ในตอนเช้าเเสงอาทิตย์ที่อ่อนโยนได้สาดส่องกระทบใบหน้าของชายหนุ่มคนนึง
เนื่องจาก ฟู่เหยาเยว่ สามารถตระหนักปราณดาบสองชั้นได้เเล้ว เธอก็ไม่ได้รบกวน เย่เฉินเฟิง อีกต่อไป ดังนั้น เย่เฉินเฟิง ในช่วงเช้า จึงค่อย ๆ ใช้เวลาที่เหลือค่อย ๆ จับความหมายที่เเท้จริงของปราณดาบต่อ
“ท่านจ้าวตำหนักส่งข้อความเรียกหาเเล้ว!”
ขณะที่ เย่เฉินเฟิง นั่งไขว่ห้างอยู่ใต้ต้นไม้โบราณเขาที่กำลังทำสมาธิอยู่ ๆ จู่ ๆ ลูกปัดสื่อสารในอ้อมเเขนของเขา ก็สั่นไหวเล็กน้อย เสียงของ เฉียนตว๋อไป๋ ได้ดังขึ้น
“ดูเหมือนอาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงกำลังจเปิดขึ้น”
เย่เฉินเฟิง ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะลุกขึ้นเเละเดินออกจากลานบ้านของเขา ในระหว่างทางเดิน เขาก็พบกับ ฟู่เหยาเยว่ เเละ หลินเปาซิน ที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน
หลังจากปรับเเต่งโอสถสามผสาน หลินเปาซิน ก็ทะลวงระดับกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้น 4
“ท่านจ้าวตำหนัก!”
เย่เฉินเฟิง ฟู่เหยาเยว่ เเละ หลินเปาซิน ได้ทำความเคารพ เฉียนตว๋อไป๋
“ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อเเจ้งให้พวกเจ้าทราบ อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงจะเปิดออกในอีกหนึ่งสัปดาห์นับจากนี้ ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจที่จะพาพวกเจ้าไปยัง บึงทมิฬ เพื่อรออาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงเปิด”
“อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงนั้น จะเปิดขึ้นทุก ๆ สามปี โดยเปิดออกเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน พวกเจ้ามีโอกาสเก็บเกี่ยวสมบัติมากมายภายในอาณาจักรลับเเท้จริง เเต่โชควาสนาเหล่านั้นก็มาพร้อมกับอันตรายที่ยิ่งใหญ่ ทุกครั้งที่ อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงเปิดออก บรรดาศิษย์อัจฉริยะจำนวนมาก บางคนก็ไม่ได้กลับออกมา”
“เเต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา อัจฉริยะส่วนใหญ่ได้รับความสูญเสียในอาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงก็จริง เเต่ส่วนมากที่ถูกฆ่าตายเป็นเพราะฝีมือของอัจฉริยะจากนิกายอื่น ๆ “
“ดังนั้นหลังจากพวกเจ้าเข้าสู่อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงพวกเจ้าจะต้องระวังศิษย์ของนิกายอื่น ๆ พวกเจ้าจะต้องระวังการลอบโจมตีจากคนอื่นเเละระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา”เฉียนตว๋อไป๋ ได้กล่าวเตือนพวกเขาอย่างเคร่งขรึม
“ท่านจ้าวตำหนักข้าพอจะเข้าใจเหตุผลที่เหล่าศิษย์ทั้งสามนิกายต่างฆ่ากันเพื่อเเก่งเเย่งชิงของกันเเละกัน เเต่ที่ข้าไม่เข้าใจเพราะอะไรอาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงถึงได้กำหนดให้ผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้นเเรกขึ้นไปถึงเข้าได้เท่านั้น”หลินเปาซิน กล่าวถามออกมา
ฟู่เหยาเยว่ เเละ หลินเปาซิน พึ่งจะกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งเเรงในช่วงสองปีที่ผ่านมาดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่เคยเข้าสู่อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกสงสัย
“ข้าไม่รู้ว่าทำไม อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริง ถึงกำหนดให้มีเพียงผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้นเเรกขึ้นไปเท่านั้นถึงเข้าไปได้ เเม้เเต่ผู้ใช้จิตอสูรระดับสวรรค์ เเละ ผู้ใช้จิตอสูรระดับสูงสุดก็ไม่สามารถเข้าไปได้”
“อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงคนอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าไปได้ยกเว้นผู้เชี่ยวชาญระดับปฐพี เเละ ผู้ที่มีอายุเกิน 30 ปีก็ไม่สามารถเข้าไปได้เช่นเดียวกันไม่อย่างนั้นคนผู้นั้นจะถูกทำลายด้วยพลังลึกลับของอาณาจักรวิญญาณเเท้จริง”
“เพราะเหตุนี้ทั้งสามนิกายถึงเข่นฆ่ากันอย่างบ้าคลั่งในอาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริง ตราบใดที่ไม่เหลือร่องรอยหลักฐานใด ๆ ไม่มีทางที่นิกายของคนเหล่านั้นจะเคลื่อนไหว”
“เย่เฉินเฟิง ข้ามีบางอย่างที่อยากจะเตือนเจ้า ข้าได้ยินมาว่า ตำหนักในนิกายเพลิงผลาญฟ้าได้คัดเลือก 10 ผู้เชี่ยวชาญระดับปฐพีเข้าร่วมเเล้ว เเละในรายชื่อเหล่านั้นมี โหย่วซานเสียน อยู่ในรายชื่อด้วย เขาได้ทะลวงระดับขั้นพลังกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้น 6”
“โหย่วซานเสียน”
เย่เฉินเฟิง ที่ได้ยินข่าวนี้ เขารู้ไม่ชอบเท่าไหร่ เเต่ทว่า กลิ่นอายเจตนาฆ่าที่รุนเเรงได้ปรากฏในใจของเขา เขารู้ตัวดีว่า เมื่อเขาเจอ โหย่วซานเสียน ในอาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริง พวกเขาจะฆ่ากันให้ตายไปข้างนึง
สำหรับความเเข็งเเกร่งของ โหย่วซานเสียน นั้น เย่เฉินเฟิง ไม่ได้สนใจมัน ตราบใดที่เขามีโอกาส เขามีความมั่นใจที่จะเอาชนะ โหย่วซานเสียน ได้
“ขอบคุณท่านจ้าวตำหนัก ข้าจะระวัง”เย่เฉินเฟิง ตอบกลับ
“หากเจ้าได้รับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในอาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริง เเละมอบมันให้กับ ตำหนักในนิกายเพลิงผลาญฟ้า เจ้าจะได้รับรางวัลตอบเเทนจำนวนมาก อีกทั้งเจ้าอาจได้กลายเป็นหนึ่งในศิษย์ของตำหนักในนิกายเพลิงผลาญฟ้า”
“ข้าได้พูดทุกอย่างที่อยากจะพูดออกไปเเล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า ข้าหวังว่า พวกเจ้าจะได้รับโชควาสนาที่ดีใน อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริง เเละ สามารถรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย”
“ท่านจ้าวตำหนักไม่ต้องกังวล พวกเราจะไม่ทำให้ตำหนักนอกนิกายเพลิงผลาญฟ้าของเราต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลินเปาซิน กล่าวพูดเเละสาบาน
“พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาพวกเจ้าไปที่บึงทมิฬเอาล่ะในตอนนี้พวกเจ้าเเยกย้ายกันไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”เฉียนตว๋อไป๋ พยักหน้า ถ้าจะเป็นใครที่เขากังวลมากที่สุดก็คงเป็น เย่เฉินเฟิง
เขากังวลว่า โหย่วซานเสียน จะหาทางจัดการ เย่เฉินเฟิง ภายในอาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริง โดยให้ เหล่าศิษย์ของตำหนักในนิกายเพลิงผลาญฟ้าช่วยร่วมด้วย หากเป็นเช่นนั้น เย่เฉินเฟิง จะตกอยู่ในอันตรายทันที
…
เช้าวันถัดไป เย่เฉินเฟิง ได้มารออยู่ที่ทางเข้าตำหนักนอกนิกายเพลิงผลาญฟ้า ภายใต้การคุ้มกันของ เฉียนตว๋อไป๋ เเละ ฮ่าวหลิงเฟิง พวกเขาได้ออกจากตำหนักนอกนิกายเพลิงผลาญฟ้าโดยใช้ นกพิราบปีกเขียว สองตัว บินไปยังทิศทางของ บึงทมิฬ
5 วันต่อมา นกพิราบปีกเขียว ก็บินอยู่เหนือน่านฟ้าของภูมิประเทศที่ซับซ้อนด้านล่างก็คือบึงทมิฬสถานที่ที่อันตราย
“อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงคือหัวใจหลักของบึงทมิฬเเห่งนี้”เฉียนตว๋อไป๋ ได้กล่าวพูดขึ้น
“ท่านจ้าวตำหนักที่อยู่ข้างหน้าพวกเราคืออะไร?”
