“ผู้จัดการจี คนผู้นี้คือ?”
จีหยุนหยู ได้กล่าวถามหลังจากจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ที่เผยกลิ่นอายเเห่งความเยาว์ออกมา
“ท่านรองประมุข นี่คือ หมอศักดิ์สิทธิ์ เฉิน ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของอาวุโสไป๋”ชายชราผมขาวได้กล่าวเเนะนำ
“เป็นเขา?”
เมื่อชายชราผมขาวกล่าวเเนะนำ จี้ฉิงเสวี่ย ก็รู้สึกเเปลกใจเล็กน้อย เธอจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง อย่างระมัดระวัง เเละสามารถสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยจากตัวตนของเขา
“โอ้ว,ที่เเท้ท่านก็คือหมอศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยรักษาอาวุโสไป๋คนนั้น?”
จี้หยุนหยู เป็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของ ไป๋สือซาน เเม้เเต่หมอซู่ ที่เป็นหมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวงเเห่งนี้ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ถึงกระนั้น หมออัจฉริยะคนนี้กลับใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงในการขับพิษธาตุไฟออกจากร่างกายของไป๋สือซาน
เเต่ทว่ากลิ่นอายเเห่งความเยาว์ที่เย่เฉินเฟิงปล่อยออกมาทำให้ จี้หยุนหยู ไม่มีทางเลือกนอกจากสงสัยตัวตนของเขา เขาได้หันกลับไปมอง จี้ฉิงเสวี่ย ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“เป็นข้าเอง!”เย่เฉินเฟิง พยักหน้า
“ปรมาจารย์เฉิน พวกเราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่”จี้ฉิงเสวี่ย ได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ด้วยสายตาที่เเผดเผา เธอกล่าวถามด้วยเสียงไพเราะ
เเม้ว่าใบหน้าของ เย่เฉินเฟิง ในตอนนี้จะไม่คุ้นเคย เเต่ประสาทสัมผัสที่ 6 ของผู้หญิง ก็มักจะเเจ้งเตือนให้ จี้ฉิงเสวี่ย รู้สึกว่าเธอรู้จักชายคนนี้เเน่นอน
“ไม่เคย”เย่เฉินเฟิงสั่นศีรษะเเละตอบกลับอย่างใจเย็น”ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อทำการรักษาหากพวกท่านไม่เชื่อในตัวข้า ข้าคงจะต้องขอตัวจากไปในทันที”
เมื่อได้ยินเสียงที่เยือกเย็นของ เย่เฉินเฟิง ความรู้สึกที่คุ้นเคยของ จี้ฉิงเสวี่ย ก็กลายเป็นมั่นใจมากขึ้น
“ทำไมเสียงของเขาถึงฟังคล้ายกับคน ๆ นั้น?”
เมื่อนึกย้อนไปถึงชายหนุ่มลึกลับที่ช่วยเหลือชีวิตของเธอกับไป๋ซือหยา ทำให้ ตอนนั้น จี้ฉิงเสวี่ย สามารถจดจำน้ำเสียงของชายคนนั้นได้ดี เเละ ตอนนี้ เธอรู้สึกว่า เสียงของปรมาจารย์เฉินช่างคล้ายกับคน ๆ นั้น
“เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะเป็นคน ๆ เดียวกัน ? เขาได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ในตอนนั้นหรือไม่?”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น หัวใจของ จี้ฉิงเสวี่ย ก็เต้นเเรงมากขึ้น ดวงตาโตที่สวยงามคู่นั้นของเธอ ก็จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ราวกับต้องการมองผ่านความจริงผ่านเขา
“โอ้ว,คนหนุ่มนี่ก็ใจร้อนเสียจริง ท่านรองประมุข ยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ”ชายสูงอายุคนนึงที่สวมใส่เสื้อคลุมสีทอง เขามีชื่อเสียงมากในโลกเเห่งการเเพทย์ เขาจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละตะโกนเสียงดัง
“เช่นนั้นเจ้ามีความสามารถมากพอจะรักษาอาการของอาวุโสไป๋หรือไม่?”เย่เฉินเฟิง กล่าวพูดออกมาเขาเผยให้เห็นถึงความรังเกียจในสายตาคู่นั้น
“อะไรทำให้เจ้ามั่นใจขนาดนี้?”ชายชราที่สวมใส่ชุดคลุมสีดำได้กล่าวถามเเละหัวเราะออกมา
“เพราะข้ามั่นใจว่าข้ามีความสามารถมากกว่าพวกเจ้าทุกคน”เย่เฉินเฟิง พูดอย่างมั่นใจ
“เป็นเด็กที่โอหังยิ่งนัก!”ชายชราชุดคลุมสีดำไม่คิดเลยว่า เย่เฉินเฟิง จะเย่อหยิ่ง ถึงเพียงนี้ เขารู้สึกโกรธเเละเเค้นมาก เส้นเลือดสีดำได้ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขาพร้อมกับที่เขาตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง”เจ้ารู้หรือไม่ว่าชายชราคนนี้เป็นใคร ? เมื่อตอนที่ข้าร่ำเรียนศาสตร์เเห่งการเเพทย์ เจ้ายังไม่เเม้เเต่จะเกิดเลยด้วยซ้ำ”
“อายุไม่ได้บ่งบอกอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเเข็งเเกร่ง สำหรับที่ว่าเจ้าคือใคร ข้าไม่สนใจจะใคร่รู่”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ ชายชราสวมชุดคลุมสีดำ เขากล่าวพูดอย่างเฉยเมย
“นี่เจ้า…”
“พวกท่านทั้งสองได้โปรดไว้หน้าข้าด้วย ที่พวกเรามารวมตัวกันที่นี่ก็เพื่้อหาวิธีรักษาอาการบาดเจ็บของท่านพ่อของข้า”เมื่อเห็นทั้งสองคนเริ่มที่จะตีกัน จี้หยุนหยู พยายามใช้ฐานะของเขาเพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างทั้งสองคน
“ถ้าท่านยืนยันที่จะให้เขาอยู่ข้าจะจากไปในทันที”ชายชราที่สวมใส่ชุดคลุมสีดำโกรธมากเขากล่าวพูดออกมาอย่างรุนเเรง
“ให้ข้าดูอาการผู้ป่วยเถอะ”
เย่เฉินเฟิงมองข้ามชายชราชุดคลุมดำ เขาได้กล่าวพูดออกมาโดยไม่สนใจอีกฝ่าย
“นี่…”
จี้หยุนหยู จ้องมองไปที่ ชายชราชุดคลุมสีดำ จากนั้นก็จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ที่สงบเยือกเย็นเเละดูไร้อารมณ์ ตอนนี้เขารู้สึกกังวลอย่างมาก
เเม้ว่า เย่เฉินเฟิง จะให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาออกมา เเต่ชายชราชุดคลุมสีดำนั่นก็เป็นหมอจากเมืองหลวงเเห่งนี้เขาขึ้นชื่อว่ามีทักษะทางการเเพทย์ที่ไม่ธรรมดา จี้หยุนหยู ไม่กล้าที่จะเสี่ยงปล่อยเขาไป
“ท่านพ่อ ให้ปรมาจารย์เฉินได้ลองเถอะ ข้ารู้สึกเชื่อมั่นในตัวของเขา”
เมื่อเห็นสถานการณ์อยู่ในภาวะชะงักงัน จี้ฉิงเสวี่ย ได้กัดริมฝีปากของเธอเเละพูดขึ้น
“เช่นนั้นข้าขอตัว”
เมื่อได้ยินว่า จี้ฉิงเสวี่ย เลือก เย่เฉินเฟิง ใบหน้าของชายชราชุดคลุมดำ เต็มไปด้วยความโกรธ เขาเหวี่ยงเเขนสบัดเสื้อเเละเดินจากไปทันที
“ปรมาจารย์เฉินได้โปรดตามข้ามา”
เมื่อจี้หยุนหยู เห็น ชายชราชุดคลุมดำจากไปด้วยความโกรธ เขาก็ถอนหายใจออกมา พร้อมกับพา เย่เฉินเฟิง ไปที่ลานเล็ก ๆ ที่ จี้หยางเฉิน อยู่
“ช่างเป็นกลิ่นที่รุนเเรงมาก ๆ “
ทันทีที่ เย่เฉินเฟิง เดินเข้าไปในลานเล็ก ๆ เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นตัวยาหนา ๆ ที่ลอยอยู่บนอากาศ เขาผลักประตูเดินเข้าไปก็พบกับ จี้หยางเฉิน ในสภาพอ่อนเเอ เเละ ปรากฏออร่าเเห่งความตายบนใบหน้า
“หยุนหยู คนผู้นี้คือ?”
