531 สิบโรคร้าย ขี้ผึ้ง
ชื่อของตำราแพทย์ที่ได้รับเป็นรางวัลก็คือ “สิบโรคร้าย” หวังเย้าหยิบหนังสือขึ้นมาดูใกล้ๆ วัสดุที่ใช้ทำหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ทั้งกระดาษหรือทองคำ มันเป็นวัสดุเดียวกับหนังสือที่ได้รับจากระบบเมื่อครั้งก่อน
เขาเปิดดูคร่าวๆสองสามหน้า แล้วเขาก็ตกหลุมรักมันในทันที เขาใช้เวลาอ่านมันไปตลอดทั้งคืน มันเป็นหนังสือที่วิเศษมาก!
เนื้อหาด้านในนั้นต่างไปจากตำราเล่มก่อน แต่ก็มีบางส่วนที่คล้ายคลึงกันอยู่
คำว่า “สิบ” ที่อยู่บนปกหนังสือนั้นมีความหมายว่าที่สุด สิบโรคร้ายจึงมีความหมายว่า โรคที่ร้ายแรงที่สุด เช่น อาการบอบช้ำ, ถูกพิษ, และเนื้อร้าย เนื้อหาที่อยู่ด้านในหนังสือล้วนเป็นโรคที่รักษาได้ยากทั้งหมด ถ้าหากหวังเย้าได้หนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เขาก็คงจะสามารถรักษาคนไข้ทั้ง 10 ได้ง่ายขึ้นมาก
ภายในหนังสือมีรายละเอียดของเคสการรักษา, วิธีการรักษา, รวมทั้งสูตรยาสมุนไพรที่ใช้ด้วย แต่ละเคสล้วนแตกต่างกันไป แต่มีการอธิบายอาการของแต่ละโรคอย่างเจาะลึก
เช้าแล้วเหรอ? หวังเย้ามองออกไปนอกหน้าต่าง และพบว่ามันเป็นเวลาเช้าแล้ว
แล้วสูตรยาที่ใช้ล่ะ? นี่อะไรน่ะ? ขี้ผึ้งต้วนชู่!
ทันทีที่หวังเย้าเห็นชื่อของขี้ผึ้ง มันก็ทำให้เขานึกถึงขี้ผึ้งหยกดำในนิยายกังฟูชื่อดังเรื่องหนึ่ง
ขี้ผึ้งมีสรรพคุณในการหยุดเลือด, ลดการอักเสบ, เชื่อมกระดูก, และซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ได้รับความเสียหาย
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะหยุดเลือดและลดการอักเสบ แต่การเชื่อมกระดูกและซ่อมแซมเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อที่ได้รับความเสียหายนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แน่นอนว่า มันไม่สามารถทำให้กระดูกงอกขึ้นมาใหม่ได้
ตัวยานั้นมีสมุนไพรคือ โสมซานซี, เสวียเจี๋ย, หนิวซี, วูเถิง, ปาเจียวถง, กุยหยวน, และเฟยหลายเฟิง
ในสูตรยานี้มีสมุนไพรรากอยู่ 4 ชนิดด้วยกัน หวังเย้ามีอยู่แล้วสาม ส่วนเฟยหลายเฟิงเป็นสมุนไพรรากชนิดใหม่ เขาเปิดดูร้านค้าของระบบ แต่ก็ไม่พบว่ามีสมุนไพรตัวนี้ขายอยู่
“ระบบ ฉันจะหาเฟยหลายเฟิงมาได้ยังไงเหรอ?” หวังเย้าถาม
‘อัพเกรด’ ระบบตอบ
เพียงแค่คำเดียว ระบบไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
มันเป็นเช้าที่สดใสและเจิดจ้า หวังเย้าลงไปจากเนินเขาแต่เช้าเพื่อกลับไปเอาของที่บ้าน เขาขนของใส่ไว้ที่ท้ายรถและขับเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชาน
เขาไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่และเพื่อนอีกสองสามคน จากนั้น เขาก็ขับรถไปที่ห่ายชิว เพื่อไปเยี่ยมเว่ยห่ายและแม่ของหยางห่ายฉวน
แม่ของนายกหยางรู้สึกยินดีมากที่ได้เห็นหวังเย้า เธอไม่คิดเลยว่า หวังเย้าจะมาหาเธอได้ เธอพูดคุยกับเขาอยู่ครู่หนึ่ง
“คุณดูแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆเลยนะครับ” หวังเย้าพูด
“ก็ต้องขอบคุณหมอนั่นแหละ” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณมีแฟนรึยังคะ?”
