“บัญญัติกฏศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อเย่เฉินเฟิงถ่ายพลังวิญญาณลงไปบนเเผ่นหยก เขากฏเห็นตัวหนังสือที่ปรากฏข้อความกฏของนิกายเพลิงผลาญฟ้าขึ้นมา อย่างไรก็ตาม กฏเหล่านั้นมีประโยชน์กับคนอ่อนเเอเพียงเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงได้อ่านข้ามไป
ต่อจากนั้นก็มีเเผนที่รายละเอียดคร่าว ๆ ของนิกายเพลิงผลาญฟ้าปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขา มันเป็น เเผนที่ เเสดงรายละเอียดพื้นที่พิเศษทั้งแปดใน นิกายเพลิงผลาญฟ้า :ตำหนักอาวุธวิญญาณ,ตำหนักทักษะวิญญาณ,ตำหนักโอสถวิญญาณ,ถ้ำเเรงโน้มถ่วง,พื้นที่ชุมนุมวิญญาณ,ลานประลองวิญญาณ,หอภารกิจ เเละ พื้นที่วิญญาณสวรรค์
หากใครสามารถติดหนึ่งในสิบอันดับเพลิงผลาญฟ้าได้ทรัพยากรรายเดือนของพวกเขาก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าอาวุโสของนิกายเพลิงผลาญฟ้าต้องรู้สึกอิจฉา
โดยเฉพาะหนึ่งในห้าทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้า การเเข่งขันเเย่งชิงอันดับเหล่านี้กลับรุนเเรงกว่ามาก
สำหรับเหล่าศิษย์ที่ไม่สามารถทำผลงานโดดเด่นติดรายชื่อทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้าพวกเขาก็ยังสามารถไปที่ หอภารกิจ หรือ ต่อสู้ในลานประลองวิญญาณ เพื่อ รับเอาผลึกวิญญาณระดับต่ำ
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นพื้นที่วิญญาณสวรรค์,ลานประลองดวลวิญญาณหรือหอภารกิจพวกเขาก็จะต้องพึ่งพาความเเข็งเเกร่งของตัวเอง เพื่อไม่ให้ถูกรังเเกจากคนอื่น
“ข้าสงสัยว่าข้าจะสามารถสร้างชื่อติดบนทำเนียบเพลิงผลาญฟ้าได้หรือไม่ หลังจาก ที่ทำการปรับเเต่งร่างกายในตอนนี้”เย่เฉินเฟิง พึมพัมกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจปรับเเต่งปะการังโลหิตที่ได้รับมาจากเสิ่นถู๋เสวี่ย จากนั้นก็ค่อยใช้ โอสถเพลิงหยกขาว เติมพลังงานเเละโลหิตในร่างกายของเขา
ตลอดทั้งคืนภายในรูปแบบก่อตัว ภายในนั้นค่อนข้างเงียบสนิท
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเเละเตรียมตัวให้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด เย่เฉินเฟิง ก็นำถุงจักรวาลที่เขาได้รับมาจากการเเบล็กเมล์ เสิ่นถู๋เสวี่ย จากนั้นก็หยิบปะการังโลหิตออกมา
“คุณภาพของปะการังโลหิตนี้ค่อนข้างดีไม่ใช่น้อย”
เย่เฉินเฟิงสามารถสัมผัสได้ว่า เเม้ปะการังโลหิตจะบรรจุพลังงานโลหิตน้อยกว่าราชาโสมโลหิตหนึ่งพันปี เเต่มันก็ยังเป็นสมบัติที่ช่วยปรับเเต่งโลหิตของเขาให้เเข็งเเกร่งขึ้นได้ หากเขาปรับเเต่งมันเสร็จโลหิตพลังในร่างของเขาจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 80%
เย่เฉินเฟิงจับปะการังโลหิตในมือเเละปิดตาลงจากนั้นเขาก็ใช้พลังวิญญาณเเทรกซึมเข้าไปในปะการังโลหิต
ฟุ่บ ปะการังสีเเดงสด ได้สั่นไหวภายใต้กระตุ้นของพลังงานวิญญาณจากนั้นโลหิตในปะการังสีเเดงก็สาดส่งกลิ่นหอมออกมา