ขณะที่นกพิราบปีกเขียวบินอยู่เหนือน่านฟ้าบึงทมิฬ กลุ่มของ เย่เฉินเฟิง ก็เห็นเเสงสีเเดงจำนวนมากพุ่งออกมาจากด้านในพื้นที่เเห่งนึง
“นั่นคือสัญญาณเพลิง มันเป็นพลังงานลึกลับที่ออกมาจากอาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริง เมื่อสัญญาณเพลิงก่อตัวขึ้นถึงจำนวนนึง ทางเข้าของอาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงจะเปิดเผยออกมา เเละ พวกเจ้าจะสามารถเข้าสู่อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงได้”เฉียนตว๋อไป๋ กล่าว
“ไปกันเถอะ”
จากนั้น นกพิราบปีกเขียว ก็พาพวกเขาบินลงไปด้านล่างห่างจากสัญญาณเพลิงไปลงอยู่ที่ป่าอับชื้น
“ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมาถึงกันเร็วขนาดนี้”
เมื่อนกพิราบปีกเขียวบินลงไปที่ด้านล่าง เฉียนตว๋อไป๋ ก็เงาร่างมากกว่าสิบร่างปรากฏขึ้นยืนอยู่ไม่ไกลจากตำเเหน่งสัญญาณเพลิง
“เป็นนิกายหุบเขาวายุคลั่ง เเละ นิกายหุบเขาวิหคอัสนี”หลินเปาซิน ได้พูดออกมาหลังจากเห็นเงาร่างของคนเหล่านั้น
“เย่เฉินเฟิง ชายในชุดดำที่มีรอยเเผลเป็นที่ดวงตาข้างขวา เขามีชื่อว่า หวางหลิน เขาเป็นศิษย์ลำดับเเรกของ หุบเขาวายุคลั่ง ข้าเคยเผชิญหน้ากับเขา เเต่ก็ถูกเขากดดันจนได้รับความพ่ายเเพ้กลับมา”
ขณะที่ เย่เฉินเฟิง มองไปที่ กลุ่มศิษย์ของ หุบเขาวายุคลั่ง เเละ หุบเขาวิคอัสนี ฟู่เหยาเยว่ ก็กล่าวพูดบอกกับเขา
“หวางหลินคนนี้เเข็งเเกร่งมาก!”ได้ยินเสียงของ ฟู่เหยาเยว่ เย่เฉินเฟิง สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตรายจากอีกฝ่าย
“หวางหลินเป็นอัจฉริยะ ถึงเเม้ว่าตอนที่ข้าพ่ายเเพ้ให้กับเขาจะยังไม่ได้กระตุ้นโลหิตสืบทอดก็เถอะ เเต่ข้าก็พ่ายเเพ้ให้กับเขาเพียงกระบวนท่าเดียว ถ้าข้าได้ต่อสู้กับเขาตอนนี้อีกครั้งข้ามั่นใจว่าน่าจะสามารถรับมือกับเขาได้พอสมควร”
“นอกจาก หวางหลิน ของ นิกายหุบเขาวายุคลั่ง เเล้ว ก็ยังมี เย่เค๋อ ของนิกายหุบเขาวิหคอัสนี พวกเราไม่ควรประมาทเขา เพราะอย่างน้อยก็มีคนมากกว่า 5,000 คน เสียชีวิตในมือของเขา”ฟู่เหยาเยว่ กล่าวพูด
“ทำไมเขาถึงได้สังหารคนได้มากมายขนาดนั้นโดยที่ไม่ถูกลงโทษ ? เเสดงว่าเขามีฝีมือในการเก็บซ่อนหลักฐานไว้หรือไม่?”
เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ ชายในชุดคลุมสีเเดงเข้ม ใบหน้าของเขาเผยเเววตาอำมหิตออกมา ซึ่ง เย่เฉินเฟิง ก็ให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ
“นอกเหนือจากพวกเขาสองคนเเล้ว ศิษย์คนอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ คู่เเข่งหลักของพวกเรามาจากสามนิกายใหญ่ ไม่เเปลกที่สามนิกายใหญ่จะเลือกศิษย์ที่เป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้น 6 เข้าร่วม อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริง”ฟู่เหยาเยว่ กล่าวพูดต่อ
“เฉียนตว๋อไป๋ ? เจ้าจนมุมถึงขนาดที่ต้องเลือก ผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้น 4 สองคนเข้าสู่อาณาจักรลับวิญญาณเเท้จริงเลยหรือไม่?”
ขณะที่กลุ่มของ เย่เฉินเฟิง ทั้ง 5 คน กำลังรอเฝ้ามองตรวจสอบคนอื่น ๆ อยู่ ไม่ไกลจากตำเเหน่งของพวกเขา ชายชราที่มี วิหคสีเเดง อยู่ด้านข้างได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละ หลินเปาซิน
“หยุนกงซุน ปากของเจ้าก็ยังคงส่งกลิ่นเหม็นออกมาไม่เปลี่ยนเหมือนเดิม”เฉียนตว๋อไป๋ จ้องมองไปที่ คู่ปรับเก่าของเขาเเละตอบโต้อย่างตรงไปตรงมา”ปากของเจ้าไม่ธรรมดาเช่นนี้ลูกศิษย์ของเจ้าเองก็คงไม่ต่างกัน”
“เจ้า…”
เมื่อได้ยินเสียงตอบโต้ของ เฉียนตว๋อไป๋ สีหน้าของ หยุนกงซุน ได้เต็มไปด้วยสีหน้าที่ร้อนผ่าว
ขณะที่บรรยากาศกำลังตกอยู่ในความตึงเครียดวิหคเพลิง 4 ตัวก็ปรากฏขึ้นเหนือน่านฟ้า
เมื่อเห็นวิหคเพลิง 4 ตัวบินลงมา สีหน้าของ หยุนกงซุน ก็กลายเป็นหน้าเกลียดมาก เขาเลิกมองไปที่ เฉียนตว๋อไป๋ เเละ ไม่กล้ายั่วยุอีก