539 คนชั่วต้องถูกลงโทษ
“ผมไปส่งนะครับ” หวังเย้าพูด
“ไม่ต้องหรอก ขอบใจนะ ฉันกลับเองได้” ชายชราใช้ไม้เท้าพยุงเดินไปอย่างช้าๆ
หวังเย้ารู้สึกเป็นห่วงเขา ดังนั้น เขาจึงเดินตามชายชราไปจนถึงที่บ้าน ด้านหลังของชายชราดูไม่มีเนื้อหนังและไร้เรี่ยวแรง หลังของเขาโก่งโค้งและมีอาการสั่นเทา หวังเย้ารู้สึกสงสารเขา เพราะในสายตาของเขา เบื้องหลังของชายชรานั้นกว้างใหญ่และแข็งแกร่ง เพราะเขาเป็นพ่อดีที่คนหนึ่ง
“พ่อไปที่ไหนมา?” หวังเย้าได้ยินเสียงหวังเจ๋อเชิงตะคอกใส่ชายชรา ราวกับว่า เขากำลังดุด่าเด็กดื้อคนหนึ่งอยู่
หวังเย้าหยุดชะงักไป เขาอยากจะกระโดดข้ามกำแพงและตบไปที่หน้าของหวังเจ๋อเชิง เขาอยากจะถามหวังเจ๋อเชิงว่า ใครกันที่มอบชีวิตให้กับเขาและเลี้ยงดูเขามา
แต่หวังเย้าก็ไม่ทำ เขาไม่ต้องการให้ชายชราต้องลำบากใจ หวังเย้าหันหลังเดินจากไป เขาเดินข้ามสะพานหิน เดินเรียบไปตามถนนและถึงบ้าน
“ทำไมถึงได้กลับมาช้าขนาดนี้ล่ะจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม
“ผมบังเอิญเจอลุงยี่หลงน่ะครับ ก็เลยเดินไปส่งเดินไปส่งเขาที่บ้านก่อน” หวังเย้าพูด
“เขาดีขึ้นบ้างรึยังจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม “แม่เจอเขาที่ถนนเมื่อสองสามวันก่อน เขาดูป่วยหนักมาก แม้แต่จะเดินให้ตรงยังทำไม่ได้เลย”
“ไม่เลยครับ อาการของเขาแย่ลงมาก” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” จางซิวหยิงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ หวังเฟิงฮวาจุดบุหรี่อย่างเงียบเชียบ
“แม่ว่า ลูกชายของเขาคงจะไม่ได้ดีขึ้นเลยล่ะสิ” จางซิวหยิงพูด
“ตอนผมไปส่งลุงยี่หลงที่บ้าน ผมได้ยินเขาตะคอกด่าคุณลุง อย่างกับว่าคุณลุงเป็นเด็กที่ทำเรื่องไม่ดีมาอย่างนั้นแหละ” หวังเย้าพูด
ในขณะเดียวกัน หวังเจ๋อเชิงก็กำลังรู้สึกแย่มาก
“เชี่ย! เกิดบ้าอะไรขึ้นกับท้องของฉันกันแน่?” หวังเจ๋อเชิงนั่งอยู่ในห้องน้ำเพราะท้องเสีย เขารู้สึกปวดท้องอย่างหนัก ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังบิดลำไส้ของเขาอยู่
เกิดอะไรขึ้นกับฉันกัน? ฉันเข้าห้องน้ำหลายครั้งตั้งแต่เช้าแล้ว ทำไมตกบ่ายก็ยังไม่ดีขึ้นอีก?