“ครับ” หวังเย้าตอบ
“ถ้าคุณจะแต่งงานเมื่อไหร่ คุณจะต้องบอกฉันด้วยนะ” แม่ของนายกหยางพูด
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
ตอนที่หวังเย้าขับรถกลับมาจากห่ายชิว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว เมื่อใกล้ถึงตรุษจีน บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองก็มีให้เห็นมากขึ้น
จางซิวหยิงกำลังยุ่งอยู่กับงานบ้าน หวังเย้าจึงเข้าไปช่วยเธอ และแทบจะไม่ได้เข้าไปที่คลินิดเลย
ซุนหยุนเชิงเดินทางมาที่หมู่บ้านในวันที่ 27 ของเดือนแรกในปฏิทินจันทรคติ เพื่อนำผลวิเคราะห์ดินมาให้กับหวังเย้า
“ขอโทษด้วยนะครับ คนที่ผมไหว้วานให้ทำงานนี้ บังเอิญมีเรื่องด่วนเข้ามา ผลวิเคราะห์ล่าช้าไปหน่อย” ซุนหยุนเชิงพูด
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่เอามาให้ผมนะ” หวังเย้าพูด
เขาเชิญซุนหยุนเชิงทานอาหารด้วยกันที่บ้าน
หวังเย้าอ่านดูรายงานผลการวิเคราะห์ ห้องแล็ปนี้ได้ทำการวิเคราะห์เอาไว้อย่างละเอียด ข้อมูลบางส่วนได้ดึงดูดความสนใจจากเขา ห้องแล็ปได้ตรวจพบไวรัสจากในดิน ซึ่งมันสามารถส่งผลเสียต่อพืชโดยรอบและสามารถแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างได้
ไมโครออแกนิซึม? ไม่มีใครในห้องแล็ปเคยเห็นมันมาก่อน มันเป็นไวรัสที่อันตราย เพราะไม่มีใครรู้จักมัน มันสามารถสร้างปัญหาใหญ่ได้ หากว่ามันแพร่กระจายออกไป หวังเย้าจำเป็นต้องหาทางกำจัดเจ้าไวรัสนี้ให้ได้
วันที่ 28 หวังรุ่ยกลับมาที่บ้าน มันเป็นวันก่อนตรุษจีน
เสียงประทัดดังลั่นไปทั่วทุกซอกซอยในหมู่บ้าน หวังเย้าและครอบครัวทำเกี๊ยวไว้กินเป็นมื้อเย็น พวกเขานั่งดูรายการทีวีปีใหม่ของช่องซีซีทีวี ทุกคนต่างมีความสุขในวันนี้
อีกหนึ่งปีได้ผ่านพ้นไป ทุกคนแก่ลงไปอีกปี
หวังเย้าไม่ได้กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน เขาอยู่ดูทีวีกับทุกคนที่บ้าน การแสดงดูเหมือนจะแย่ลงไปทุกปี แต่ผู้คนก็ยังคงดูอยู่คล้ายกับติดเป็นนิสัยไปแล้ว
ที่ปักกิ่งยังคงวุ่นวายเหมือนเช่นเคย ซูเสี่ยวซวีกำลังทานอาหารเย็นร่วมกับคนในครอบครัวของเธอ
“เสี่ยวซวี ปีใหม่นี้ ลูกมีอะไรที่อยากได้บ้างไหม?” ซูเซี่ยงฮวาถาม
“มีค่ะ หนูอยากจะออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆข้างนอกค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ลูกอยากจะเรียนอะไรเหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถามด้วยรอยยิ้ม
“นั่นเป็นความลับค่ะ ตอนนี้หนูยังบอกคุณพ่อไม่ได้” ซูเสี่ยวซวีพูด
“มีเหตุผล” ซูเซี่ยงฮวาพูด
ภายในกระท่อมไม่ไกลจากบ้านตระกูลซู เฉินหยิงและเฉินโจวก็กำลังฉลองปีใหม่กันอยู่ เธอคิดว่ามันเป็นวันที่มีความสุขที่สุดสำหรับเธอ เพราะเธอได้ใช้เวลาอยู่กับน้องชายของเธอในวันปีใหม่ เธอจึงทำอาหารจนเต็มโต๊ะ
“พี่ พี่ไม่เห็นจะต้องทำอาหารเยอะแยะขนาดนี้เลย มันจะทำให้พี่เหนื่อยเกินไปนะ” เฉินโจวพูด ในตอนที่กำลังช่วยพี่สาวของเขาอยู่
“ก็พี่มีความสุขมากนี่นา” เฉินหยิงพูด
มันเป็นเรื่องที่ดี เมื่อได้ใช้เวลาในช่วงสำคัญที่สุด กับคนที่สำคุณที่สุดในชีวิตของเธอ มันเป็นค่ำคืนที่สงบและสบายใจ
หวังเย้าได้รับสายจากเพื่อนเก่า, เพื่อนๆ, และคนไข้บางคนที่มีเบอร์ของเขาอยู่ พวกเขาต่างก็อวยพรให้เขาได้พบแต่สิ่งที่ดีที่สุด
“สวัสดีปีใหม่!”
