นิยาย Eight Desolate Sword God EDSG ตอนที่ 166 การต่อสู้ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ [1]
ดินแดนหิมะทางตอนเหนือ,เมือง ผลาญอัคคี
เมืองผลาญอัคคีคือเมืองที่อยู่ทางทิศ ใต้สุดถัดจากเมืองแดนหิมะ มันถูกสร้างขึ้นบนภูเขาไฟที่ร้อนระอุ เนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนแรงตลอดทั้งปี จึงมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์จํานวนน้อยที่เต็มใจที่จะอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตามเนื่องจากภูเขาแห่งนี้ อุดมไปด้วยศิลาเปลวเพลิงที่ล้ําค่า ดังนั้นจึงมีผู้ฝึกยุทธ์จํานวนมากเข้ามาที่นี่และเสี่ยงดวงเข้าไปยังส่วนลึกของภูเขาเพลิงเพื่อขุดศิลาเพลิง
ในความเป็นจริง ที่นิกายเพลิงผลาญฟ้าจับฟูเหยาเยว่เป็นเหยื่อล่อ เย่เฉินเฟิง ให้ออกมาพวกเขามีเหตุผลอยู่
ก่อนหน้านี้ ฮ่าวหยานได้รู้จากเฉียนตว่อไป ว่าเย่เฉินเฟิง มีความสัมพันธ์กับ ฟูเหยาเยว่ ดังนั้นเขาจึงได้เลือกเมืองผลาญอัคคีแห่งนี้ เพราะด้วยสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่พิเศษ อีกทั้งยังตั้งอยู่บนภูเขาไฟ ทําให้พวกเขาง่ายที่จะจับกุมตัวเย่เฉินเฟิง
และในวันนี้ มีแนวโน้มว่าเย่เฉินเฟิงจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะยังไม่ได้ทําอะไร ศิษย์พี่ฟูไม่อย่างนั้นข้าสาบานได้เลยว่า ข้าจะลบนิกายเพลิงผลาญฟ้าออกไปจากดินแดนหิมะทางตอนเหนือแห่งนี้”
หลังจากผ่านไปสองสามวัน เย่เฉินเฟิงก็มาถึงเมืองผลาญอัคคี เขาได้จ้องมองไปที่ เมืองซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นความร้อน นัยน์ตาของเย่เฉินเฟิงปรากฏความเยือกเย็นออกมา
เย่เฉินเฟิงได้ปลอมตัวและเปลี่ยนใบหน้าของเขาก่อนที่จะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ เขาได้เดินเข้าไปยังด้านหน้าที่มีประตูหินรูปร่างประหลาดปิดกั้นอยู่
ตึก ตึก
เย่เฉินเฟิงได้เดินเข้าไปในเมืองผลาญอัคคี ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของผู้เชี่ยวชาญจํานวนมากที่อยู่ที่นี่
เพราะเย่เฉินเฟิงได้ใช้ทักษะกลืนวิญญาณของเขา ในการเปลี่ยนกลิ่นอายรอบตัวของตัวเอง ทําให้ผู้เชี่ยวชาญจากนิกายเพลิงผลาญฟ้า ไม่สามารถตรวจความผิดสังเกตุของเขาได้
ท่ามกลางร้านอาหารเพียงแห่งเดียว ภายในเมืองที่มีผู้คนเดินสัญจรผ่านไปมา เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จํานวนมากเลือกที่จะมาที่นี่ เพราะต้องการศิลาเพลิง ดังนั้นที่นี่จึงมีสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเสียงดัง
“มารดามันเถอะ เกิดอะไรขึ้นกับเมืองผลาญอัคคีแห่งนี้กันแน่ ทําไมถึงมีผู้เชี่ยวชาญจํานวนมากมายังสถานที่แห่งนี้ทั้งยังปิดทางเข้าส่วนลึกของภูเขาไฟอีก”
ชายร่างกํายําคนนึงที่แข็งแรง เขาได้นั่งดื่มเหล้าและบ่นพึมพัมออกมา
“เฮ้เพื่อนระวังปากหน่อยถ้ายังไม่อยากตาย”ได้ยินเพื่อนคนนี้พูดชายร่างใหญ่อีกคนตอบกลับ”นี่แกไม่รู้หรอว่า เหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญจํานวนมากมาที่นี่เพราะอะไร ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นคนจากนิกายเพลิงผลาญฟ้า”
“คนจากนิกายเพลิงผลาญฟ้า พวกเขามาทําอะไรที่นี่กันจํานวนมาก?”ชายร่างใหญ่หัวล้านกล่าวถามอย่างประหลาดใจ
“ข้าได้ยินมาว่า พวกเขาต้องการจะจับชายคนหนึ่งที่ชื่อเย่เฉินเฟิง ส่วนเหตุผลข้าเองก็ไม่รู้”ชายร่างใหญ่อีกคนกล่าวตอบ