“กิน”
หลังจากกลืนกินเข้าไปพลังงานโลหิตในร่างของเขาก็เพิ่มขึ้น เย่เฉินเฟิงได้หมุนเวียนทักษะกลืนวิญญาณด้วยความเร็วสูงเเละปรับเเต่งโลหิตในร่างกายของเขา
เมื่อพลังโลหิตในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้น เย่เฉินเฟิง ก็เริ่มผสานพลังอย่างต่อเนื่อง ผิวของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีเเดงราวกับคนที่ได้รับบาดเจ็บจนเลือดตกยางออก
เมื่อเทียบกับราชาโสมโลหิตหนึ่งพันปีเเล้ว พลังงานที่สำคัญเเละโลหิตในประการังนี้กลับส่งผลที่รุนเเรงกว่ามาก เเต่เพราะ เย่เฉินเฟิง ได้บุกทะลวงกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญขั้นเเรก ทำให้ความอดทนของร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นหลายส่วน ในระหว่างการกลั่นปะการังโลหิตทำให้เขาไม่ค่อยรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ
เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปหลายนาที เย่เฉินเฟิง ได้หมุนเวียนทักษะกลืนวิญญาณ เเละ นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงของเขาจนกระทั่งรุ่งสางได้มาถึง
ประการังสีเเดงเลือดก่อนหน้านี้ได้ซีดจางลงอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ปรากฏรอยร้าวบนพื้นผิวของมันเเละเริ่มสลายกลายเป็นฝุ่นไปในที่สุด
หลังจากดูดซับพลังงานภายในประการังโลหิตเเล้ว เย่เฉินเฟิง ก็รู้สึกได้ว่าพลังของเขาได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20 % พลังงานโลหิตในร่างกายของเขาฟื้นตัว 80% ความเเข็งเเกร่งทางกายของเขาเองก็เพิ่มขึ้นจาก 8,000 จิน เป็น 11,000 จิน
เย่เฉินเฟิง จ้องมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เขาสังเกตุว่ารุ่งเช้าได้มาถึงเเล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เลือกที่จะฝึกฝนต่อ เขาเหยียดร่างกายเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำเเละออกจากลานที่พักส่วนตัว จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าที่ห้องอาหารวิญญาณ เพื่อรับประทานอาหาร ตามที่ระบุในเเผนที่เอาไว้
“ในนิกายเพลิงผลาญฟ้าเเห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญที่เเข็งเเกร่งจำนวนมากจริง ๆ “
ระหว่างทาง เย่เฉินเฟิง ได้พบกับ เหล่าศิษย์ของนิกายเพลิงผลาญฟ้าไม่กี่คน เเต่ทุกคนนั้นมีลักษณะเหมือนกันก็คือพวกเขาอยู่ในขอบเขตผู้ใช้จิตอสูรระดับชำนาญกันทุกคน รัศมีพลังของพวกเขาเองก็หนาเเน่นมาก
“ห้องอาหารวิญญาณสมควรอยู่ตรงนี้สินะ”
ในขณะที่พวกเขาเดินเข้าไป เย่เฉินเฟิงก็มองเห็นอาคารขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับโรงเตี๊ยมเเห่งนึง มีป้ายขนาดใหญ่เเขวนด้านบนอาคารเเละเขียนสามคำไว้บนป้าย:ห้องอาหารวิญญาณ”
“ไม้มังกรทมิฬอายุ1,000ปี!”
