ในคืนนั้นสายลมอ่อน ๆ พร้อมกับเเสงจันทร์ที่อ่อนโยนได้เข้าปกคลุมไปทั่วเมืองหลวงเมฆาม่วงเเห่งนี้ทำให้บรรยากาศภายในเมื่องเต็มไปด้วยความเงียบสงบ
หลังจากการทดสอบเข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้าในปีนี้ได้จบลง เย่เฉินเฟิง เเละ คนอื่น ๆ ก็เเยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
สำหรับ ความขัดเเย้งระหว่าง เย่เฉินเฟิง เเละ เสิ่นถู๋เสวี่ย ทางนิกายเพลิงผลาญฟ้าได้ซ่อนมันไว้จากผู้คนจำนวนมาก คนภายนอกยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
“เห้อ,เป็นพวกเราผิดต่อเย่เฉินเฟิงอย่างเเท้จริง เขาเป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์พรสวรรค์ของเขาสามารถที่จะช่วยเหลือตระกูลเย่ของข้าให้กลับมาผงาดอีกครั้ง”
หลังจากได้ยินผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ของ เย่เฉินเฟิง เย่ฉิงชวน ได้ถอนหายใจออกมาในขณะที่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการตำหนิตัวเองเเละเศร้าเสียใจ
“ท่านพ่อข้าคิดว่าเราควรไปขอโทษเย่เฉินเฟิงดีหรือไม่? เรื่องนี้ก็เป็นเพราะพี่ใหญ่ที่ได้ตำหนิเเละขับไล่ เย่เฉินเฟิงออกไป หากเราสามารถปรับความสัมพันธ์ของพวกเขาใหม่ได้บางที เย่เฉินเฟิง อาจจะเลือกกลับเข้าตระกูลเย่ของเรา”เย่ยี่ไห่ กล่าวพูดกับ เย่ฉิงชวน ที่ตำหนิตัวเอง
“เห้อ ข้าเองก็กำลังคิดหาวิธีอยู่ ถ้าพวกเราเชิญเย่เฉินเฟิงกลับมาได้ก็คงจะดี อย่างน้อยเขาอาจจะเห็นเเก่ ซวนเสียง”เย่ฉิงชวน พยักหน้าตอบตกลง
ขณะที่ทางตระกูล เย่ กำลังนึกเสียใจกับผลลัพธ์อันน่าทึ่งของ เย่เฉินเฟิง อีกทางด้านหนึ่งตระกูลอันดับหนึ่งเเห่งอาณาจักรซือจิน ตระกูล เจียง พวกเขาอยู่อย่างไม่สงบเพราะผลลัพธ์การทดสอบของ เย่เฉินเฟิง
“ข้าไม่คิดเลยว่าไอ้ลูกนอกสมรสตัวเล็ก ๆ จะซุกซ่อนความไร้กาจได้ถึงเพียงนี้ อย่างที่คิด ข้าจะต้องหาวิธีกำจัดมัน หากมันเติบโตมากขึ้นกว่านี้มันจะกลายเป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่ต่อตระกูล เจียงของข้า”
เจียงจ้งเซียน ผู้นำตระกูลเจียง เขาได้นั่งเคาะนิ้วเบา ๆ บนโต๊ะเเปดเหลี่ยมข้าง ๆ เขาขณะที่กล่าวพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ท่านพ่อ ท่านกลัวว่า เย่เฉินเฟิง จะตรวจสอบหาสาเหตุการตายของ เย่ซวนเสียง เเละ เเก้เเค้นพวกเราหรือไม่?”บุตรชายคนโตของ เจียงจ้งเซียน,เจียงซือหยู ได้กล่าวถาม
“นั่นเเหละที่ข้ากังวล เเม้ว่า เย่เฉินเฟิง จะไม่มีความรู้สึกผูกพันธ์ต่อตระกูล เย่ เเต่มันก็ถูกชุบเลี้ยงโดย เย่ซวนเสียง ถ้าเกิดมันรู้ว่าสาเหตุการตายของ เย่ซวนเสียง เป็นพวกเราเเอบลอบวางพิษล่ะก็…”เจียงจ้งเซียน กล่าวออกมาพร้อมกับเเสดงสีหน้าจริงจัง
“ท่านปู่ จริง ๆ เเล้วท่านไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับ เย่เฉินเฟิง มันมากนัก เพราะพวกเรามีผู้เห็นด้วยกับอุดมการณ์ในการกำจัดมัน”
