Eight Desolate Sword God EDSG ตอนที่ 154 ผลลัพธ์บทสรุปของใครก็ตามที่กล้าหาเรื่องเขา
” ทักษะดาบผลาญทําลาย, เมฆาดับสูญ”
หลังจาก เย่เฉินเฟิง ระเบิดขีดจํากัดพลังทางกายภาพของเขาออกมา เขาก็ถ่ายเทพลังวิญญาณไปที่ดาบสวรรค์จูเสวี่ยเพื่อโจมตีใส่ ผู้เฒ่าเพลิง ที่อ่อนแอที่สุด
“กําปั้นเพลิงทลายวิญญาณ!”
เห็น เย่เฉินเฟิง พุ่งโจมตีมาที่ตนเอง ผู้เฒ่าเพลิงไม่ได้หลบ การโจมตี กลับกัน เขากลับใช้ทักษะวิญญาณที่ทรงพลังที่สุดของเขา
“ปั้ง”
ทักษะวิญญาณทั้งสองได้พุ่งเข้าปะทะกัน มวลอากาศโดยรอบกลายเป็นสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้น ร่างของ เย่เฉินเฟิง ก็ถูกซัดกระเด็นลอยไปไกลจนไม่อาจควบคุมได้
“เย่เฉินเฟิง มันจบแล้ว”
“คลื่นหยินหยางทําลายล้าง!”
–
โหย่วหนึ่งซือ อาวุโสจากตําหนักหยินหยาง ได้ใช้พลังของเขา เพื่อโจมตีใส่ เย่เฉินเฟิง คลื่นพลังทําลายล้างขนาดยักษ์ได้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ปีกวิหคทองคําโบราณ!”
ในเวลาสําคัญ เย่เฉินเฟิง ได้เรียก ปีกวิหคทองคําโบราณออกมา เขาได้ควบแน่นความเร็วและหลบการโจมตีของอาวุโสจากตําหนักหยินหยาง ก่อนที่จะพุ่งไปโจมตี ผู้เฒ่าเพลิงอีกครั้ง
เขาต้องการฆ่าผู้เฒ่าเพลิงที่ค่อนข้างอ่อนแอก่อน เพื่อคลายแรงกดดันที่เขาต้องแบกรับในตอนนี้
แม้ว่า ผู้เฒ่าเพลิงจะประหลาดใจ เกี่ยวกับ ปีกสีทองที่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของ เย่เฉินเฟิง แต่เขาก็ไม่มีเวลามามัวคิดเกี่ยวกับมัน เพราะ การโจมตีของ เย่เฉินเฟิง ได้พุ่งเข้าประชิดเขาแล้ว
“ปราการเพลิงไร้สิ้นสุด”
ผู้เฒ่าเพลิงได้เรียกใช้ทักษะวิญญาณป้องกันของเขาเพื่อต้านทานการโจมตีของ เย่เฉินเฟิง
“แก่นแท้วิญญาณเยือกแข็ง
เห็นปราการเพลิงล้อมรอบป้องกันผู้เฒ่าเพลิง เย่เฉินเฟิง ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันเย็นเยือกออกมา
พริบตาเดียว แก่นแท้วิญญาณเยือกแข็งที่ถูกปลดปล่อยออกมามันก็ได้แช่แข็งปราการเพลิงของผู้เฒ่าเพลิงทันที
“แก่นแท้วิญญาณเยือกแข็ง ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังความเย็นของ แก่นแท้วิญญาณเยือกแข็ง ผู้เฒ่าเพลิง สามารถรับรู้ได้ในทันที ตอนนี้ปราการเพลิงของเขาได้ถูกพลังของแก่นแท้วิญญาณเยือกแข็งแช่แข็งทําให้ดับไปแล้ว เขาเหลือเพียงต้องป้องกัน การโจมตีด้วยร่างกายเพียงเท่านั้น
ผู้เฒ่าเพลิง ได้ใช้หมัดพลังวิญญาณราชสีห์เพลิงของเขาออกไปโจมตีใส่ เย่เฉินเฟิง ที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่ลังเล
” หนึ่งดาบสังหาร!”