หวังเจ๋อเชิงเช็ดก้นของเขาและเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่แล้ว ท้องของเขาก็เริ่มร้องครืนคราดขึ้นมาอีกครั้ง
“พอได้แล้ว!” เขากลับเข้าไปในห้องน้ำ
ภายในเวลาแค่วันเดียว เขาเข้าห้องน้ำไปแล้วถึง 10 กว่าครั้ง เขาแทบจะเดินไม่ตรง และต้องเกาะกำแพงเดิน
ฉันต้องไปโรงพยาบาล
เขาพูดกับภรรยาของเขา จากนั้น เขาก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไปที่โรงพยาบาลด้วยความรีบร้อน เขาไม่ต้องการท้องเสียในระหว่างที่กำลังไปโรงพยาบาลและอึราดกางเกงของตัวเอง
เขาไม่ต้องการไปที่คลินิกของหวังเย้า แต่เลือกไปอนามัยแทน ตั้งแต่หวังเย้าเปิดคลินิกขึ้นและได้ชื่อเสียงที่ดี คนก็เริ่มไปรักษาที่อนามัยน้อยลงเรื่อยๆ
“สวัสดีครับ หมอ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“เจ๋อเชิง เป็นอะไรไปน่ะ?” หมออนามัยถาม “หน้าของเธอดูซีดๆนะ”
“ผมท้องเสียน่ะครับ วันนี้ ผมเข้าห้องน้ำไป 10 กว่ารอบแล้ว” หวังเจ๋อเชิงพูด ถึงแม้ว่าเขาจะพูดไม่ดีกับพ่อของเขา แต่กับคนอื่น เขาค่อนข้างจะสุภาพมาก
“มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอได้กินอะไรที่ไม่ควรกินเข้าไปรึเปล่า?” หมออนามัยถาม
“ไม่นะครับ เมื่อเช้าผมกินบะหมี่ไปแค่ถ้วยเดียว ตอนกลางวันก็กินผักกับซาลาเปา” หวังเจ๋อเชิงพูด
“อ่อ เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้เธอไปกินแล้วกันนะ” หมออนามัยพูด
เขาจ่ายยาฆ่าเชื้อและยาหยุดอาการท้องเสีย จากนั้น เขาก็บอกวิธีการกินกับหวังเจ๋อเชิง
“ผมจะหายใช่ไหมครับ?” หวังเจ๋อเชิงถาม
“อาการท้องเสียของเธอหนักมาก ดูเหมือนว่าเธอจะมีอาการขาดน้ำด้วย ให้เธอรีบกินยานี้ให้เร็วที่สุด ขอแค่หยุดอาการท้องเสียได้ เธอก็จะไม่เป็นอะไร แต่ถ้ามันไม่หาย เธอก็คงต้องมาให้น้ำเกลือ” หมออนามัยพูด
“โอเคครับ ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก” หวังเจ๋อเชิงพูด
หวังเจ๋อเชิงเดินทางกลับบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะถึงบ้าน เขาก็ไม่สามารถอั้นได้อีกต่อไปและอึราดกางเกงตัวเอง
“โตขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงยังอึราดกางเกงตัวเองอีก?” ภรรยาของเขาบ่นในตอนที่ซักกางเกง
“เธอคิดว่าฉันตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้เหรอไง?” หวังเจ๋อเชิงถามด้วยความไม่พอใจ
เมื่อได้ยินเสียงของเขา ผู้เป็นพ่อก็เดินออกมาจากในบ้าน
“ยังท้องเสียอยู่อีกเหรอ?” ชายชราถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“ผมไม่ได้เป็นอะไร พ่อกลับเข้าบ้านไปเถอะ” หวังเจ๋อเชิงพูดด้วยท่าทางหงุดหงิด
“อย่าไปกินอะไรที่มันเป็นของแสลงล่ะ” ชายชราพูด “แล้วได้ไปหาหมอมารึยัง?”