ทุกคนต่างพูดสวัสดีปีใหม่ให้แก่กัน และพูดซ้ำๆสามครั้งในทุกครั้ง
เช้าวันต่อมา ชาวบ้านแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านแต่ละคนเพื่อส่งคำอวยพรให้แก่กัน ชาวบ้านบางคนก็พร้อมที่จะใช้ช่วงเวลาของวันหยุดต่อไป
หวังเย้าใช้เวลาอยู่กับครอบครัวตลอดทั้งวัน และไปเยี่ยมเพียงญาติสนิทไม่กี่คนเท่านั้น
ตู้หมิงหยางเดินทางมารับหวังรุ่ยในตอนเช้า
หวังเย้าแบกถุงใส่อาหารห่อใหญ่ขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
“ซานเซียน ต้าเซี่ย สวัสดีปีใหม่! นายก็ด้วยนะ เสี่ยวเฮย มานี่สิ ฉันเอาของกินมาให้พวกนายเยอะแยะเลยล่ะ” หวังเย้าพูด
เขานำเนื้อหลากหลายชนิดมาเป็นจำนวนมาก
“ค่อยกินนะ ไม่ต้องรีบ” หวังเย้าลูบหัวซานเซียนและต้าเซี่ย
“สวัสดีปีใหม่” หวังเย้าพูดกับสมุนไพรที่เติบโตเป็นอย่างดีในแปลงสมุนไพร
สมุนไพรราวกับเข้าใจคำพูดของหวังเย้า และเริ่มโยกไปมา
“ฮาๆๆ!”
คนส่วนมากมักจะออกไปเยี่ยมญาติในวันแรกของปีใหม่ ในวันที่สอง ตามธรรมเนียมแล้ว ชาวบ้านจำเป็นต้องไปเคารพบรรพบุรุษของพวกเขาที่หลุมฝังศพ
อาทั้งสองคนของหวังเย้ามาถึงพร้อมกันในตอนเช้า พวกเขาพากันไปเคารพบรรพบุรุษด้วยกันทั้งครอบครัว มีการจุดประทัดและเผากระดาษกระดาษทอง มีเสียงจุดประทัดดังอยู่ทั่วบริเวณ
อาของหวังเย้าทั้งสองอยู่ทานอาหารกลางวันที่บ้าน พวกเขาดื่มกันจนเมา อาคนเล็กสุดพร่ำบนเกี่ยวกับชีวิตของเขาเหมือนอย่างเคย ส่วนอาอีกคนก็โม้ถึงงานที่เขากำลังทำอยู่
ไม่แปลกที่คนสมัยก่อนจะพูดเอาไว้ว่า ลูกทั้งเก้าของมังกรล้วนแตกต่างกันไป ไม่มีอาของหวังเย้าคนไหนเลยที่จะทำดีและซื่อตรงต่อพ่อของเขา
หลังจบมื้อเที่ยง อาทั้งสองก็มีอาการเมาเล็กน้อย พวกเขากลับบ้านของตัวเองด้วยรถจักรยาน
หนึ่งในพวกเขากำลังเริ่มสร้างกิจการของตัวเองอยู่ แต่เขาก็ล้มเหลว สถานการณ์ในตอนนี้ เลวร้ายยิ่งกว่าตอนที่เขามีงานประจำทำด้วยซ้ำ ส่วนอีกคน ก็ไม่ให้คุณค่ากับตำแหน่งดีดีในบริษัทใหญ่ที่ตนได้รับโอกาสเลยสักนิด
หวังเย้าพูดอะไรไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าอาทั้งสองของเขา พ่อของเขาเป็นห่วงพวกเขามาก แต่ทุกคนล้วนมีชีวิตเป็นของตนเอง หวังเย้าและพ่อของเขาได้พยายามช่วยพวกเขาอย่างถึงที่สุดแล้ว
ในวันที่สามของวันปีใหม่ ลูกหลานจะพากันไปเยี่ยมพ่อแม่ของพวกเขา
