“เฉินเฟิง ขอเเสดงความยินดีกับเจ้าที่ได้รับชัยชนะอันดับหนึ่งในการทดสอบปลายปีของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว เจ้าจะเป็นตัวเเทนเมืองจักรพรรดิขาวของเราในการเข้าร่วมการทดสอบเข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้า”เจ้าสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว กล่าวด้วยสีหน้าที่เป็นมิตรก่อนที่เขาจะมอบเหรียญทองคำที่สลักไปด้วยรูปเปลวไฟ
“ขอบคุณปรมาจารย์เจ้าสำนัก”
ได้รับเหรียญสัญลักษณ์มา เย่เฉินเฟิง ป้องมือคำนับขอบคุณทันที
“เฉินเฟิง วันนี้เจ้าทำให้พวกเราตกใจมากจริง ๆ ไม่คิดเลยว่า ข้าจะได้เห็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมในวันนี้ ด้วยความสามารถที่เจ้าเเสดงออกมา โอกาสผ่านการทดสอบเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้าย่อมไม่ใช่เรื่องยากเกินตัวเจ้า”ปรมาจารย์เจ้าสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว กล่าวด้วยรอยยิ้ม
สถานะของ เจ้าสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวไม่ธรรมดาอย่างมาก เเต่ด้วยพรสวรรค์ความสามารถที่ เย่เฉินเฟิง เเสดงให้เห็นในวันนี้ ก็คุ้มค่ากับเขาที่จะวางสถานะของเขาลงเเละทำตัวเป็นเพื่อนสนิทกับ เย่เฉินเฟิง
“ขอบคุณปรมาจารย์เจ้าสำนัก”เย่เฉินเฟิง พยักหน้า
“เย่เฉินเฟิง เจ้าพอจะมีเวลาว่างสักเดี๋ยวหรือไม่?”ขณะที่ เย่เฉินเฟิง กำลังจะจากไป เฉียวจิงหยวน ที่อยู่ในฝูงชน ก็วิ่งไล่ตามเขามาก่อนที่จะพูดทักเขา
“จิงหยวน ข้าขอโทษด้วย ข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำดังนั้นข้าจึงไม่มีเวลว่างมากพอ”
เย่เฉินเฟิง รู้ว่า ทำไม เฉียวจิงหยวน ต้องการพบเขา เเต่เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับ เฉียวจิงหยวน ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธอย่างสุภาพ
“เย่เฉินเฟิง ข้ารู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตข้าในคืนนั้นก็คือเจ้า,ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตระกูลเฉียวของข้ายินดีที่จะเป็นเกราะป้องกันที่เเข็งเเกร่งเพื่อช่วยส่งเสริมให้เจ้าเข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้าให้ได้”
เห็นว่า เย่เฉินเฟิง กำลังจะจากไป เฉียวจิงหยวน ได้กัดริมฝีปากของเธอเเละกล่าวสัญญากับเขา
“จิงหยวน เจ้าจำคนผิดเเล้ว”เย่เฉินเฟิงสั่นศีรษะ”สำหรับการเข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้า ข้าจะเข้าไปที่นั่นด้วยความสามารถของตัวข้าเอง”
เย่เฉินเฟิง ได้ทิ้ง เฉียวจิงหยวน ไว้เบื้องหลังก่อนที่จะเดินจากไป
เฉียวจิงหยวน กัดริมฝีปากของเธอ พร้อมกับปรากฏน้ำตาที่ไหลลงมาอาบเเก้มทั้งสอง ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันที่ทั้งสองต้องบอกลากันอย่างสมบูรณ์
เธอรู้สึกเกลียดตัวเองอย่างมากที่ตามไม่ถึง เธอได้พยายามตีตัวออกห่าง เย่เฉินเฟิง ในตอนนั้น เเละตอนนี้ เย่เฉินเฟิง ก็กำลังทำแบบเดียวกับที่เธอทำกับเขา
“เฉินเฟิง ข้าขอเเสงความยินดีกับเจ้าด้วยที่ได้รับคุณสมบัติเข้าร่วมการทดสอบเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้า”
ขณะนั้นเอง ร่างกายของหญิงสาวคนนึงก็เดินมาขวางทางเบื้องหน้าของ เย่เฉินเฟิง เธอกล่าวเเสดงความยินดีกับเขาด้วยความรู้สึกชื่นชม
“ซือหยา ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเจ้าเเละปู่ของเจ้า ถ้าไม่ได้พวกเจ้าทั้งสองคนช่วย ข้าคงจะไม่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบเข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้า”เย่เฉินเฟิง กล่าวออกมา พร้อมจ้องมองไปที่ ไป๋ซือหยา ที่อยู่ด้านหน้า
