“ถอยหลบไปให้พ้น เกิดอะไรขึ้นที่นี่ใครเป็นคนทำเช่นนี้?”ผู้ตรวจการทั้ง 4 คนได้เเหวกฝูงชนเดินเข้ามาพร้อมกับกล่าวถามไปยังผู้คนโดยรอบ
“หัวหน้าซู่ เป็นมัน ไอ้จอมโฉดนี้มันต้องการจะฆ่าข้า รีบช่วยข้าออกไปเร็ว”เมื่อเห็นผู้ตรวจการทั้ง 4 คนเดินเข้ามาใกล้ ๆ ตี้หว่านสือ ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นยิ่งมายิ่งตื่นเต้นราวกับได้เจอหน้าบิดาของตนเองเสียอีกเขารีบตะโกนออกมาอย่างสุดปอด
“นายน้อยตี้”
ในฐานะที่เป็นผู้เยาว์ของตระกูล ตี้ ผู้ตรวจการทั้ง 4 คนจำชายคนนี้ได้ ดังนั้นเมื่อเห็น ตี้หว่านสือ ถูกบีบบังคับให้คุกเข่า ผู้ตรวจการทั้ง 4 คนก็จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง พร้อมกับปรากฏสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขากำลังคาดเดาสถานะของอีกฝ่าย
“หัวหน้าซู่ ไอ้เจ้านี่มันเป็นพวกนอกรีตมันไม่มีภูมิหลังใด ๆ หนุนหลัง ได้โปรดช่วยข้าจับมัน ตระกูลตี้ของข้าจะตบรางวัลให้ท่านอย่างงาม”
เห็นหัวหน้าซู่เเละผู้ตรวจการคนอื่น ๆ จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละ กำลังคาดเดา ตี้หว่านสือ ได้ตะโกนขึ้นเสียงดัง
“ไม่มีภูมิหลัง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ตี้หว่านสือ กัปตันซู่ ก็รู้สึกสบายใจ สายตาที่เขาจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ได้เปลี่ยนกลายเป็นเย็นชามากขึ้นก่อนที่จะตะโกนว่า”เจ้าเป็นใครถึงกล้าที่จะละเมิดกฏเหล็กเเละตั้งใจฆ่าคนในพื้นที่สาธารณะ?”
“เป็นพวกเขาหาเรื่องข้าก่อน ข้าเพียงเเค่มือเท้าหามีตาไม่ดังนั้นจึงได้ตอบโต้ไป”เย่เฉินเฟิง เอามือไขว้หลังเเละกล่าวตอบอย่างสงบ
“เจ้ากล้าที่จะเเสดงท่าทีโอหังเช่นนี้ต่อเบื้องหน้าของข้า?”หัวหน้าซู่ จ้องมองไปที่เย่เฉินเฟิงอย่างรุนเเรง”พวกเจ้าทุกคนจะมัวยืนดูอะไรรีบเข้าไปจับมันเร็วเข้า”
“ช่างเป็นพลังที่เเข็งเเกร่งยิ่งนัก”
เย่เฉินเฟิงกล่าวเย้ยหยันหลังจากนั้นเขาก็ระเบิดพลังที่เเข็งเเกร่งออกมา
ในตอนนี้เขาเหมือนหมาป่าเดียวดายที่ซุ่มซ่อนเป็นเวลานานจนในที่สุดก็ได้เวลาเผยคมเขี้ยวที่เด่นชัดของมัน
รู้สึกได้ถึงเเรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวจากร่างกายของ เย่เฉินเฟิง ผู้ตรวจการทั้งสองคน จ้องมองไปที่เขาพร้อมกับเเสดงท่าทีสั่นกลัวราวกับลูกนกเพิ่งคลอด จิตใต้สำนึกของพวกเขาร้องเตือนว่าไม่ให้เดินเข้าไปใกล้ เย่เฉินเฟิง
“เจ้ากำลังทำอะไร คิดจะต่อต้านกฏเหล็กของที่นี่หรือยังไง?”