เมื่อ จี้หยางเฉิน ที่กำลังเเช่ในถังยา ลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นเย่เฉินเฟิง ที่ดูเป็นเพียงผู้เยาว์เขาก็กล่าวถาม
“ท่านพ่อ นี่คือปรมาจารย์เฉินที่ช่วยชีวิตอาวุโสไป๋ก่อนหน้านี้”จี้หยุนหยู ได้กล่าวพูดออกมาอย่างเต็มปาก
“ข้าไม่คิดเลยว่าปรมาจารย์เฉินคนนั้นจะยังเด็กถึงเพียงนี้”จี้หยางเฉิน ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อายุไม่ได้หมายถึงทุกสิ่ง”เย่เฉินเฟิง เดินตรงไปที่ข้างถังยาเเละกล่าวสั่ง”ยื่นมือออกมา”
จี้หยางเฉิน รู้สึกตกตะลึงกับคำสั่งของ เย่เฉินเฟิง เป็นระยะเวลานานเเล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้
“ท่านปู่ ข้าเชื่อว่าปรมาจารย์เฉินจะสามารถช่วยรักษาท่านได้อย่างเเน่นอน”จี้ฉิงเสวี่ย เห็น ปู่ของเธอไม่ตอบสนองคำพูดของ ปรมาจารย์เฉิน เธอได้กล่าวพูดขึ้น
“ใครบอกว่าข้าจะสามารถรักษาได้อย่างเเน่นอน ? ข้าเพียงเเค่ต้องการตรวจสอบอาการก่อนเท่านั้น”เย่เฉินเฟิง ตัดบทอย่างเยือกเย็น
เมื่อได้ยินคำพูดของ เย่เฉินเฟิง จี้ฉิงเสวี่ย ก็ปิดปากเเน่นทันที เธอไม่รู้ว่าตัวเธอทำอะไรผิด เพราะปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายเเสดงออกมา ราวกับว่ามองเธอเป็นศัตรูของเขา
“ฮ่าฮ่า น่าสนใจจริง ๆ เช่นนั้นข้าคงต้องขอรบกวนท่านด้วย”จี้หยางเฉิน จ้องมองไปที่ จี้ฉิงเสวี่ย ก่อนที่จะยื่นเเขนให้ เย่เฉินเฟิง ดู
“ทำไมอาการบาดเจ็บของท่านถึงร้ายเเรงขนาดนี้ ? โลหิตเเละอวัยวะภายในของท่านกำลังจะตาย”
เมื่อ เย่เฉินเฟิง ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของ จี้หยางเฉิน เขาก็พบว่า อาการนี้ร้ายเเรงกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก มันเเทบจะเหนือกว่าอาการบาดเจ็บของอาวุโสไป๋ตอนที่เขาทำการรักษาอีก
“เห้อ,มันก็ยากที่จะพูด เเต่ข้าสงสัยว่าท่านหมอศักดิ์สิทธิ์พอจะมีหนทางชะลออาการบาดเจ็บของข้าหรือไม่?”
จี้หยางเฉิน กล่าวพูดออกมา ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนเเอของเขา เขาไม่หวังว่าจะสามารถรักษามันกลับมาได้อีก ขอเพียงเเค่ชะลออาการเจ็บป่วยเเละช่วยเหลือตระกูลจี้ให้รอดพ้นจากช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดก็เพียงพอเเล้ว
“มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะชะลออาการบาดเจ็บของท่าน เเต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับการรักษา”เย่เฉินเฟิงตอบกลับหลังจากค้นหาความทรงจำที่เขาได้รับการสืบทอดมา
“อะ…ท่านบอกว่าข้ามีโอกาสที่จะรักษาอาการบาดเจ็บงั้นเหรอ?”
ได้ยินคำพูดของ เย่เฉินเฟิง ,จี้หยางเฉิน เบิกดวงตากว้างขึ้นด้วยประกายเเห่งความหวัง
“ก็พอมีหนทาง เเต่ถ้าไม่สามารถรับปากท่านได้”เย่เฉินเฟิงตอบกลับ
“ปรมาจารย์เฉิน ถ้าท่านรักษาอาการบาดเจ็บของท่านพ่อข้าได้ ตระกูลจี้ของข้าจะขอเป็นสหายกับท่านตลอดไป”จี้หยุนหยู พูดด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
จี้หยางเฉิน สำคัญกับตระกูล จี้อย่างมาก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ตระกูลจี้อาจจะพังพินาศก็ได้
“ข้าไม่สนใจที่จะเป็นสหายตลอดไปกับตระกูลจี้ ข้ามาก็เพื่อของรางวัล”เย่เฉินเฟิงตอบกลับเบา ๆ
“ปรมาจารย์เฉิน เพียงเเค่ท่านสามารถชะลออาการบาดเจ็บของข้า เเละไม่ให้มันส่งผลกระทบต่อข้าในช่วงระยะเวลาสั้น ได้ ข้าจะตบรางวัลเป็นสมบัติหายากที่ตระกูลจี้ครอบครองอยู่ให้ท่านอย่างเเน่นอน”จี้หยางเฉิน กล่าวสัญญา
“อืม”
เย่เฉินเฟิง ตอบรับเเละพยักหน้าอย่างไม่ลังเล เขาหยิบเข็มเงินที่เขานำมาพร้อมกับเริ่มทำการรักษา จี้หยางเฉิน