เยเฉินเฟิง ไม่ปล่อยโอกาสที่มีเพียงน้อยนิด เขาได้รวมพละกําลังทั้งหมดของตัวเองหลอมรวมกับดาบสวรรค์จูเสวี่ย และปลดปล่อยทักษะโจมตีที่รุนแรงของเขา
เสียงพลังดาบที่รุนแรงของ หนึ่งดาบสังหาร ได้ดังขึ้น เพราะมันได้รวมพลังเข้ากับปราณดาบ 9 ชั้นสวรรค์ทําให้พลังของมัน
แข็งแกร่งมากกว่าเดิม การโจมตีนี้ได้พุ่งทะลวงกําปั้นราชสีห์เพลิงและกระแทกเข้าใส่หน้าอกของผู้เฒ่าเพลิงโดยตรง
ร่างของเขาถูกส่งลอยไปไกลจากนั้นโลหิตจํานวนมากก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา
“เฒ่าเพลิง!”
โหย่วหนิงซือ ที่เห็น ผู้เฒ่าเพลิงได้รับบาดเจ็บจาการโจมตีของ เย่เฉินเฟิง เขารู้สึกตื่นตะลึงอย่างมาก ผู้เฒ่าเพลิงได้ฝึกฝนมาหลายศตวรรษ พลังรากฐานการบ่มเพาะพลังของเขาแข็งแกร่งมาก แต่ถึงอย่างนั้นกลับถูกผู้เยาว์อย่างเย่เฉินเฟิง ทําร้ายจนบาดเจ็บสาหัสได้
เย่เฉินเฟิง ได้ควบแน่นปีกวิหคทองคําโบราณของเขาพุ่งหลบการโจมตีของ ผู้อาวุโสจากตําหนักหยินหยาง ไปปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของ ผู้เฒ่าเพลิง
“แก่นแท้วิญญาณเยือกแข็ง”
เย่เฉินเฟิง ไม่ได้ให้โอกาส ผู้เฒ่าเพลิงในการหลบหนีเขาได้ ใช้พลังแก่นแท้วิญญาณเยือกแข็งในการแช่แข็งร่างของอีกฝ่ายโดยตรง
แม้ว่าผู้เฒ่าเพลิงจะพยายามใช้เพลิงวิญญาณพลังแฝงของเขาในการทําลายปราการน้ำแข็งของ เย่เฉินเฟิง แต่มันก็ไม่สามารถทําได้
เย่เฉินเฟิง ได้ใช้ปราณดาบ 9 ชั้นสวรรค์ และทุบทําลายปราการน้ำแข็งโดยตรง ส่งผลให้ แขนขวาของชายชราคนนี้ขาดสะบั้นและปะทุโลหิตออกมาจํานวนมาก
“อย่าเข้ามา!”
ผู้เฒ่าเพลิง ที่เห็นแขนของตนเองถูกตัดขาดเขาพยายามจะหลบการโจมตีของ เย่เฉินเฟิง แต่ก็ถูกพลังแก่นแท้วิญญาณเยือกแข็ง แช่แข็งอีกครั้ง
เย่เฉินเฟิง ใช้เวลาอันน้อยนิดในการใช้ทักษะกลืนวิญญาณ ในการจิตอสูรของเขาและตัดศีรษะของเขาโดยตรง
“เอาล่ะต่อไปก็เป็นตาของเจ้า”
หลังจาก ฆ่าผู้เฒ่าเพลิงและรูดสมบัติที่มีของเขาไป ใบหน้าที่ เย่อหยิ่งของ เย่เฉินเฟิง ก็จ้องมองไปที่ทิศทางของ อาวุโสจากตําหนักหยินหยาง
แม้ว่า โหย่วหนิงซื่อ จะมีความแข็งแกร่งกว่าผู้เฒ่าเพลิง แต่เมื่อได้เห็นวิธีการอันโหดร้ายของ เย่เฉินเฟิง ก็ทําให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง
“วายุฟาดฟัน!”
เย่เฉินเฟิง ไม่ได้แสดงความเมตตา หลังจากฆ่าผู้เฒ่าเพลิงได้สําเร็จ เขาก็ต้องการจะฆ่า อาวุโสจากตําหนักหยินหยางคนนี้ การโจมตีที่โค้งเป็นรูปพระจันทร์ได้พุ่งฟาดฟันไปยังตําแหน่งของอาวุโสจากตําหนักหยินหยางโดยตรง
“ปั้ง…”
ถูกการโจมตีจาก วายุฟาดฟัน ของเย่เฉินเฟิง พลังป้องกันอันเต็มเปี่ยมของอาวุโสจากตําหนักหยินหยางได้สั่นคลอนลง จากนั้นปราการวิญญาณป้องกันของเขาก็เริ่มเกิดรอยปริแตกจํานวนมาก
อาวุโสจากตําหนักหยินหยางคนนี้ ได้ถือโอกาสใช้ความพยายามทั้งหมด เพื่อที่จะหลบหนี เย่เฉินเฟิง แต่เพราะปีกวิหคทองคําของ เย่เฉินเฟิง นั้นรวดเร็วมาก พริบตาเดียวเขาก็มาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของอาวุโสจากตําหนักหยินหยางโดยไม่เปิดช่องให้อีกฝ่ายหลบหนี
ภายใต้การโจมตีทีเผลอของ เย่เฉินเฟิง ในครสวนี้ ได้ชัดว่างของ อาวุโสจากตําหนักหยินหยางพุ่งกระแทกลงไปบนพื้นอย่างหนักหน่วง ผืนดินในบึงทมิฬแห่งนี้ได้สั่นสะเทือนและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
” ระเบิดพละกําลัง 200,000 จิน!”
เย่เฉินเฟิง ได้ใช้ความสามารถทางกายของเขาทั้งหมดและปราณดาบ 9 ชั้นสวรรค์ รวมเข้ากับดาบสวรรค์จูเสวียอีกครั้ง พุ่งซ้ำการโจมตีใส่ร่างของอาวุโสจากตําหนักหยินหยางคนนี้
โหย่วหนิงซื้อ ที่เห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดี เขาได้ยกอาวุธวิญญาณระดับปฐพี ขึ้นมาป้องกันการโจมตีโดยตรง
“เพลิงระเบิดกัมปนาท!”
โหย่วหนิงซื้อ ได้ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดของเขาในการระเบิดรับแรงโจมตีของ เย่เฉินเฟิง จากนั้นเขาก็แบกร่างกายของตัวเอง มุ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“คิดเหรอว่าจะหนี้ข้าพ้น!”
เย่เฉินเฟิง ได้ควบปีกวิหคทองคําโบราณอีกครั้ง และ พุ่งเข้ามาดักที่ด้านหน้าของ อาวุโสจากตําหนักหยินหยาง
“แก่นแท้วิญญาณเยือกแข็ง”
เย่เฉินเฟิง ได้ปลดปล่อยพลังของ แก่นแท้วิญญาณเยือกแข็ง เพื่อปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของเขา
จากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็รวมปราณดาบ 9 ชั้นสวรรค์ พละกําลัง 200,000 จิน และ แก่นแท้วิญญาณเยือกแข็งลงไปในดาบสวรรค์จูเสวี่ยและซัดอีกฝ่ายกลิ้งไถลไปไกล
เขาเดินไปที่เบื้องหน้าของ อาวุโสจากตําหนักหยินหยางที่ล้มลงและบาดเจ็บสาหัส เขาเผยให้เห็นเจตนาฆ่าที่รุนแรงออกมา
”เย่เฉินเฟิง ไม่อย่าฆ่าข้า!”
เห็นร่างกายของตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส และ ไม่มีกําลังมากพอที่จะหลบหนี โหย่วหนิงซื่อ กล่าวร้องขอชีวิตโดยไม่คํานึงถึงศักดิ์ศรีของเขาอีกแล้ว
” ทักษะกลืนวิญญาณ,กลืนกิน”
เย่เฉินเฟิง ไม่ไหวติง เขาเดินเข้าไปจับศีรษะของอีกฝ่ายโดยตรง จากนั้นก็กลืนจิตอสูรของเขาและจบชีวิตของอีกฝ่ายทันที
” พลังวิญญาณในร่างกายของข้าเต็มแล้ว!”
หลังจากกลืนกินจิตอสูรของทั้งสองคนไป เย่เฉินเฟิง ก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างกายของเขา เขาไม่ลังเลเลยที่จะบุกทะลวงคอขวด กลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับสวรรค์ ชั้น 2
หลังจากทะลวงระดับขั้นพลังเสร็จ เย่เฉินเฟิง ก็ได้นําร่างของ อาวุโสจากตําหนักหยินหยาง และ ผู้เฒ่าเพลิงมากองรวมกัน จากนั้นก็ใช้โลหิตของพวกเขาเขียนคําบางอย่างออกมา
“นี่คือผลลัพธ์ของใครก็ตามที่มันกล้าท้าทายข้า – เย่เฉินเฟิง”