หัวหน้าซู่ไม่คิดเลยว่า เย่เฉินเฟิง จะเเข็งเเกร่งขนาดนี้ เขาพยายามเกลี่ยกล่อมให้ยอมจำนนเเต่โดยดี
“ถ้าพวกเจ้าไม่กลัวความตายก็เข้ามาพร้อมกันเลย เเต่ข้าขอเตือน หากเจ้าทำเช่นนั้นเเล้วก็จงยอมรับผลที่ตามมาด้วยเเล้วกัน”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ หัวหน้าซู่ พร้อมกับปลดปล่อยเจตนาฆ่าฟันที่รุนเเรง
“นี่เจ้า…”
หัวหน้าซู่เเละคนอื่น ๆ ตกใจกับเเรงกดดันอันทรงพลังของ เย่เฉินเฟิง ไม่มีใครกล้าเข้าหาเขาอย่างสุ่ม ๆ
เเม้เเต่ ตี้หว่านสือ ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ตกใจเช่นเดียวกัน เขาสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่รุนเเรงที่เเผ่ออกมาจากร่างกายของ เย่เฉินเฟิง ตอนนี้เหงื่อของเขาได้ปรากฏขึ้นที่หน้าผากอย่างท่วมท้น
ในขณะที่เรื่องทั้งหมดกำลังจะบานปลาย จู่ ๆ เฉียวจิงหยวน ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอสวมใส่กระโปรงยาวสีเเดงเเละเดินเเหวกว่ายออกมาจากสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิ เธอตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงดัง”เย่เฉินเฟิง เป็นสหายของข้า ใครกันที่คิดจะเเตะต้องเขา?”
“คุณหนูเฉียว”
เเม้ว่าตระกูล ตี้ เเละ ตระกูล เฉียว จะร่ำรวยเเละมีอำนาจในเมืองจักรพรรดิขาว เเต่สถานะของ ตระกูล เฉียว นั้นสูงกว่า ตระกูล ตี้ เมื่อเห็น เฉียวจิงหยวน ออกหน้าให้ เย่เฉินเฟิง ก็ทำให้ หัวหน้าซู่ รู้สึกทำตัวไม่ถูก
“หืม…”
เห็นเฉียวจิงหยวน ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือตนเอง เย่เฉินเฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสงสัยว่า เฉียวจิงหยวน รู้เเล้วว่าเขาเป็นคนช่วยชีวิตของเธอหรืออย่างไร
เเต่เมื่อคิดในอีกเเง่นึง เฉียวจิงหยวน ได้รับยาพิษ เขาเองก็ได้ปลอมตัว ดังนั้นความเป็นไปได้ที่เธอจะรู้ตัวตนที่เเท้จริงของเขามันมีน้อยมาก
ยิ่งไปกว่านั้นหากเธอรู้ว่าเป็นเขาจริงเขาก็จะไม่พูดยอมรับออกมา
ถึง เฉียวจิงหยวน จะเป็นสตรีที่งดงาม เเต่เธอก็หยิ่งผยองเกินไป เย่เฉินเฟิง ไม่ได้คิดอะไรกับเธอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
“เย่เฉินเฟิง ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ไปหาที่ส่วนตัวพูดคุยกันเถอะ”
เฉียวจิงหยวน ไม่ได้สนใจหัวหน้าซู่ เธอจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ด้วยสายตาที่ซับซ้อนเเละพูดออกมา
“คุณหนูเฉียว สหายของท่าน ได้รังเเก นายน้อย ตี้ อย่างไรก็ตามพวกเราไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้ ไม่งั้นพวกเราจะมีหน้าไปอธิบายเรื่องนี้กับ ตระกูล ตี้ ได้อย่างไร”หัวหน้าซู่ พูดขึ้นอย่างช้า ๆ
“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีหน้าไปอธิบายกับตระกูลตี้ เช่นนั้นเจ้าวางเเผนที่จะอธิบายต่อตระกูล เย่ ของข้าในเมืองหลวงเมฆม่วง อย่างไร ? เขาเป็นอดีตสมาชิกตระกูล เย่ของข้า เเละตอนนี้ เขากำลงถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ คิดหรอว่าตระกูลเย่ของข้าจะนิ่งนอนเฉยไม่ทำอะไรเลย?”
เย่จือหลิง ได้ปรากฏตัวขึ้น เธอได้ระเบิดโทสะบางอย่างออกมาโดยกล่าวพูดกับพวกผู้ตรวจการพวกนั้น
“เฮ้อ!”
เย่เฉินเฟิง ไม่ได้ต้องการที่จะเป็นหนี้ตระกูลเย่อีกต่อไป เเต่เขาหารู้ไม่ว่าตอนนี้เขากำลังเป็นหนี้น้ำใจของ เย่จือหลิง
“อะ…ตระกูลเย่จากเมืองหลวง?”
