีหลายสิ่งที่ต้องทำดังนั้นข้าขอตัว หากมีวาสนาพวกเราคงได้พบกันอีกครั้ง”
เย่เฉินเฟิง ได้รีบออกจากคฤหาสน์ของเจ้าเมืองไป๋ อย่างรวดเร็ว เเละ ไม่สนใจคำชวนของ ไป๋ซือหยา
ขณะที่ เย่เฉินเฟิง ออกจากคฤหาสน์เจ้าเมืองไปป๋ เขาก็เตรียมหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อคืนสถานะที่เเท้จริงของเขา เเต่ทว่าสัมผัสรับรู้วิญญาณของเขาได้ไวต่อการตรวจจับเขาพบว่ามีคนสะกดรอยตามเขาอยู่
“ผลตอบเเทนสูงย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง”ดวงตาของเย่เฉินเฟิงปรากฏความรุนเเรงขึ้น”เเต่การส่งผู้ใช้จิตอสูรเริ่มต้นขั้นที่ 2 มาสะกดรอยตามข้า นั่นคงไม่เป็นการดูถูกข้ามากเกินไปหรอกเหรอ?”
เเม้ว่าระดับการบ่มเพาะพลังของ เย่เฉินเฟิง จะไม่สูงมากนัก เเต่เขาก็ได้ทำการปลูกฝังชีพจรศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 6 เเละประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนเเปลงขั้นเเรก พละกำลังของเขาตอนนี้มากกว่า 1,000 จิน เขาสามารถที่จะฆ่าผู้ใชิจิตอสูรเริ่มต้นขั้นที่ 2 ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อรู้สึกว่า ผู้ใช้จิตอสูรเริ่มต้นขั้นที่ 2 เข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ เย่เฉินเฟิง ได้เร่งฝีเท้า เเละควบคุมทักษะลับกลืนวิญยาณเพื่อกลบกลิ่นอายพลังของเขาก่อนที่จะหายเข้าไปในตรอกซอยที่เงียบสงบ
“เขาอยู่ไหนทำไมเขาถึงหายไปได้”
เมื่อผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 2 กำลังติดตาม เย่เฉินเฟิง เข้าไปในตรอกซอย จู่ ๆ เขาก็สังเกตุเห็นว่า กลิ่นอายพลังของ เย่เฉินเฟิง ได้หายไป เขาตกใจเเละเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะค้นหารอบ ๆ ตรอกซอย
ขณะที่เขากำลังค้นหาพื้นที่รอบ ๆ เย่เฉินเฟิง ก็ปรากฏออกมาจากมุมมืดราวกับภูติพรายก็มิปาน
ร่างกายของเย่เฉินเฟิง สั่นสะเทือนไปด้วยอำนาจพละกำลัง หนึ่งพันจิน ก่อนที่จะพุ่งกำปั้นขวาของเขาที่ราวกับคลื่นยักษ์พุ่งไปที่ผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้น ขั้นที่ 2
เมื่อถูกซุ่มโดยตี สัญชาตญาณของ ผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 2 ได้ตอบโต้ทันที เขารวมพลังเข้ากับจิตอสูรของตนเองเพื่อป้องกันการโจมตี
อย่างไรก็ตามพละกำลังมากกว่า 1,000 จินของ เย่เฉินเฟิง มีความเเข็งเเกร่งเพียงพอที่จะทำร้ายผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 6 ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขา
เสียง “กร็อบ” ได้ดังขึ้นตรงหน้าอกของผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 2 ก่อนที่เขาจะล้มลง จากนั้นโลหิตจำนวนมากก็พ่นออกมาจากปากของเขา
“บอกข้ามาว่าใครสั่งให้เจ้ามาสะกดรอยตามข้า”
เย่เฉินเฟิง เดินเข้าไปหา ผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 2 ที่กำลังจะตกตายเพราะอาการบาดเจ็บภายใน
“ถ้าเจ้ากล้าฆ่าข้า เจ้าจะต้องถูกเจ้านายของข้าไล่ล่าอย่างเเน่นอน”ผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 2 พูดขึ้นอย่างดื้อรั้น
“จริง ๆ เเล้วเเม้ว่าเจ้าจะไม่พูดอะไรออกมาข้าก็พอจะเดาได้ว่าใครส่งเจ้ามาสะกดรอยตามข้า”เย่เฉินเฟิง พูดอย่างเฉยเมย”เเล้วถ้าเจ้านายของเจ้า เหลียนโจว มาด้วยตนเอง ข้าก็จะฆ่ามันไปด้วย”
การเเสดงออกของผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มตั้นขั้นที่ 2 นั้นเเข็งกระด้างเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่า เย่เฉินเฟิง จะสามารถคาดเดาผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ส่งเขามาได้
“เจ้าคงจะประหลาดใจมากสินะที่ข้าสามารถเดาตัวตนของเจ้านายของเจ้าได้”เย่เฉินเฟิง ยิ้มเเละกล่าวตอบ”จริง ๆ เเล้ว มันก็ไม่ยากที่จะคาดเดา เพราะตั้งเเต่ ข้าไปถึงตระกูลไป๋ ก็คงมีเเต่มันที่ไม่พอใจเเละต้องการหาเรื่องข้า”
“เพราะข้าได้สร้างคุณงามความดีต่อตระกูลไป เเละทำให้มัน ขายหน้า ไม่เเปลกที่มันคิดจะเเก้เเค้นข้าถูกไหม?”เย่เฉินเฟิง วิเคราะห์อย่างช้า ๆ เเละจ้องมองไปที่ผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 2
“ถ้าข้าบอกความจริงกับเจ้า เจ้าจะปล่อยข้าไปใช่มั้ย?”
“ขอโทษด้วย เเต่ไม่”
เย่เฉินเฟิง กล่าวออกมาโดยปราศจากความรู้สึก จากนั้นเขาก็ซัดฝ่ามือไปที่ศีรษะของชายคนนั้น
วินาทีต่อมา เย่เฉินเฟิง ก็เปิดใช้ ทักษะกลืนวิญญาณ ด้วยความเร็วสูง เขาได้ส่งจิตวิญญาณของตนเอง พุ่งเข้าไปในจิตใจของผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 2 เพื่อกลืนกินจิตอสูรของชายคนนี้
“เป็นพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์อะไรเช่นนี้”
หลังจากกลืนกินผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 2 ได้สำเร็จ เย่เฉินเฟิง ไม่เพียงเเต่ฟื้นคืนพลังวิญญาณของเขาในทันที เเต่พลังวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่มายั่วโมโหข้าอีกไม่อย่างนั้นครั้งหน้าข้าจะทำให้เจ้าเสียใจอย่างเเน่นอน”เย่เฉินเฟิงจ้องมองไปที่ร่างของผู้ใช้จิตอสูรระดับเริ่มต้นขั้นที่ 2 จากนั้นร่างกายของเขาก็กระพริบเเละหายตัวไปในความมืด