เมื่อบรรยากาศภายในห้องโถงหลักของตระกูล เจียง ค่อนข้างอึดอัด เจียงยี่ชุน อัจฉริยะจาตระกูล เจียง ที่นำข่าวจากนิกายเพลิงผลาญฟ้ากลับมาได้พูดขึ้น
“ยี่ชุน เจ้าหมายถึงใครที่จะช่วยเราจัดการเย่เฉินเฟิง?”คิ้วสีขาวราวหิมะของ เจียงจ้งเซียน ขมวดขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขากล่าวถาม
“ตระกูลเสิ่นถู๋ เเละ ตระกูล ชางกวน”เจียงยี่ชุน ตอบกลับ
“เจ้ากำลังจะบอกว่า เย่เฉินเฟิง มันไปล่วงเกินตระกูลนักรบโบราณทั้งสองอย่างงั้นเหรอ?”เจียงจ้งเซียนกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
เเม้ว่าตระกูล เจียง จะเป็นตระกูล อันดับหนึ่งในอาณาจักรซือจิน เเต่รากฐานความเเข็งเเกร่งโดยรวมของตระกูลเจียง ยังห่างไกลเมื่อเทียบกับตระกูลนักรบโบราณทั้งสอง
“ใช่,ข้าได้ยินมาว่า ตอนที่ เย่เฉินเฟิง กำลังข้ามภูเขาเมฆาม่วง มันได้มีความขัดเเย้งกับ เสิ่นถู๋เสวี่ย,เสิ่นถู๋เย่ เเละ ชางกวนเป็ง ท้ายที่สุด เรื่องทั้งหมดก็จบลงภายใต้คำเตือนของอาวุโสจากนิกายเพลิงผลาญฟ้า”เจียงยี่ชุน พยักหน้าตอบรับ
อย่างไรก็ตาม เพราะ เสิ่นถู๋เสวี่ย ได้จงใจซ่อนความจริงเรื่องที่พวกเขาสังหาร เหวิ่นเฟยหง ไป ดังนั้น เจียงยี่ชุน จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ประเสริฐ ได้สองตระกูลที่ยิ่งใหญ่เป็นเเกนนำร่วม การกำจัดเย่เฉินเฟิง ก็คงจะง่ายขึ้นมาก”เจียงจ้งเซียน ได้เผยรอยยิ้มออกมา
“ยี่ชุน หลังจากเจ้ากลับไปยังนิกายเพลิงผลาญฟ้า เจ้าต้องคอยจับตาดู เย่เฉินเฟิง เอาไว้ ถ้าเจ้ามีโอกาส ก็ลงมือฆ่ามันเสีย เพื่อป้องกันเรื่องที่จะตามมาในอนาคต”เจียงจ้งเซียน กล่าวพูดอย่างเหี้ยมโหด
“ท่านปู่ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ตัวดีว่าจะต้องทำยังไง”เจียงยี่ชุนพยักหน้าตอบรับ
เมื่อการทดสอบเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้าจบลง เเละ ทุกคนที่เเยกย้ายกลับไปได้มารวมตัวกันอีกครั้งภายใต้การชี้นำของอาวุโสหลิว,อาวุโสหลิว ได้เเจกจ่ายตราสัญลักษณ์ของนิกาย ที่เป็นเครื่องยืนยันว่าพวกเขาเป็นศิษย์ของนิกายเพลิงผลาญฟ้าอย่างเป็นทางการให้พวกเขา
สำหรับชายร่างใหญ่ที่ เย่เฉินเฟิง ฆ่าตายไป เรื่องของเขาไม่ได้มีคนสนใจเเม้เเต่น้อย สิ่งนี้ทำให้ ความกังวลของ จี้ฉิงเสวี่ย ผ่อนคลายมากขึ้น
“ลานทั้งหกนี้จะเป็นสถานที่ที่พวกเจ้าจะต้องอยู่นับจากนี้ไป เย่เฉินเฟิง เนื่องจากผลการทดสอบของเจ้าดีที่สุด เจ้าสามารถเลือกได้ก่อน”อาวุโสหลิว ได้หยิบเเผนที่ของนิกายเพลิงผลาญฟ้าขึ้นมาเเละชี้ไปยังตำเเหน่งลานว่างทั้งหกในเเผนที่
“ข้าเลือกอันนี้”
เนื่องจากเย่เฉินเฟิงชอบความสงบสุขดังนั้นเขาจึงได้จินตนาการนึกคิดอย่างรวดเร็ว ลานนั่นมันถูกสร้างขึ้นบนขอบหน้าผาที่ค่อนข้างห่างไกล
หลังจากที่ เย่เฉินเฟิง เลือกเสร็จ ชางกวนเป็ง เสิ่นถู๋เย่ เเละ คนอื่น ๆ ก็เลือกลานที่พักของตัวเอง