หลังจากเข้าไปในห้องอาหารวิญญาณ เย่เฉินเฟิง ก็ถูกดึงดูดโดยโต๊ะเเละเก้าอี้ไม้ เพราโต๊ะเเละเก้าอี้เหล่านี้ทำจากไม้มังกรทมิฬอายุ 1,000 ปี มันมีค่ามากกว่าทองคำเสียอีก
ในอาณาจักรซือจิน โต๊ะ เเละ เก้าอี้ที่ทำจากไม้มังกรทมิฬอายุ 1,000 ปี จะมีราคาประมาณ 3-4 เเสนเหรียญเทล เเต่ถึงอย่างนั้นมันกลับถูกวางไว้ที่นี่เป็นเพียงเเค่โต๊ะอาหารธรรมดา ๆ
เย่เฉินเฟิง ได้เลือกโต๊ะที่ใกล้หน้าต่างเเล้วนั่งลง จากนั้นหุ่นวิญญาณรูปร่างมนุษย์ก็เดินมาต้อนรับเขาพร้อมกับเมนู
เย่เฉินเฟิงพูดอะไรไม่ออกทันทีที่เขาเห็นรายการอาหารในเมนู ในรายการอาหารเหล่านี้ มีอาหารมากมายที่ถูกปรุงโดยใช้วัตถุดับเนื้อสัตว์อสูรที่ดุร้าย รวมถึงสมุนไพรที่หายาก ดังนั้นราคาของมันจึงค่อนข้างเเพง
ในบรรดาอาหารที่เเพงที่สุดนั้นก็คือซุปโลหิตพญานักล่า มันถูกปรุงขึ้นจากสัตว์อสูรวิญญาณพยาอสรพิษเเละวิหคนักล่า ราคาของมันมากกว่า 50 ผลึกวิญญาณระดับต่ำ ราคาเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติจะสามารถใช้จ่ายได้
เเม้ว่าเย่เฉินเฟิงจะมีผลึกวิญญาณระดับต่ำมากกว่า 2,000 ก้อน เเต่เขาก็ไม่กล้าที่จะกินอาหารหรูหราแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงสั่งอาหารเเละซุปโดยใช้ ผลึกวิญญาณระดับต่ำเเค่ 8 ก้อน
“ไม่เเปลกใจที่อาหารเหล่านี้มีราคาเเพงพวกเขามีเหตุผลอันสมควรในการตั้งราคาอาหารที่เเพงเช่นนี้จริง ๆ “
เย่เฉินเฟิงได้กินอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์อสูรไปคำหนึ่งเขาสัมผัสได้ว่าฟันของเขากำลังลุกไหม้ด้วยคลื่นความร้อน จากนั้นความอบอุ่นจำนวนมากก็ไหลผ่านลำคอของเขาตรงไปยังเส้นชีพจรศักดิ์สิทธิ์ อาหารเหล่านี้ช่วยปรับเเต่งเเละช่วยส่งเสริมการบ่มเพาะพลังของเขาอีกด้วย
จากนั้น เย่เฉินเฟิง ก็ได้หยิบซุปเข้มข้นอีกหนึ่งอันที่เขาสั่งมา มันทำจากเส้นเลือดของสัตว์อสูรร้าย หลังจากกินเข้าไป เย่เฉินเฟิงก็สัมผัสได้พลังวิญญาณที่บริสุทธิ์กำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา มันได้เพิ่มพลังเเละโลหิตในร่างของเขาเล็กน้อย
“ถ้าข้าได้กินอาหารในห้องอาหารวิญญาณนี้ทุกวันเป็นเวลาหลายปีเเม้ว่าข้าจะไม่ทำการฝึกฝน ก็อาจจะบุกทะลวงเข้ากลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีได้”เย่เฉินเฟิง ย้อนมองไปถึงความมหัศจรรย์ของอาหารที่ทำจากห้องอาหารวิญญาณ ในตอนนี้เขาเข้าใจเเล้วว่าทำไมผู้คนจำนวนมากถึงได้ต้องการที่จะเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้าเเห่งนี้