“ไปแล้ว พ่อเลิกยุ่งสักทีได้ไหม?” หวังเจ๋อเชิงตอบกลับด้วยความไม่พอใจ
ชายชราถอนหายใจและเดินกลับเข้าไปในห้องของเขา
“ไม่นะ! ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้!” เขาสวมกางเกงตัวใหม่และรีบวิ่งที่ห้องน้ำ
มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาในหมู่บ้านตอนบ่าย 3 โมง มันหยุดลงตรงทิศใต้สุดของหมู่บ้าน หญิงสาวท่าทางดีและดูกระฉับกระเฉงก้าวลงจากตัวรถ เธอเคาะประตูคลินิกของหวังเย้าและเดินเข้าไปด้านใน
“สวัสดีค่ะ หมอหวัง ฉันหวังว่าคงจะไม่ได้มารบกวนคุณนะคะ” เฉินหยิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เลยครับ ยินดีต้อนรับ ตอนนี้ผมไม่มีคนไข้อยู่แล้ว” หวังเย้าพูด “พี่ไม่จำเป็นต้องเอาของอะไรมาด้วยหรอกนะครับ”
“ก็แค่อาหารเท่านั้นเองค่ะ” เฉินหยิงวางถุงใบใหญ่ลงบนโต๊ะ
“น้องชายของพี่ยังอยู่ที่กระท่อมรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม
“ไม่แล้วล่ะค่ะ เขากลับไปที่ศูนย์รักษาแล้ว” เฉินหยิงพูด
“เขาอาการกำเริบเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“เปล่าหรอกค่ะ แต่ฉันยุ่งมาก เลยไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่กระท่อมคนเดียว ถ้าจะจ้างคนมาเฝ้าเขามันก็คงจะไม่เหมาะ ฉันก็เลยพาเขากลับไปที่ศูนย์น่ะค่ะ” เฉินหยิงพูด
“เข้าใจแล้วครับ อีกไม่กี่วันผมจะไปดูอาการของเขาให้ จะได้ตรวจดูเขาอย่างละเอียดด้วย” หวังเย้าพูด
“จริงเหรอคะ?” เฉินหยิงเดินทางมาพบหวังเย้าก็เพราะเรื่องน้องชายของเธอ แต่เธอก็ไม่อยากจะแสดงอย่างออกนอกหน้าจนเกินไป เธอเพียงแค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ไม่คิดเลยว่า หวังเย้าจะเป็นคนยกประเด็นนี้ขึ้นมาเอง ดังนั้น เธอจึงไม่จำเป็นต้องพูดข้ออ้างที่เธอเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้
“จริงสิครับ เพราะยังไงผมก็ต้องไปหาพ่อของคุณหวูอยู่แล้ว” หวังเย้าพูด
ในเมื่อเขาลงมือรักษาไปแล้ว เขาก็ต้องพยายามรักษาอย่างสุดความสามารถ
“พี่ต้องรีบกลับรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม
“ไม่ค่ะ ถามทำไมเหรอคะ?” เฉินหยิงถาม
“ผมอยากจะทำยาให้น้องชายของพี่น่ะครับ” หวังเย้าพูด “พี่พักอยู่ที่เหลียนชานสักคืนก่อนได้ไหม?”
“ได้สิคะ” เฉินหยิงพูด นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว
พวกเขาอยู่คุยกันสักพัก หวังเย้าก็สอบถามเรื่องอาการของซูเสี่ยวซวี เขายินดีมากที่ได้รู้ว่าอาการของเธอดีขึ้นมากแล้ว
ในตอนที่กำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีแขกอีกคนมาหา
เขาเป็นชายร่างใหญ่และสูงประมาณ 180 เซนติเมตร แต่เขากลับดูซีดเซียวและเดินไม่ตรง
“สวัสดี หวังเย้า” ผู้มาเยือนพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษที่ต้องมารบกวนนะ”
เขาก็คือ หวังเจ๋อเชิง เขาได้ยาจากอนามัยมาสองอย่างและกินมันเข้าไปในทันที แต่ยาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลยสักนิด และอาการท้องเสียของเขาก็แย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ เขาจึงกลับไปที่อนามัยเพื่อเติมน้ำเกลือ และต่อมา เขาก็ทำตามคำแนะนำของภรรยาที่ให้เขามาหาหวังเย้า
“เชิญนั่งครับ” หวังเย้าพูด
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ ฉันยืนดีกว่า” หวังเจ๋อเชิงพูด
“พี่ไม่สบายเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ใช่ นายพูดถูก ฉันท้องเสียหนักมาก” หวังเจ๋อเชิงพูด
“หน้าผากของพี่ไปโดนอะไรมาเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ฉันล้มแล้วไปชนเข้ากับขอบประตูน่ะ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“แล้วที่หน้าล่ะครับ?” หวังเย้าชี้ไปที่แก้มบวมช้ำของหวังเจ๋อเชิง
“ฟืนมันกระเด็นเข้าใส่น่ะ” หวังเจ๋อเชิงพูด
เฉินหยิงรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เธอได้ยิน เขาโชคร้ายจริงๆ!