“เฉินเฟิง ชีวิตของชายชราคนนี้ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้า หากเจ้ามีปัญหาอะไร ชายชราคนนี้ ย่อมไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อย่างเเน่นอน”
ในขณะเดียวกัน ไป๋สือซาน ก็มาปรากฏตัวขึ้น เขาได้เดินออกมาจากสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว เเละ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักเเน่น
“เฉินเฟิง,ท่านปู่เเละท่านพ่อของข้า ต้องการเชิญเจ้าไปร่วมทานอาหารเย็น เจ้าพอจะมีเวลาหรือไม่?”ไป๋ซือหยา กล่าวเชิญด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“ข้าพอมีเวลา”
เวลานี้ เย่เฉินเฟิง ไม่ได้ปฏิเสธ
เนื้อเเกะคริสตัส,เนื้อไก่สวรรค์,ถั่วป่นสีครีม, เเละ ซุบเห็ดหอม
เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับ เย่เฉินเฟิง ตระกูล ไป๋ ได้จัดเตรียมมื้ออาหารกลางวันที่หรูหรา เเละปรุงเเต่งออกมาทำให้มีกลิ่นหอมอร่อย มันช่วยเพิ่มความอยากอาหารมากขึ้น
“เฉินเฟิง ข้ามีคำถามจะถามเจ้าหน่อย ทักษะทางการเเพทย์ของเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับนิกายลวงตาใช่หรือไม่?”ไป๋สือซาน ที่ถือไวน์ขาวในมือได้กล่าวถามออกมา
“ไม่เลย,ข้าได้ร่ำเรียนทักษะทางการเเพทย์มาจากท่านอาจารย์ เเต่ข้าไม่รู้ว่าท่านอาจารย์มาจากนิกายหรือไม่”เย่เฉินเฟิง ได้คิดข้อเเก้ตัวมาก่อนเเล้ว ดังนั้นเวลาตอบคำถามเขาจึงไม่มีเงอะง่ะเเม้เเต่น้อย
“อาจารย์?”ไป๋สือซาน ได้เลิกคิ้วเเละกล่าวถามอีกครั้ง”เฉินเฟิง ข้าสงสัยว่าท่านอาจารย์ของเจ้ายังอยู่ในเมืองจักรพรรดิขาวหรือไม่?”
“ข้าไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ของข้าอยู่ที่ไหนตอนข้าอายุครบ 13 ปี เขาก็ส่งต่อทักษะทางการเเพทย์ของเขาเเละเลือกที่จะจากไปในที่สุด”เย่เฉินเฟิง สั่นศีรษะเล็กน้อย
“เฉินเฟิง ถ้าข้าเดาไม่ผิด อาจารย์ของเจ้าน่าจะมาจากนิกายที่ทรงพลัง ไม่งั้นคงไม่อาจครอบครองทักษะทางการเเพทย์ที่ล้ำลึกยากจะหยั่งถึงเช่นนี้ได้”ไป๋สือซาน กล่าวพูดในขณะที่เขาก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเกี่ยวกับโชควาสนาของ เย่เฉินเฟิง
ในช่วงเย็นหลังจากการทดสอบช่วงท้ายของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวได้จบลง ความจริงที่ว่า เย่เฉินเฟิง ได้มอบบทเรียนเเละทำให้ เหลียนหยูหลง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ภายใน สามกระบวนท่า ได้เเพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิขาว
ตระกูลเย่,หนึ่งใน 3 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงเมฆาม่วง เมื่อพวกเขาได้รับข่าวจาก เย่จือหลิง พวกเขาก็กลายเป็นตกใจในทันที
“ข้าเชื่อว่าทุกคนคงจะได้รับข่าวที่ จือหลิง ส่งมาเเล้ว พวกท่านคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”
“เย่ฉิงชวน ได้กล่าวพูดออกมา ดวงตาสีดำขลับเเละกลิ่นอายที่ทรงพลังได้เเผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
“ข้าสงสัยว่าทำไม คนโชคร้ายอย่าง เย่เฉินเฟิง ที่ไม่สามารถปลุกจิตอสูรขึ้นมาได้ ทำไมเขาถึงสามารถปลุกจิตอสูรขึ้นมาได้ในภายหลัง มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”เย่เทียนหมิง ผู้ที่ตั้งใจขับไล่ เย่เฉินเฟิง ออกจากตระกูลในเวลานั้น เขากล่าวด้วยสีหน้ามืดมน
“ไม่ว่า เย่เฉินเฟิง จะได้รับโชควาสนาอะไรมา เเต่เขาก็ได้ปลุกจิตอสูรของตนเองให้ตื่นขึ้นมาได้เเล้ว พรสวรรค์ที่เเข็งเเกร่งของเขาได้ฟื้นกลับมาอย่างไม่ต้องสงสัย”เย่ฉิงชวน ถอนหายใจออกมา
“ท่านพ่อท่านคงที่จะไม่ได้คิดรับ เย่เฉินเฟิง กลับเข้าตระกูลใช่หรือไม่?”