“ข้าจะให้ธงสัญลักษณ์กับพวกเจ้าทั้งหกคน ตราบใดที่พวกเจ้าวางมันไว้ที่กึ่งกลางของรูปแบบก่อตัวพวกเจ้าจะสามารถเปิดใช้งานมันเป็นพื้นที่ส่วนตัวเเละไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครจะมารบกวนพื้นที่ของพวกเจ้าขณะที่ทำการฝึกฝน”
“ส่วนนี่คือชุดของศิษย์นิกายเพลิงผลาญฟ้า ชุดเหล่านี้ทำจากไหมเหมันต์เเละไหมทองพิเศษหลังจากพวกเจ้าสวมใส่มันพวกเจ้าจะสามารถหลีกเลี่ยงเเมลงพิษได้นับร้อยชนิด”
“นอกจากนี้ข้าจะให้ผลึกวิญญาณระดับต่ำกับพวกเจ้าคนละ 30 ก้อน พวกเจ้าสามารถไปที่ตำหนักทักษะวิญญาณเเละเลือกทักษะที่จำเป็นกับเจ้าเพื่อนำมันมาฝึกฝนได้”
“อย่างไรก็ตามข้าต้องการให้พวกเจ้าคิดหาวิธีที่จะได้รับผลึกวิญญาณเหล่านี้หลังจากใช้พวกมันไปเเล้ว ในเเผ่นหยกนี่มีวิธีการอธิบายอย่างละเอียด”
“เอาล่ะ นี่มันก็สายมากเเล้ว พวกเจ้าสามารถกลับไปยังลานที่พักของพวกเจ้าได้ ข้าหวังว่าจะได้เห็นชื่อของพวกเจ้าติดอยู่ในทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้า”
“ขอบคุณอาวุโสหลิว”หลังจาก ที่ เย่เฉินเฟิง เเละคนอื่น ๆ รับสิ่งของที่จำเป็นมาจากอาวุโสหลิวเเล้ว พวกเขาก็เเยกย้ายกันไปที่ลานที่พักของตัวเอง
“เย่เฉินเฟิง เจ้ารอก่อนเถอะ ตระกูลเสิ่นถู๋ ของข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปเเน่”เสิ่นถู๋เย่ ที่ได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่ เขาได้กล่าวพึมพัมในใจหลังจากเห็น เย่เฉินเฟิง เดินจากไป ดวงตาของเขาตอนนี้กลายเป็นดุร้ายมากขึ้น
“ช่างเป็นลานที่พักที่สวยงามอะไรเช่นนี้”
หลังจากมาที่ลานที่พักของตัวเอง ดวงตาของ เย่เฉินเฟิง ก็เปล่งประกายมากขึ้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าสถานที่ความเป็นอยู่ในนิกายเพลิงผลาญฟ้าจะดีเยี่ยมมากขนาดนี้ บ้านที่พักนั้นถูกสร้างจาก ไพลิน สีฟ้า เเละ ประดับไปด้วย มุกราตรี
มันถูกตั้งอยู่ทามกลางสนามหญ้าที่มีต้นต้นไผ่สีเขียวปลิวพริ้วไสว ข้าง ๆ มีสระน้ำเล็ก ที่มีฝูงปลาจำนวนนึงเเหวกว่ายอยู่
เย่เฉินเฟิง ได้เดินตรงไปที่รูปแบบก่อตัวเเละปักธงสัญลักษณ์ลงไป เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานวิญญาณจำนวนมากที่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง
ภายในเวลาไม่ถึงครั่งชั่วโมงสถานที่เเห่งนี้ก็ปกคลุมไปด้วยพลังวิญญาณที่เหมือนกับเเดนสวรรค์
“ไม่เเปลกใจที่เหล่าศิษย์จากตระกูลใหญ่อื่น ๆ หลายคนต้องการที่จะเข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้า ดูเหมือนสภาพเเวดล้อมที่นี่เหมาะสำหรับการบ่มเพาะพลังมากกว่าโลกภายนอกเสียอีก”
เย่เฉินเฟิง พอใจมากกับสภาพเเวดล้อมที่เหมาะสมเเก่การบ่มเพาะพลังในนิกายเพลิงผลาญฟ้านี้ เขาบิดตัวขี้เกียจเเละเดินเข้าไปที่บ้านพักของตัวเองก่อนที่จะหยิบเเผ่นหยกออกมาเเละปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปข้างใน