การปรากฏตัวขึ้นของ เฉียวจิงหยวน ก็ทำให้หัวหน้าซู่เกิดความลังเลเเล้ว เเต่การปรากฏตัวของ เย่จือหลิง ทำให้ การเเสดงออกของเขาได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หากเขากล้าหมิ่นประมาทตระกูล เย่ จากเมืองหลวง ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่สวยอย่างเเน่นอน ไม่ต้องพูดถึงสถานะในเมืองจักรพรรดิขาวเเห่งนี้ เขาอาจกระทั่งไม่มีจุดยืนในอาณาจักรซือจินทั้งหมด
“ข้าขอโทษ นายน้อยท่านนี้ด้วย ข้าเป็นคนมีตาหามีเเววไม่ ไม่รู้จักภูเขาไท่ซางสูงต่ำเพียงใด ได้โปรดละเว้นข้า อย่าได้ลดตัวลงมาเสวนากับข้าเลย”หัวหน้าซู่ จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละ กล่าวคำนับขอโทษทันที
“รีบไปซะ”เย่จือหลิง กล่าวพูดออกมาอย่างรุนเเรง
“เวรเอ้ยเกือบซวยเเล้วมั้ยล่ะ !”
หัวหน้าซู่ เเละ ผู้ตรวจการคนอื่น ๆ ตกอยู่ในความหวาดกลัวทันทีพวกเขารีบจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากพวกหัวหน้าซู่ ออกไปเเล้ว ตี้หว่านสือ ก็ไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อ เขารีบเเบกร่างกายที่น่าสงสารของตนเองจากที่นี่เเละวิ่งหนีไปในทันที
“ขอบคุณ”
หลังจาก ตี้หว่านสือ เเละ คนอื่น ๆ จากไป เย่เฉินเฟิง ก็พยักหน้าขอบคุณ เย่จือหลิง
“เย่เฉินเฟิง ดูเเลตัวเองด้วย”
เย่จือหลิง ทิ้งคำเหล่านี้ไว้ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับเเละเข้าไปในสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว
“เย่เฉินเฟิง ข้ามีอะไรที่จะถามเจ้า ได้โปรดเจ้าช่วยตอบตามความจริงได้หรือไม่?”หลังจากที่คนจากไปเเล้ว เฉียวจิงหยวน ที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ด้วยดวงตาเปล่งประกาย
“อะไร?”เย่เฉินเฟิง กล่าวถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ
“คนที่ช่วยชีวิตข้าในคืนนั้นก็คือเจ้าใช่หรือไม่?”เฉียวจิงหยวน จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ด้วยดวงตาที่ซับซ้อน เธอรู้สึกคาดหวังเล็กน้อย เเต่ก็ยังปรากฏความลังเลอยู่บ้าง
“คืนนั้น? เจ้าหมายถึงอะไร ข้าว่าเจ้าจำคนผิดเเล้วล่ะ”
เย่เฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเเละเเสร้งทำเป็นเบือนหน้านี้
“ไม่ใช่เจ้าอย่างงั้นเหรอ?”เฉียวจิงหยวนเปิดเผยความผิดหวัง เมื่อเธอจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง
เเม้ว่าเธอจะไม่อยากที่จะเชื่อว่าคืนนั้นคนที่ช่วยเหลือเธอคือ เย่เฉินเฟิง เเต่ฉากการต่อสู้ของ เย่เฉินเฟิง ที่สั่งสอนบทเรียนให้กับ ตี้หว่านสือ นั้นทำให้ เธอรู้สึกคาดหวังมากเกินไป
“ต้องขออภัยข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพยายามจะสื่อ”เย่เฉินเฟิง สั่นศีรษะอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
เมื่อไม่พบท่าทีผิดปกติของ เย่เฉินเฟิง เธอรู้สึกหัวเราะเยาะตนเอง เเละ เลิกหมดความสนใจในตัวของเขา
“เฉียวจิงหยวน!”
ในขณะที่รูปร่างที่งดงามของ เฉียวจิงหยวน เดินจากไป เย่เฉินเฟิง ถอนหายใจออกมาอย่างนุ่มนวล
หลังจากได้รับมรดรทักษะกลืนวิญญาณเเล้ว เส้นทางของเขา ก็กว้างไกลกว่าเดิม ตัวเขาไม่ใด้จะหยุดอยู่เเค่ที่อาณาจักรซือจิน ไม่นาน พื้นที่เเห่งนี้จะกลายเป็นอดีตสำหรับเขา
ดังนั้นเมื่อตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์เเละความทรงจำที่ไม่นานจะกลายเป็นอดีต เขาก็ตัดสินใจเเล้วที่จะเลิกคิดเกี่ยวกับมันเพื่อมิให้ส่งผลต่อจิตปณิธานหัวใจเเห่งการต่อสู้ที่ไม่ย่อท้อของเขา