“ขอโทษด้วยนะครับ ผมคงช่วยอะไรพี่ไม่ได้ คนที่จะช่วยพี่ได้มีแค่ตัวพี่เองเท่านั้น” หวังเย้าพูด
“อะไรนะ?” หวังเจ๋อเชิงรู้สึกประหลาดใจ “ตัวฉันเองเหรอ? ยังไงล่ะ?”
“พี่อาจจะไม่พอใจกับคำพูดของผม แต่มันเป็นเพราะบาปกรรมของพี่เอง” หวังเย้าตอบ
“หา?”
ไม่เพียงแค่หวังเจ๋อเชิงที่ประหลาดใจกับคำพูดของหวังเย้าเท่านั้น แต่เฉินหยิงก็มีท่าทางไม่ต่างกัน เธอรู้สึกได้ว่า หวังเย้าไม่พอใจในตัวหวังเจ๋อเชิง เธอเหลือบมองชายวัยประมาณ 30 และสงสัยว่า เขาไปทำอะไร ถึงได้ทำให้ชายที่ใจเย็นอย่างหวังเย้าไม่พอใจได้
“นายช่วยพูดให้ชัดกว่านี้หน่อยได้ไหม?” หวังเจ๋อเชิงถาม
“พี่ไม่รู้จริงๆเหรอ ว่าพี่ทำอะไรไม่ดี?” หวังเย้าถาม
“ฉันทำอะไรล่ะ?” หวังเจ๋อเชิงรู้สึกสับสน
“ฉันขโมยแกะตัวหนึ่งกับไก่อีกสองตัว เจาะยางรถและทุบหน้าต่าง…” หวังเจ๋อเชิงพึมพำกับตัวเอง แต่หวังเย้าก็ยังสามารถได้ยินคำพูดของเขาอย่าชัดเจน เพราะการได้ยินที่ดีกว่าคนทั่วไปของเขา
พระเจ้า เขาทำแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น! ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ!
เฉินหยิงก็ได้ยินคำพูดบางส่วนเช่นกัน เธอคิดว่า ชายคนนี้น่าจะเป็นพวกคนเสเพลในหมู่บ้านนี้
“โอ้ ไม่คิดเลยนะครับ ว่าพี่จะทำเรื่องไม่ดีเยอะขนาดนี้” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“หา?” หวังเจ๋อเชิงถามด้วยความประหลาดใจ
“คิดให้ดีดีครับ” หวังเย้าพูด “พี่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีก? แล้วจากนี้ พี่ก็อาจจะถ่ายออกมาเป็นเลือดด้วย”
“รอเดี๋ยวนะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” หวังเจ๋อเชิงพูด
“เดินออกประตูไปแล้วเลี้ยวขวาครับ” หวังเย้าพูด
หวังเจ๋อเชิงวิ่งไปที่ห้องน้ำและนั่งลง เขาก้มลงมองและก็ต้องตกใจ เขาถ่ายออกมาเป็นเลือด หลังออกมาจากห้องน้ำแล้ว เขาก็ยังไม่หายตกใจ เมื่อเดินกลับเข้ามาด้านในคลินิก ท่าทางของเขานั้นดูงี่เง่ามาก
“หวังเย้า มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่?” หวังเจ๋อเชิงถาม
“มันคือกรรม จากการที่พี่ทำเรื่องไม่ดีหลายๆอย่างลงไป” หวังเย้าพูดด้วยท่าทีที่ดูสงบ “เรื่องที่พี่พูดมามันไม่ได้ร้ายแรงอะไร พี่ต้องคิดให้ดีกว่านี้ครับ”
“ฉันคิดเรื่องอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ” หวังเจ๋อเชิงพูด
“ถ้าอย่างนั้น ผมก็คงจะช่วยอะไรพี่ไม่ได้” หวังเย้าพูด