“ลืมมันไปเถอะพวกเรามานั่งดื่มเหล้ากัน”
ชายชราหัวล้านได้ยกเหล้าขวดใหญ่ใส่ปากของเขา
“เย่เฉินเฟิง ข้าตามหาเจ้ามานานแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายในเงื้อมมือของพวกนิกายเพลิงผลาญฟ้า ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า ทุกอย่างของเจ้าก็ต้องเป็น
ของข้า”
ที่มุมห้องอาหารแห่งนึง หญิงสาวในชุดคลุมสีดําพร้อมกับผ้าคลุมใบหน้า เธอได้ยินการสนทนาของผู้คนในร้านอาหารทําให้ดวงตาที่สวยงามของเธอประกายแสงออกมา
หลังจากเข้าสู่เมืองผลาญอัคคีมาได้ไม่นาน เย่เฉินเฟิงก็ไม่ได้เปิดเผยตัว ตนในทันที เขาได้อยู่รอดูสถานการณ์ของพวกนิกายเพลิงผลาญฟ้า และมองหาสถานที่ที่ฟูเหยาเยว่ ถูกจับเป็นตัวประกันเอาไว้
“พื้นที่รูปแบบก่อตัวในที่นั้นแข็งแกร่งมาก คาดว่าศิษย์พี่ฟูน่าจะถูกจับตัวอยู่ภายในนั้น”
หลังจากใช้สัมผัสวิญญาณของตัวเอง เย่เฉินเฟิงก็มองเห็นพื้นที่รูปแบบก่อตัวที่แข็งแกร่ง เขาได้ใช้สมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์ในการลอบเจาะทะลวงรูปแบบก่อตัวอย่างเงียบๆ
ผ่านไปไม่นานภายใต้สมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์ เย่เฉินเฟิงก็สามารถลอบเจาะรูปแบบก่อตัวนี้ได้
เขาได้เรียกวิญญาณดาบรออยู่ข้างนอกเพื่อรอสนับสนุนเขาจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในลานเห็น เขาเห็นหญิงสาวคนนึ่งถูกผูกติดกับเสาไม้ ผมเผ้ากระจัดกระจายไม่เหลือความสง่างามในแบบของเธอ
“ตราประทับจิตวิญญาณ?”
เย่เฉินเฟิง ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด เขาสังเกตุฟูเหยาเยว่สักพัก และพบว่า ร่างกายของเธอไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แต่วิญญาณของเธอได้ถูกตราประทับเอาไว้
ระตุ้นตราประทับจิต วิญญาณเธอจะถูกฆ่าตายทันที
“เจ้าพวกสารเลวนิกายเพลิงผลาญฟ้า พวกมันไม่คิดจะปล่อยให้ศิษย์พี่ฟูมีชีวิตรอดอยู่แล้ว”
เย่เฉินเฟิงได้ตัดสินใจ พุ่งเข้าไปประชิดร่างของฟูเหยาเยว่ และปลดเธอออกมาสู่อ้อมแขนของเขา
จากนั้น เย่เฉินเฟิงก็ปล่อยพลัง วิญญาณเข้าไปในร่างของฟูเหยาเยว่ และใช้สมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์ในการทําลายตราประทับจิตวิญญาณ
“เย่เฉินเฟิง ในที่สุดเจ้าก็มา พวกเรารอเจ้าอยู่นานแล้ว”
เห็นเย่เฉินเฟิงเข้ามายังลานหิน ปรมาจารย์จ้าวตําหนักทั้ง 4 คน รวมถึงอาวุโสอีก 18 คนก็ปรากฏตัวขึ้นล้อมรอบเย่เฉินเฟิงและฟูเหยาเยว่
เมื่อเผชิญหน้ากับ โหย่วเทียนกู่ และ คนอื่น ๆ เย่เฉินเฟิง ได้เพิกเฉยพวกเขา และ ยังคงใช้พลังของสมองกลืนกินศัก ดิ์สิทธิ์ในการทําลายตราประทับจิต วิญญาณที่ฝังอยู่ในตัวของ ฟูเหยาเยว่
“เย่เฉินเฟิง ข้าแนะนําว่าเจ้าอย่าได้กระทําอะไรที่ไร้ประโยชน์ ตราประทับจิตวิญญาณนั่นเป็น ท่านอาวุโสสูงสุดของเรา เป็นคนวางเอาไว้ มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถถอดมันได้ ถ้าเจ้าเชื่อฟัง พวกเราแต่โดยดีบางที่พวกเราอาจจะไว้ชีวิตเธอ”
โหย่วเทียนกู่ เมื่อเห็นเย่เฉินเฟิง ไม่สนใจพวกเขา และยังยืนยันช่วยเหลือฟูเหยาเยว่ ในการทําลายตราประทับจิตวิญญาณ เขาได้กล่าวเย็นหยันออกมา
แต่คําพูดของเขาไม่ทันได้ผ่านไปนาน ตราประทับจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของฟูเหยาเยว่ก็ได้ถูกทําลายลงไป
“อีก!”