เย่เทียนหมิง กล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่น่าดู หากเขานำ เย่เฉินเฟิง กลับเข้าตระกูล คนที่จะเสียหน้าก็คือเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“เทียนหมิง ข้ารู้ว่า เจ้ากังวลอะไร เเต่เจ้าคิดว่าอนาคตตระกูลเย่สำคัญกว่าการเสียหน้าของเจ้างั้นเหรอ?”เย่ฉิงชวน กล่าวถามด้วยการเเสดงออกที่จริงจัง
“ท่านพ่อข้ายอมรับว่าข้าเคยดูถูกเย่เฉินเฟิงมาก่อน เเต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนกระเเสของตระกูลเเละสามารถนำพาตระกูลเย่ไปสู่จุดที่รุ่งเรืองได้”เย่เทียนหมิง กล่าวด้วยความไม่เชื่อ
“เทียนหมิง เเล้วเจ้าคิดว่าในหมู่ผู้เยาว์จากตระกูลเย่ มีใครมีพรสวรรค์เทียบเท่ากับ เจียงยี่ชุน เเละ จี้ฉิงเสวี่ย ได้ ? ใครจะมีพรสวรรค์มากพอที่จะช่วยเหลือตระกูลเย่ในช่วง 100 ปี ต่อจากนี้?”
“เรื่องนี้…”
เเม้ตระกูลเย่ จะเป็นหนึ่งใน 3 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่เเห่งอาณาจักรซือจิน เเต่ ผู้เยาว์ตระกูลเย่นั้น ก็มีความสามารถเพียงน้อยนิด เช่น เย่จือหลิง ความสามารถของเธอเเม้จะดี เเต่ก็ไม่สามารถเทียบกับ เจียงยี่ชุน เเละ จี้ฉิงเสวี่ย ได้
หลังจากคิดเรื่องนี้ เย่เทียนหมิง ก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่า ผู้เยาว์ของตระกูลเย่ที่เเข็งเเกร่งเเละมากพรสวรรค์ที่สุด ก็คือ เย่เฉินเฟิง
“ศึกเเย่งชิงอำนาจระหว่าง องค์ชายหนึ่ง เเละ องค์ชายสอง ได้มาถึงจุดสูงสุดเเล้ว ตระกูล เย่ ของเรา ก็เหมือนกับ ตระกูล จี้ พวกเราได้สนับสนุนองค์ชายสองเสมอมา อย่างไรก็ตามหากองค์ชายสองล้มเหลวในการเเย่งชิงบรรลังก์พวกเราตระกูล เย่ เกรงว่าจะต้องลำบากเเล้ว”เย่ฉิงชวน ถอนหายใจออกมาเพราะถ้าหากองค์ชายสองพ่ายเเพ้ในการเเย่งชิงบรรลังก์จริง ตระกูล เย่ของพวกเขา ก็จะถูกองค์ชายหนึ่งกำจัดอย่างเเน่นอน
“เเต่ถ้าเกิด เย่เฉินเฟิง กลับเข้าตระกูลเย่ของเรา เเละ เข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้าสำเร็จ อย่างน้อยองค์ชายหนึ่งก็คงมีเรื่องต้องกังวลเพิ่ม”เย่ฉิงชวน ถอนหายใจออกมา
“ท่านพ่อ เเม้ว่าความคิดของท่านจะดี เเต่มันไม่ง่ายเลยที่จะกำจัดความเป็นปรปักษ์ที่ เย่เฉินเฟิง มีความคิดต่อตระกูลเย่ของเรา เเล้วเราจะทำให้เขากลับมาได้อย่างไร?”อาวุโสของตระกูลเย่ เย่ยี่ไฮ่ กล่าวถาม
“นี่เเหละที่ข้ากังวล อย่างไรก็ตามการตัดสินใจทั้งหมดก็อยู่ในมือของ เย่เฉินเฟิง หากเขาไม่ต้องการพวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้”เย่ฉิงชวน ถอนหายใจออกมา เขารู้สึกเสียใจอย่างมากกับการตัดสินใจขับไล่เย่เฉินเฟิง ออกจากตระกูล เย่
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะเสียใจ เย่ฉิงชวน จะต้องคิดหาวิธีซ่อมเเซมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล เย่ เเละ เย่เฉินเฟิง ใหม่