หวังเย้ายังไม่ได้แต่งงาน โดยปกติ พวกเขาทั้งหมดจะพากันไปที่บ้านตายายของเขาในวันที่สามของปีใหม่ แต่ปีนี้ต่างออกไป พวกเขาไม่ได้ไปไหนเลย แต่กลับอยู่ที่บ้านเพื่อรอการมาถึงของตู้หมิงหยางแทน
“พรุ่งนี้ลูกว่างไหมจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม
“ว่างครับ” หวังเย้าพูด
“งั้นเราไปเยี่ยมตากับยายกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด
“ได้ครับ” หวังเย้าตอบ
ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ห้าของปีใหม่ หวังเย้าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเยี่ยมญาติ, ดื่มกิน, และพูดคุยกับคนมากหน้าหลายตา
บริษัทและองค์กรส่วนใหญ่เริ่มเปิดทำการในวันที่หกหรือแปดของปีใหม่ เพราะเลขหกและแปดถือเป็นเลขมงคลของคนจีน
หวังเย้าเปิดคลินิกของเขาในวันที่หก เขาไม่ได้เผากระดาษเงินกระดาษทองหรือจุดประทัด เขาเพียงแค่ปลดล็อกประตูเหมือนปกติเท่านั้น
ในวันนี้ เขาไม่มีคนไข้แม้แต่คนเดียว คนส่วนใหญ่เลือกจะไม่ไปหาหมอก่อนวันที่ 15 ของปีใหม่ นอกจากว่าอาการของพวกเขาจะรุนแรงจนรอไม่ได้อีกแล้ว หวังเย้าไม่คิดว่า การทิ้งอาการป่วยเอาไว้นานๆจะเป็นเรื่องดีเลยสักนิด
ตรุษจีนได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่สำหรับบางคน ความกังวลไม่ได้ผ่านไปพร้อมกับปีใหม่เลย
ยกตัวอย่างเช่น หวูถงชิ่งและพี่ชายของเขาได้ขอให้หมอประจำตระกูล มาตรวจดูอาการพ่อของพวกเขาในทุกๆวัน ถึงแม้ว่าหวูเหล่าจะไม่ต้องการพบหมอในช่วงเวลาของวันปีใหม่ก็ตามที
หลังจากผ่านปีใหม่ไป หวูถงชิ่งและพี่ชายของเขาก็ต้องการที่จะไปเชิญหวังเย้าให้มาดูอาการพ่อของเขาอีกครั้ง
“ฉันจะรีบไปเหลียนชานให้เร็วที่สุด” หวูถงชิ่งพูด
“ช่วงต้นปี งานของนายคงจะต้องยุ่งมากแน่ๆ แล้วยังจะต้องคอยติดต่อกับหมอหวังอีก” หวูถงหรงพูด “บางที นายน่าจะจ้างคนที่ไว้ใจได้ให้คอยติดต่อกับหมอหวังแทนนานดูนะ”
“อืม เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน ฉันจะลองถ้าคนที่เชื่อใจได้ดู” หวูถงชิ่งพูด
หวังเย้าได้รับข่าวดี หลังจากที่ผ่านช่วงปีใหม่ไปแล้ว เพราะเขาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในหมอที่มีชื่อเสียงของเขต ดังนั้น ก็แสดงว่าเขาได้ทำภารกิจสำเร็จแล้ว
ติ้ง! โอม!
มือถือของหวังเย้าส่งเสียงดัง เขามองดูเบอร์แปลกบนหน้าจอ
“ฮัลโหล” หวังเย้าพูด
“ฮัลโหล คุณหวัง” คนที่อยู่ปลายสายพูด