หลังจากตราประทับจิตวิญญาณถูกปลดออก ฟูเหยาเยว่ก็กลับมามีสติอีกครั้ง
“เป็นไปได้ยังไง?”
เมื่อเห็นว่าตราประทับจิตวิญญาณ ภายในร่างกายของฟูเหยาเยว่หายไป โหย่วเทียนกู่ และคนอื่น ๆ เผยให้เห็นสีหน้าที่ตกใจอย่างรุนแรง พวกเขาไม่กล้าเชื่อว่า เย่เฉินเฟิงไม่เพียงแต่มีการโจมตีที่น่าอัศจรรย์ แต่ยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบอักขระด้วย
ฟูเหยาเยว่ ที่ได้สติกลับคืนมา เธอเปิดตาที่เหนื่อยล้าของเธอและพบว่าตัวเอง นอนอยู่ในอ้อมแขนของเย่เฉินเฟิง ดวงตาที่สวยงามคู่นั้นได้ปรากฏความกัง วลและพูดออกมา”เฉินเฟิง ทําไมเจ้าถึงมาที่นี่ สถานที่แห่งนี้อันตรายเกินไป เจ้าไม่ต้องสนใจข้าและรีบหนีออกไปซะ”
“ไม่ข้าจะไม่ยอมจากไปหากพวกเราไม่ได้ไปด้วยกัน”
เย่เฉินเฟิง ยกร่างที่อ่อนแอของ ฟูเหยาเยว่ขึ้น และปลดปล่อยจิตสังหาร ออกมา
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีปีกเจ้าก็ไม่สามารถบินหนีออกไปจากที่นี่ได้”
โหย่วเทียนกู่ จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิงอย่างรุนแรง จากนั้นก็เปิดใช้รูปแบบก่อ วของลานหินนี่
“เพลิงนรกทําลายล้าง!”
ภายในพื้นที่รูปแบบก่อตัว พลังงานเผาไหม้ที่รุนแรงได้พวยพุ่งออกมาจากนั้นลูกไฟจํานวนมากก็ถูกยิงลงมาจากด้านบนเหมือนกับดาวตกพุ่งเข้าหา เย่เฉินเฟิง
แต่ทว่าความเร็วของ เย่เฉินเฟิงนั้นรวดเร็วมาก แม้ว่าเขาจะอุ้มฟูเหยาเยว ไว้ในมือ แต่เขาก็สามารถเคลื่อนไหว ร่างกายได้อย่างรวดเร็วและหลบการโจมที่พุ่งเข้ามาทั้งหมด
“อะไรกัน…”
เมื่อเห็นเย่เฉินเฟิงหลบการโจมตีของลูกไฟด้วย โหย่วเทียนกู่ และ คนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“เขาคือสัตว์ประหลาดชัด”
“เย่เฉินเฟิง จะต้องถูกฆ่าตายในวันนี้ ไม่เช่นนั้นเขาจะเป็นศัตรูหัวใจของนิกายเพลิงผลาญฟ้าของข้า”
เมื่อรู้สึกคุกคามโดยเย่เฉินเฟิง เทียนซือจิน และ คนอื่น ๆ ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขาได้รวมเข้ากับจิตอสูรของตนเอง และพุ่งเข้าหาเย่เฉินเฟิง
สงครามนองเลือดกําลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง